• Welcome to งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน โรงเรียนวารินชำราบ สพม. เขต 29.
 

ข่าว:

พืชพรรณต่างๆ มีภาพประกอบ และจัดเป็นหมวดหมู่ตามลักษณะวิสัย ค้นหาได้ง่าย

Main Menu

ไพร กระทือ รหัส 7-34190-001-464

เริ่มโดย อาริญา ไชยสา, 22 มิถุนายน 2013, 11:14:25 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

อาริญา ไชยสา

ไพร กระทือ รหัส  7-34190-001-464
ไพล (Phlai), Cassumunar
ชื่อวิทยาศาสตร์     Zingiber cassumunar Roxb.
วงศ์                      Zingiberaceae
ชื่ออื่นๆ                  ภาคเหนือ   :   ปูเลย (Pu-loei)  พันเลย  (Phan-loei)  เขมร   :   ปันเลย (Phan-loei)
ถิ่นกำเนิด               ไทย  อินเดีย  มาเลเซีย  อินโดนีเซีย
รูปลักษณะ              ไม้ล้มลุก  ลงหัวเป็นแง่ง ติดต่อกันคล้ายพวงขิง  ต้นกลม  ใบสีเขียวเล็กยาวเรียวแหลมมีดอกโตกลม  มีดอกเล็กๆ แซงออกตามเกล็ดออกในฤดูฝน
สรรพคุณและส่วนที่นำมาใช้เป็นยา         
เหง้า – แก้บิด  ขับฟองโลหิต  แก้ปวดท้อง  แก้ท้องผูก แก้ท้องอืดเฟ้อ  แก้จุกเสียด  บีบมดลูก  แก้ปวดบวม
น้ำมันไพล – น้ำมันสกัดจากเหง้าไพล ได้รับการพิสูจน์ผลทางยาแก้ปวดบวม โดยสถาบันวิจัย-วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย และคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล

