ยางนา รหัส 7-34190-001-067
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dipterocarpus alatus วงศ์ : Dipterocapaceae
ชื่อสามัญ : Yang
ชื่ออื่น : กาตีล (เขมร-ปราจีนบุรี); ขะยาง (ชาวบน-นครราชสีมา); จ้อง (กะเหรี่ยง); จะเตียล (เขมร); ชันนา, ยางตัง (ชุมพร); ทองหลัก (ละว้า); ยาง, ยางขาว, ยางนา, ยางแม่น้ำ, ยางหยวก (ทั่วไป); ยางกุง (เลย); ยางควาย (หนองคาย); ยางเนิน (จันทบุรี); ราลอย (ส่วย-สุรินทร์); ลอยด์ (โซ่-นครพนม)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ยางเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่มีความสูงประมาณ 40 เมตร ลำต้นตรง เปลือกเรียบสีเทาปนขาว โคนต้นเป็นพูพอน เรือนยอดเป็นพุ่มกลม ทึบ ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกแบบสลับ รูปไข่แกมรูปหอก กว้าง 8-15 ซม. ยาว 20-35 ซม. ปลายแหลม โคนใบมน เนื้อใบหนา ดอกสีชมพู ออกดอกเป็นช่อสั้นๆ ตามซอกใบและปลายกิ่ง กลีบเลี้ยงโคนเชื่อมติดกันเป็น รูปถ้วย และมีครีบตามยาว 5 ครีบ ปลายแยกเป็น 5 แฉก มีกลีบ 5 กลีบ ปลายกลีบบิดเบี้ยวแบบกังหัน เกสรตัวผู้ จำนวนมาก ผล รูปทรงกลม เส้นผ่านศูนย์กลาง 2.5-3 ซม. มีครีบยาว 5 ครีบ มีปีกยาว 2 ปีก สั้น 3 ปีก ปีกยาวมี เส้นตามยาว 3 เส้น เกิดตามป่าดงดิบและป่าเบญจพรรณทั่วไป ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด
ต้นยางนาขึ้นเป็นหมู่ในป่าดิบและตามที่ราบชุ่มชื้นใกล้แม่น้ำลำธารทั่วไป ที่สูงจากระดับน้ำทะเล 200 – 600 เมตร ออกดอกเดือนมีนาคม –พฤษภาคม เป็นผล เมษายน – มิถุนายน ขยายพันธุ์โดยเมล็ด
ประโยชน์ : ยางเป็นไม้หวงห้าม นิยมนำมาใช้ในการก่อสร้าง คนอีสานใช้น้ำมันจากต้นยางทำขี้กะบอง (ขี้ใต้จุดไฟ) ในทางสมุนไพรน้ำมันจากต้น ใช้ใส่แผล แก้โรคเรื้อน หนองใน น้ำมันผสมกับชันใช้ทาไม้ เครื่องจักรสาน ยาเรือ และใช้เดินเครื่องยนต์แทนน้ำมันขี้โล้ ไม้แปรรูปใช้ทำฝาบ้านเรือน เครื่องเรือน เรือขุดและเรือขนาดย่อม แจว พาย กรรเชียง ใช้ทำไม้อัด