• Welcome to งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน โรงเรียนวารินชำราบ สพม. เขต 29.
 

ข่าว:

โรงเรียนได้รวบรวม พืชพรรณ นานาชนิดกว่า 600 ชนิด ที่ถูกรวบรวม เรียบเรียงไว้อย่างเป็นระบบ สืบค้นได้ง่าย

Main Menu

เฮลิโคเนีย รหัส 7-34190-001-494

เริ่มโดย จักรพรรดิ์ วงพิมล, 22 มิถุนายน 2013, 10:23:38 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

จักรพรรดิ์ วงพิมล

เฮลิโคเนีย รหัส 7-34190-001-494
       เฮลิโคเนีย (อังกฤษ: Heliconia; ชื่อวิทยาศาสตร์: Heliconia spp.) เป็นสกุลพันธุ์ไม้ที่มีหลายสายพันธ์มีชื่อภาษาไทยต่างๆกัน เช่น ธรรมรักษา ก้ามกุ้ง ก้ามกั้ง สร้อยกัทลี เป็นไม้เขตร้อน ที่นิยมใช้เป็นไม้ตัดดอก ไม้กระถาง และตกแต่งสถานที่ ทั้งในและต่างประเทศมีมากมายหลายพันธุ์ เป็นไม้อวบน้ำยืนต้น มีลำต้นใต้ดิน เรียกว่าเหง้า ส่วนของลำต้นเหนือดินเรียกว่า "ต้นเทียม" (pseudostem) ประกอบด้วยส่วนของลำต้น (stem) และใบเมื่อเจริญเต็มที่ มักมีช่อดอก (infloescemce) แทงออกที่ส่วนกลางของต้นเทียม ลำต้นประกอบด้วยกาบใบ (leaf sheath) วางซ้อนสลับไปมา
เฮลิโคเนียมีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาและหมู่เกาะคาริเบียน โดยชื่อ เฮลิโคเนียนำมาจากชื่อ เฮลิคอน ที่เป็นภูเขาสถิตของเทพธิดา 9 พระองค์ที่เรียกว่า มิวส์ (Muses) ซึ่งมีความงามเป็นอมตะเช่นเดียวกับ เฮลิโคเนียที่มีอายุยืนยาว [1]
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
การเรียงตัวของใบ จะเรียงสลับตรงกันข้ามในระนาบเดียวกัน มีทั้งใบที่คล้ายกล้วย คือมีก้านใบยาว และอยู่ในแนวตั้ง, ใบที่คล้ายขิง คือ มีก้านใบสั้น และใบอยู่ในแนวนอน และใบที่คล้ายพุทธรักษา คือมีก้านใบสั้น หรือยาวไม่มากนัก และใบทุกมุมป้านกับลำต้น
ดอกเฮลิโคเนียจะออกเป็นช่อ สะดุดตา และมีสีสันสวยงาม ช่อดอกมักแทงออกกลางลำต้นเทียม และเป็นส่วนสุดท้ายของการเจริญ. ช่อดอกอาจตั้ง (upright) หรือห้อย (pendent) แล้วแต่ชนิด ส่วนของช่อดอกจะประกอบด้วย ก้านช่อดอก (peduncle) เป็นส่วนต่อระหว่างโคนใบสุดท้ายกับโคนกลีบประดับกลีบแรก กลีบประดับ (inflorescence bract , cincinal bract) เป็นส่วนที่พัฒนามาจากใบ ก้านต่อระหว่างกลีบประดับ (rachis) ส่วนนี้อาจมีสี และผิวแตกต่างจากกลีบประดับ และอาจตรงหรือคดไปมาได้ (zigzag) แล้วแตชนิด
ผลมีลักษณะคล้ายผลท้อ (drupe) มีเนื้อนุ่ม และมีชั้นหุ้มเมล็ดที่แข็ง. ผลสุกจะมีสีน้ำเงิน ถ้าเป็นชนิดที่พบในทวีปอเมริกา และสีส้มในชนิดที่พบในหมู่เกาะแปซิฟิก
การปลูกเลี้ยง
เฮลิโคเนีย สามารถเจริญเติบโตได้ทั้งในที่ร่มรำไรถึงกลางแจ้ง และเจริญเติบโตได้ดีในที่ลุ่มและชื้นแฉะ ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด, แยกกอ หรือเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
ประโยชน์
ใช้ปลูกเป็นไม้ดอกไม้ประดับสวยงาม และเป็นศิริมงคล เพราะชื่อของต้นไม้ชนิดนี้ ที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "ธรรมรักษา" นั้น มีความหมายไปในทางที่ดี นั่นคือ ธรรมรักษาหรือธรรมะนั้น คือการรักษาในสิ่งที่ดีงาม หรือ ผู้ที่มีคุณธรรมซึ่งควรแก่การเคารพบูชา ดังนั้นจึงหมายถึง การช่วยคุ้มครองรักษาให้แคล้วคลาด จากภัยอันตรายทั้งปวง และคนในบ้านก็จะมีคุณธรรมอันดีงามเสมอไป ดอกของต้นไม้ชนิดนี้ ชาวไทยนิยมนำมาใช้บูชาพระ เพราะเชื่อว่า เป็นดอกไม้ที่เหมาะสำหรับบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่ชาวพุทธทั้งหลายนิยมบูชา คนโบราณเชื่อกันว่า หากครอบครัวใด ที่ปลูกต้นธรรมรักษาเอาไว้ในบริเวณบ้าน สมาชิกทุกคนภายในบ้าน ก็จะได้รับการปกป้องคุ้มครองแคล้วคลาดจากอันตราย คนในครอบครัวจึงมีแต่ความสงบสุข
ชื่อวิทยาศาสตร์      Heliconia spp.
ตระกูล                  HELICONIACEAE
ชื่อสามัญ              Heliconia