http://www.tistr.or.th/pharma/zingiber%20cassumunar.htm
การปลูก สามารถทำได้ 2 วิธี คือ
      1. ปลูกโดยใช้เหง้า ตัดเป็นท่อน ๆ ชุบด้วยสารเคมีป้องกันเชื้อรา ทิ้งไว้สักครู่ แล้วทำการปลูกลงในแปลงที่เตรียมไว้
      2. ปลูกโดยใช้เหง้าเพาะให้งอกก่อน โดยทำการเพาะเหง้าที่ตัดเป็นท่อน ๆ ในกระบะทราย ให้แทงยอด แตกใบประมาณ 2-3 ใบ จึงย้ายลงปลูกในแปลงปลูก
การเก็บเกี่ยว
       - ระยะเก็บเกี่ยว ตั้งแต่เริ่มปลูกจนถึงวันที่เก็บเกี่ยวผลผลิตไพล จะใช้ระยะเวลานาน 2-3 ปี เป็นระยะเวลาที่เหมาะสม เพราะจะทำให้ได้น้ำมันไพลที่มีปริมาณและคุณภาพสูง
       - วิธีการเก็บเกี่ยว ใช้จอบ เสียมขุดเหง้าไพลขึ้นมาจากดิน (ต้องระวังไม่ให้เกิดแผลหรือรอยช้ำกับเหง้า) เขย่าดินออก ตัดรากแล้วนำไปผึ่งลมให้แห้ง
การปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยว
      - เก็บหัวไพลที่ตัดราก และผึ่งลมให้แห้งแล้ว เก็บบรรจุกระสอบพร้อมที่จะนำไปสกัดน้ำมัน โดยเครื่องกลั่นไอน้ำ
      - สำหรับไพลที่จะนำไปผลิตเป็นลูกประคบแห้ง ให้คัดเลือกส่วนที่สมบูรณ์ปราศจากโรคและแมลง มาล้างด้วยน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้ง จากนั้น นำสมุนไพรมาทำให้แห้ง โดยหั่นเหง้าไพลเป็นชิ้นบาง ๆ วางบนถาดหรือกระด้ง เกลี่ยให้บาง คลุมด้วยผ้าขาวบางเพื่อป้องกันฝุ่นละออง และป้องกันการปลิวนำไปตากแดดให้แห้ง หมั่นกลับบ่อย ๆ หรือโดยการอที่อุณหภูมิ 50 C สำหรับ 8 ชั่วโมงแรก แล้วลดอุณหภูมิลงเป็น 40-45 C หมั่นกลับบ่อย ๆ จนแห้ง
สารสำคัญ
      เหง้าไพลประกอบด้วยน้ำมันหอมระเหย ซึ่งมีสารสำคัญที่เกี่ยวกับการออกฤทธิ์ เช่น sabinene, ? -terpinene, ?-terpinene, terpinen-4-ol, ?-pinene เหง้าไพลยังมีสารสีเหลือง curcmin และสาร butanoids derivatives ที่เป็นสารออกฤทธิ์ที่สำคัญคือ สาร D หรือ (E)-4-(3',4'-dimethoxyphenyl) but-3-en-l-ol และ (E)-1-(3',4'-dimethoxyphenyl) butadiene (DMPBD) นอกจากนี้ยังมีสาร cassumunarin A, B และ C ซึ่งเป็น complex curcuminoids ซึ่งมีฤทธิ์ antioxidant แรงกว่า curcumin
      เหง้าไพลที่มีคุณภาพได้มาตรฐานต้องมีน้ำมันหอมระเหยไม่น้อยกว่า 2 % โดยปริมาตรต่อน้ำหนัก (v/w)
การศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่สำคัญ
      การศึกษาในสัตว์ทดลองหรือในหลอดทดลอง พบว่าสารสกัดหรือสารสำคัญของไพลมีฤทธิ์ทางยาหลายประการ ดังนี้
      1. ฤทธิ์ต้านการอักเสบ น้ำมันไพล สารสกัดเหง้าไพล และสารสำคัญในเหง้าไพลหลายชนิด ที่สำคัญคือสาร D และสาร DMPBD มีฤทธิ์ต้านอักเสบ โดยกลไกการออกฤทธิ์ยับยั้ง cycloxygenase และ lipoxygenase pathways คล้าย NSAID
      2. ฤทธิ์แก้หอบหืด สาร D สามารถต้านฤทธิ์ของฮีสตามีนในการทำให้หลอดลมหดตัวได้ จึงมีศักยภาพในการนำมาใช้เป็นยาบำบัดอาการหอบหืดได้
      3. ฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อเรียบ สารสกัดไพลสามารถลดการบีบตัวของมดลูก ลำไส้ และกระเพาะอาหารของหนูขาว ซึ่งสารออกฤทธิ์ชนิดหนึ่งในสารสกัดน่าจะเป็น สาร D เนื่องจากพบว่า สาร D มีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อมดลูกและลำไส้เล็กส่วนปลายของหนูขาว
