ชื่อสาม้ญ (Phrik-thai), Black pepper, White pepper
ชื่อวิทยาศาสตร์ Piper nigrum Linn.
วงศ์ PIPERACEAE
ถิ่นกำเนิด ศรีลังกา อินเดีย ไทย
รูปลักษณะ ไม้เลื้อยเนื้อแข็ง รากฝอยออกบริเวณข้อเพื่อใช้ยึดเกาะข้อโป่งนูน ใบเป็นใบเดี่ยวรูปไข่สีเขียวหนาแข็งเรียงสลับ กว้าง 5-8 ซม. ยาว 8-11 ซม.ดอกเป็นช่อยาว ออกที่ซอกใบ ดอกย่อยสมบูรณ์เพศสีขาวแกมเขียว ผลมีลักษณะกลมจัดเรียงตัวแน่นอยู่บนแกน ผลอ่อนสีเขียว เมื่อสุกมีสีแดง
พริกไทยแบ่งตามวิธีการเก็บ และเตรียมได้เป็น 2 ชนิด คือพริกไทยดำ (black pepper) และพริกไทยล่อน (white pepper) พริกไทยดำ เตรียมได้จากการนำผลพริกไทยที่โตเต็มที่ แต่ยังไม่สุก มาตากแห้ง ส่วนพริกไทยล่อนได้จากการนำผลพริกไทยที่สุกแล้ว มาแช่ในน้ำ เพื่อลอกเปลือกชั้นนอกออกไป จากนั้นนำไปตากแห้ง
พริกไทยเป็นเครื่องเทศ ใช้แต่งกลิ่นรสและช่วยถนอมอาหาร
พริกไทยเป็นเครื่องเทศในฐานะเครื่องชูรสอาหารโดยนำมาเป็นส่วนประกอบในอาหาร ได้หลายชนิด
ประโยชน์
- ใช้ขับลม ขับเสมหะ ขับปัสสาวะ
- ช่วยระงับอาการปวดท้อง จุกเสียด
- ช่วยกระตุ้นให้กระเพาะอาหารหลั่งน้ำย่อยได้มากขึ้น
สรรพคุณและส่วนที่นำมาใช้เป็นยา
ใบ – แก้ลมจุกเสียดแน่น
ผล – ผลที่ยังไม่สุก นำมาเป็นเครื่องเทศ
ผลแก่จัดแต่ยังไม่สุกแห้ง มีรสเผ็ดร้อนมีกลิ่นหอมลดอาการท้องอืดเฟ้อ แน่นจุกเสียด และช่วยขับลม บำรุงธาตุ เจริญอาหาร ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะและกระตุ้นประสาท พบว่าผลมีน้ำมันหอมระเหยและแอลคาลอยด์ piperine
เมล็ด – ขับลม ขับเสมหะ บำรุงธาตุ
ดอก – แก้ตาแดง
ชาวจีนใช้พริกไทยระงับอาการปวดท้อง แก้ไข้มาลาเรีย แก้อหิวาตกโรค มีรายงานว่า piperine สามารถใช้แก้ลมบ้าหมู (Antiepileptic) ได้ และเมื่อเตรียมอนุพันธ์ของ piperine คือ Antiepilepsinine พบว่าสามารถแก้อาการชักได้ผลดีกว่า และมีผลข้างเคียงน้อยกว่า