เฮลิโคเนีย เป็นสกุลพันธุ์ไม้ที่มีหลายสายพันธ์มีชื่อภาษาไทยต่างๆกัน เช่น ธรรมรักษา ก้ามกุ้ง ก้ามกั้ง สร้อยกัทลี เป็นไม้เขตร้อน ที่นิยมใช้เป็นไม้ตัดดอก ไม้กระถาง และตกแต่งสถานที่ ทั้งในและต่างประเทศมีมากมายหลายพันธุ์ เป็นไม้อวบน้ำยืนต้น มีลำต้นใต้ดิน เรียกว่าเหง้า ส่วนของลำต้นเหนือดินเรียกว่า "ต้นเทียม" (pseudostem) ประกอบด้วยส่วนของลำต้น (stem) และใบเมื่อเจริญเต็มที่ มักมีช่อดอก (infloescemce) แทงออกที่ส่วนกลางของต้นเทียม ลำต้นประกอบด้วยกาบใบ (leaf sheath) วางซ้อนสลับไปมา
เฮลิโคเนียมีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกา และหมู่เกาะคาริเบียน โดยชื่อ เฮลิโคเนียนำมาจากชื่อ เฮลิคอน ที่เป็นภูเขาสถิตของเทพธิดา 9 พระองค์ที่เรียกว่า มิวส์ (Muses) ซึ่งมีความงามเป็นอมตะเช่นเดียวกับ เฮลิโคเนียที่มีอายุยืนยาว 
ชนิดและพันธุ์ที่นิยมปลูกเป็นไม้มงคล

1. ชิตาคอรัม       : ( H. psittacorum)

2. แคริเบีย        : ( H. coribaea)

3.ซาร์เตซี          : ( H. chartacea)

4. เพนดูล          : ( H. pendula)