รายงานการวิจัยทางคลินิก
      1. รักษาอาการอักเสบ ปวด บวม ฟกซ้ำ จากการทดสอบประสิทธิภาพของครีมไพลในนักกีฬาที่บาดเจ็บข้อเท้า พบว่า ครีมไพลจีนซาลซึ่งมีน้ำมันไพล 14 % ช่วยลดอาการปวด บวม และช่วยให้การเคลื่อนไหวข้อเท้าดีขึ้น
      2. ฤทธิ์ต้านฮีสตามีนในผู้ป่วยเด็กโรคหืด จากการศึกษาในเด็กที่เป็นหืด พบว่า ไพลมีฤทธิ์ต้านฮีสตามีนโดยสามารถลดขนาดของตุ่มนูนจากการฉีดน้ำยาฮีสตามีน เข้าใต้ผิวหนังได้อย่างมีนัยสำคัญ และไพลช่วยให้ผู้ป่วยที่กำลังหอบ มีอาการหอบน้อยลง การทำงานของปอดดีขึ้น และเมื่อใช้ไพลติดต่อกัน 3 เดือน ทำให้อาการหอบน้อยลง ใช้ยาขยายหลอดลมตามความจำเป็นลดลง
ข้อควรระวัง
      1. ห้ามใช้ครีมไพลทาบริเวณขอบตา และเนื้อเยื่ออ่อน
      2. ห้ามทาครีมไพลบริเวณผิวหนังที่มีบาดแผล หรือมีแผลเปิด
      3. ไม่แนะนำให้ใช้กับสตรีมีครรภ์ หรือระหว่างให้นมบุตรและกับเด็กเล็ก
ข้อบ่งใช้ ขนาดที่ใช้ และวิธีใช้ (ตามบัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ. 2542)
     ครีมที่มีน้ำมันไพล 14 % ใช้รักษาอาการบวม ปกช้ำ เคล็ดยอก โดยทาและถูเบา ๆ บริเวณที่มีอาการวันละ 2-3 ครั้ง
     ยาประสะไพลเป็นตำรับยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณและเป็นยาในบัญชียาหลัก แห่งชาติที่มีไพลเป็นส่วนประกอบหลักอยู่ในรูปของยาผง ประกอบด้วย ไพลหนัก 81 ส่วน ผิวมะกรูด ว่านน้ำ กระเทียม หัวหอม พริกไทย ดีปลี ขิง ขมิ้นอ้อย เทียนดำ เกลือสินเธาว์ หนักสิ่งละ 8 ส่วน การบูรหนัก 1 บาท ใช้สำหรับรักษาอาการระดูมาไม่ตามกำหนดหรือมีปริมาณน้อยกว่าปกติ โดยให้รับประทานครั้งละ 1 ช้อนชา ละลายน้ำสุก 1 แก้ว ดื่มวันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร           เอกสารอ้างอิง 1. ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันท์ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2544). พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : บริษัทประชาชน จำกัด, 2544. หน้า 263.
2. คู่มือการปลูกพืชสมุนไพร. 2543.
3. คู่มือพืชสมุนไพรและเครื่องเทศ ชุดที่ 3 พืชสมุนไพรน้ำมันหอมระเหย. 2543.
4. http://www.medplant.mahidol.ac.th/doae/012.htm
5.Tropical Science 1971; 13(3): 199-204.
6. Bull Dep Med Sci 1976; 18(3): 75-79.
7. Aust J Chem 1979; 32: 71-88.
8. Thai Herbal Pharmacopoeia Volume I. Prachachon Co., Ltd. Bangkok. 1998. p. 51-56.
9.Tetrahedron 1994; 35(7): 981-984.
10.บัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ. 2542 (บัญชียาจากสมุนไพร๗. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด, 2543.
      หน้า 38-45.
11.Chem Pharm Bull 1991;39(9): 2353-2356.
12.Planta Med 1990; 56:655.
13.J Ethanopharmacol 2003; 87(2-3): 143-148.
14.ว กรมวิทย พ 2522; 21(1): 13-24.
15.วารสารสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ 1980;12(1):1.
16.Planta Med 1987; 53(4): 329-32.
17.ศรีนครินทร์เวชสาร 2536; 8(3): 159-164.
18.สารศิริราช 2529; 38(4): 251-255.
19.สารศิริราช 2527;36(1): 1-5.
http://ittm.dtam.moph.go.th/product_champion/herb10.htm

ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Zingiber cassumunar Roxb.
วงศ์ :    Zingiberaceae
ชื่อท้องถิ่น :   ปูลอย ปูเลย(ภาคเหนือ) ว่านไฟ(ภาคกลาง) มิ้นสะล่าง (เงี้ยว - แม่ฮ่องสอน)
ลักษณะของพืช :   ไพลเป็นพืชลงหัว มีเหง้าใหญ่ เนื้อในสีเหลือง มีกลิ่นหอมใบเรียวยาว ปลายแหลม
                                ดอกออกรวมกันเป็นช่ออยู่ก้านช่อดอก
การปลูก :   ใช้เหง้าปลูก ชอบดินเหนียวปนทราย ระบายน้ำได้ดีมีแสงแดดพอควร จะปลูกเป็น
                   แปลง หรือปลูกทีละกอก็ได้วิธีปลูกโดยขุดจากกอเดิม ตัดลำต้นทิ้ง และนำเอาปลูก
ส่วนที่ใช้เป็นยา :   เหง้าแก่จัด
ช่วงเวลาที่เก็บเป็นยา :   เก็บเหง้าแก่จัด หลังจาต้นไพลลงหัวแล้ว
รสและสรรพคุณที่ใช้เป็นยา :   แก้ฟกช้ำ บวม เคล็ด ยอก ปวดเมื่อย ขับลม ท้องเดิน ช่วยขับระดูหรือประจำเดือนของสตรีนิยมใช้หลังจากที่คลอดบุตรแล้ว
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ :   เหง้าไพลมีน้ำมันหอมระเหย ร้อยละ 0.8 และมีสารที่ให้สีชื่อ Curcumin จากการ
ทดลองพบว่า มีฤทธิ์ลดอาการอักเสบ กรดวิทยาศาสตร์ การแพทย์มีการค้นคว้า
สาระสำคัญที่มีสรรพคุณแก้หอบหืดและมีการวิจัยทางคลีนิคโดยใช้รักษาโรคหืดในเด็ก และไม่มีพิษเฉียบพลัน
วิธีใช้ :     เหง้าเป็นยารักษาอาการเคล็ดขัด ยอก ฟกช้ำโดยใช้เหง้าไพล 1 เหง้า ตำแล้วคั้นเอา
              น้ำมาทานวด บริเวณที่เกิดอาการ หรือตำให้ละเอียดแล้วผสมเกลือเล็กน้อยคลุกเข้าด้วยกัน   
            แล้วนำมาห่อเป็นลูกประคบ  อังไอน้ำให้เกิดความร้อนขึ้นมาประคบที่มีอาการปวดเมื่อยและฟกช้ำ
      http://www.thaigoodview.com/library/contest2551/science03/35/Zingiber.htm
                                                    ชื่ออื่นๆ พายับ ว่านไฟ ปูเลย
ชื่อสามัญภาษาอังกฤษ - ชื่อวิทยาศาสตร์ Zingiber purpureum (Koenig) Link ex Dietr
ชื่อวงศ์   Zingiberaceae
ส่วนที่ใช้
ดอก ลำต้นใต้ดิน (rhizome)
ส่วนประกอบ
•   สารสำคัญแคสซูมิวนาควิโนน (cassumunaquinone)
•   อัลฟลาบีน (alflabene)
•   แคสซูมูนส์ (cassumunes)
•   สารเคอร์คิวมิน (curcumin)
•   และน้ำมันหอมระเหย
สรรพคุณและวิธีใช้
ดอก   ช่วยกระจายเลือดที่เป็นลิ่ม ใช้กินเป็นยาถ่ายรักษาโรคบิด หากนำน้ำคั้นไปผสมการบูรและน้ำมันเบนซิน
จะได้ยาทาแก้เหน็บชาชนิดที่มีอาการบวมด้วยได้ดี
หัวหรือเหง้า   ควรใช้เหง้าแก่จัด ขับประจำเดือนให้สะดวก ทาถูนวด แก้เหน็บชา แก้เมื่อยขบ เคล็ดขัดยอก ฟกบวม แก้ท้องอืด มีฤทธิ์ระบายอ่อนๆ แก้บิด สมานลำไส้ นิยมใช้หลังการคลอดบุตร
เหง้าสด   ฝนทาแก้ฟกช้ำบวม เส้นตึง เมื่อยขบ เหน็บชา สมานแผล จากการทดลองพบว่ามีฤทธิ์ลดการอักเสบ แก้หอบหืด รักษาโรคหืดในเด็ก
หมายเหตุ
• ครีมผลิตจากไพลชื่อ "ไพลจีซาล" รักษาอาการปวดเมื่อย ฟกช้ำ ใช้ขับประจำเดือน
สูตรผู้ใหญ่วิบูลย์ เข็มเฉลิม
ทำน้ำมันไพลไทย โดยเอาไพลหนัก 2 กิโลกรัมทอดในน้ำมันพืชร้อนๆ 1 กิโลกรัม ทอดจนเหลืองแล้วเอาไพลออก ใส่กานพลู 4 ช้อนชา ทอดต่อไปอีก 10 นาที แล้วกรอง ตั้งทิ้งไว้จนเย็นจึงใส่การบูรให้ละลาย ใช้ถูนวด 2 ครั้ง เช้า-เย็น หรือทานวดเวลาปวด (ควรเลือกน้ำมันพืชที่บริสุทธิ์และเหมาะสม)
หมายเหตุ
• ไพลดำมีฤทธิ์แรงกว่าไพลธรรมดา เป็นยาอายุวัฒนะ
• ไพลป่าต้นเล็ก ช่อดอกเล็กกว่า แต่มีฤทธิ์แรงกว่า
http://www.salasamunprai.com/herbs/zingiber.html