ลักษณะทั่วไป
•   ใบ: การเรียงตัวของใบ จะเรียงสลับตรงกันข้ามในระนาบเดียวกัน มีทั้งใบที่คล้ายกล้วย คือมีก้านใบยาว และอยู่ในแนวตั้ง, ใบที่คล้ายขิง คือ มีก้านใบสั้น และใบอยู่ในแนวนอน และใบที่คล้ายพุทธรักษา คือมีก้านใบสั้น หรือยาวไม่มากนัก และใบทุกมุมป้านกับลำต้น
•   ดอก: ดอกเฮลิโคเนียจะออกเป็นช่อ สะดุดตา และมีสีสันสวยงาม ช่อดอกมักแทงออกกลางลำต้นเทียม และเป็นส่วนสุดท้ายของการเจริญ. ช่อดอกอาจตั้ง (upright) หรือห้อย (pendent) แล้วแต่ชนิด ส่วนของช่อดอกจะประกอบด้วย
o   ก้านช่อดอก (peduncle) เป็นส่วนต่อระหว่างโคนใบสุดท้ายกับโคนกลีบประดับกลีบแรก
o   กลีบประดับ (inflorescence bract , cincinal bract) เป็นส่วนที่พัฒนามาจากใบ
o   ก้านต่อระหว่างกลีบประดับ (rachis) ส่วนนี้อาจมีสี และผิวแตกต่างจากกลีบประดับ และอาจตรงหรือคดไปมาได้ (zigzag) แล้วแตชนิด
•   ผล: มีลักษณะคล้ายผลท้อ (drupe) มีเนื้อนุ่ม และมีชั้นหุ้มเมล็ดที่แข็ง. ผลสุกจะมีสีน้ำเงิน ถ้าเป็นชนิดที่พบในทวีปอเมริกา และสีส้มในชนิดที่พบในหมู่เกาะแปซิฟิก
การปลูก
การปลูก วิธีที่นิยมปลูกมี 2 วิธี คือ
1). การปลูกในแปลงปลูก ทำกัน 2 แบบ
     1.1การปลูกในแปลงใหญ่หรือปลูกในสวนคือปลูกเป็นจำนวนมากใช้ขนาดแปลงกว้างประมาณ12เมตรโดยยกคันดินเป็นร่องคล้าย
          กับแปลงปลูกผัก ขนาดหลุมปลูกประมาณ 30 x 30 x30เซนติเมตรระยะปลูกประมาณ12เมตร การเตรียมดินโดยการไถพรวนดิน
         แล้วผสมปุ๋ยอินทรีย์ลงไป อัตราประมาณ 30 - 50กิโลกรัม/แปลงในขนาดแปลงปลูกประมาณ 2 x 30 เมตร
     1.2 การปลูกในแปลงปลูกขนาดเล็ก ที่มีจำนวนพื้นที่จำกัด เช่น การปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านหรือสวน ขนาดหลุมปลูก 30 x 30 x         30 เซนติเมตรใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก:ดินร่วนอัตรา1:1ผสมดินปลูกแต่ถ้าจะให้สวย งามควรปลูกเป็นกลุ่มเพราะจะได้เห็นความ
          สวยงามของดอกได้เด่นชัดขึ้น

2). การปลูกในกระถางเพื่อใช้ประดับอาคารบ้านเรือน นิยมใช้เป็นดอกประดับภายนอกอาคาร ควรใช้กระถางสูงขนาด 10 - 16 นิ้ว     ใช้ปุ๋ยคอก : แกลบผุ : ดินร่วน อัตรา 1 : 1 : 1 ผสมดินปลูก และควรเปลี่ยนกระถาง 12ปี/ครั้งเพราะการขยายตัวของรากแน่นเกินไป
     และเพื่อเปลี่ยนดินปลูกใหม่แทนดินปลูกเดิมที่เสื่อมสภาพไป

การขยายพันธุ์

เฮลิโคเนียสามารถขยายพันธุ์ด้วยหลายวิธี ได้แก่ การเพาะเมล็ด การแยกกอ และการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
•   การเพาะเมล็ด ทำโดยนำเมล็ดที่สุกกำจัดส่วนที่เป็นเนื้อออก นำไปแช่น้ำก่อนเพาะ และควรแช่สารเคมีป้องกันเชื้อรา เพาะในกะบะลึกเท่ากับความหนาเมล็ด โดยมีทรายและขุยมะพร้าวในอัตราส่วน 1:1 เป็นวัสดุปลูก เมล็ดเฮลิโคเนียใช้เวลางอกตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 3 ปี
•   การแยกกอ โดยการแยกกออกเป็นส่วน ๆ ให้มีลำต้นเทียมติดเหง้าอยู่ 1-2 ต้น โดยมีทรายผสมขุยมะพร้าวหรือดินผสมเป็นวัสดุปลูก ชำในที่ร่มรำไร ประมาณ 4-6 สัปดาห์ รากและหน่อใหม่จะเริ่มงอก
•   การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ จะได้ต้นที่ปราศจากเชื้อโรค เช่น Ralstonia solanacearum และได้หน่อจำนวนมาก ขึ้นกับชนิดเฮลิโคเนีย เมื่อเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเฮลิโคเนีย H. psittacorum L.f. 4 พันธุ์ คือ พันธุ์ Golden Torch, Orange, Andromeda และ Sassy โดยใช้ตาที่ปลายยอดและตาตามซอกกาบใบ (terminal and axillary bud) ของเหง้าบนสูตรอาหาร Murashige and Skoog (MS) ใช้เวลาเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ 4-5 เดือน มีอัตราการเพิ่มของหน่อเป็น 5 เท่าของการขยายพันธุ์โดยการแยกกอ

การดูแล
แสง                                    ต้องการแสงแดดร่ม รำไร จนถึงแดดจัด หรือกลางแจ้ง

น้ำ                                      ต้องการปริมาณน้ำปานกลางจนถึงมาก ควรให้น้ำ 3 - 5 วัน / ครั้ง

ดิน                                     ดินร่วนซุย ดินร่วนปนทราย

ปุ๋ย                                     ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 1-2 กิโลกรัม/กอ ใส่ปีละ 4-6 ครั้ง

โรคศัตรู                             ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องโรคและศัตรูจะพบเพลี้ยอ่อน เพลี้ยแป้ง

อาการ                                กัดดูดน้ำเลี้ยงบริเวณใบ ก้านใบและยอดอ่อนทำให้ใบเลือง เหี่ยวเฉา

การป้องกัน                         กำจัดพาหะพวกมดต่างๆ โดยใช้ยานิโคตินซัลเฟต 40 % อัตราและคำแนะนำระบุไว้ตามฉลาก

การกำจัด                            ใช้ยานิโคตินซัลเฟต 40 % หรือ ไดซีสตอน เมทาซีสทอกซ์ อัตราและคำแนะนำระบุไว้ตามฉลาก
   ถ้าแบ่งพันธุ์ของเฮลิโคเนีย ตามลักษณะของช่อดอก ก็จะแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ ช่อดอกตั้งขึ้น และ กลุ่มที่ช่อดอกคว่ำ หรือว่าห้อยลง
   

กลุ่มที่ช่อดอกตั้งขึ้น ได้แก่
ซิตาคอรัม (psittacorum), สตริกตา (stricta), แองกุสตา (angusta) ซึ่งเป็นเฮลิโคเนียขนาดเล็ก
บอเจียนา (bougaeana), (bihai), แคริเบีย (caribaea), แวกเนอเรียนา (wagneriana), อินดิกา (indica) เป็นเฮลิโคเนียที่นิยมนำมาจัดสวนเพื่อเพิ่มสีสัน
บางคนเรียก กลุ่มที่ช่อดอกตั้งขึ้นว่า ก้ามกุ้ง ผมไม่แน่ใจว่าถูกต้องหรือเปล่านะครับ

   
กลุ่มที่ช่อดอกคว่ำลง ได้แก่
รอสตราต้า (rostrata) หรือปากนกแก้ว เป็นเฮลิโคเนียขนาดกลาง ความสูง 1.5-2 ม. ช่อดอกห้อย ใบประดับมีสีแดง ตอนปลายสีเหลือง ลักษณะคล้ายปากนกแก้ว ออกดอกเป็นฤดู
ชาร์เตซี (chartacea) เป็นเฮลิโคเนียขนาดกลาง ความสูง 1.8-2 ม. ช่อดอกห้อยพันธุ์ เซ็กซีพิงค์ (Sexy Pink-สีชมพู)
เพนดูลา (pendula) เป็นเฮลิโคเนียขนาดกลาง ความสูง 1.5-2 ม. ช่อดอกห้อย พันธุ์ ไบรท์เรด (Bright Red-สีแดงสด ดอกสีขาว) ออกดอกตลอดปี
คอลลินเซียนา (collinsiana) เป็นเฮลิโคเนียขนาดใหญ่ ความสูง 3.6-4.5 ม. ใบประดับสีแดงเข้ม และมักจะมีนวลสีขาวทั่วไป ออกดอกเป็นฤดู
บางคนเรียก กลุ่มที่ช่อดอกคว่ำลงว่า ก้ามกั้ง
ประโยชน์
ใช้ปลูกเป็นไม้ดอกไม้ประดับสวยงาม และเป็นศิริมงคล เพราะชื่อของต้นไม้ชนิดนี้ ที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "ธรรมรักษา" นั้น มีความหมายไปในทางที่ดี นั่นคือ ธรรมรักษาหรือธรรมะนั้น คือการรักษาในสิ่งที่ดีงาม หรือ ผู้ที่มีคุณธรรมซึ่งควรแก่การเคารพบูชา ดังนั้นจึงหมายถึง การช่วยคุ้มครองรักษาให้แคล้วคลาด จากภัยอันตรายทั้งปวง และคนในบ้านก็จะมีคุณธรรมอันดีงามเสมอไป ดอกของต้นไม้ชนิดนี้ ชาวไทยนิยมนำมาใช้บูชาพระ เพราะเชื่อว่า เป็นดอกไม้ที่เหมาะสำหรับบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่ชาวพุทธทั้งหลายนิยมบูชา คนโบราณเชื่อกันว่า หากครอบครัวใด ที่ปลูกต้นธรรมรักษาเอาไว้ในบริเวณบ้าน สมาชิกทุกคนภายในบ้าน ก็จะได้รับการปกป้องคุ้มครองแคล้วคลาดจากอันตราย คนในครอบครัวจึงมีแต่ความสงบสุข