7-34190-001- 330 การะเกด
ชื่อพื้นเมือง : การะเกด การะเกดด่าง ลำเจียกหนู (กรุงเทพมหานคร), เตยด่าง เตยหอม (ภาคกลาง)
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pandanus tectorius Blume
ชื่อวงศ์ : PANDANACEAE
ชื่อสามัญ : -
เป็นไม้พุ่มกึ่งยืนต้น รูปทรงคล้ายต้นเตย สูง ๓-๗ เมตร ใบเรียวยาวคล้ายใบสับปะรด ขอบใบเป็นหนามห่างๆ เป็นใบเดี่ยวเรียงวนรอบลำต้นเป็นเกลียว รากงอกจากลำต้นส่วนบนหยั่งลงถึงพื้นดินช่วยค้ำยันลำต้น ใบสีเขียวยาว ๑-๒ เมตร ปลายใบเรียวแหลม
ดอกเป็นช่อตั้งออกตามกลางยอด กาบหุ้มดอกสีเหลืองนวล หุ้มเกสรอยู่ภายในอย่างมิดชิด กลิ่นหอมเย็น ติดผลมีก้านยาว รูปร่างคล้ายผลสับปะรด ห้อยลงมาข้างต้น เมื่อแก่จัดมีผิวสีแดง กินได้ รสคล้ายผลสับปะรด การะเกดชอบขึ้นในที่ชื้นแฉะ เป็นไม้พื้นบ้านชนิดหนึ่งของไทยและเขตร้อนชื้นของทวีปเอเชีย
ปัจจุบันมีการะเกดอีกชนิดหนึ่งได้รับการนิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับ คือการะเกดด่าง เป็นการะเกดที่มีใบสีเหลืองเป็นทางยาว แลดูงดงามกว่าการะเกดที่มีใบสีเขียว เป็นพันธุ์ไม้จากต่างประเทศ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Pandanus variegates Miq. มีใบสวยงาม แต่ไม่มีดอกหอมเหมือนการะเกดไทย สรรพคุณทางสมุนไพร ใช้ดอกต้มรับประทาน แก้เสมหะ แก้เจ็บอก ใช้ทำเป็นยาบำรุงธาตุ
ประโยชน์ของการะเกด
ตามตำราสรรพคุณสมุนไพรของไทย ระบุสรรพคุณทางยาว่า
ดอก : รสสุขุมหอม แก้โรคในอก เจ็บอก บำรุงหัวใจ แก้เสมหะ บำรุงธาตุ ปรุงเป็นยาหอม ทำให้ชุ่มชื่นหัวใจ
ยอด : ใช้ต้มกับน้ำให้สตรีดื่มหลังคลอดบุตรใหม่ๆ
ดอกของการะเกดมีกลิ่นหอมชื่นใจ ใช้อบเสื้อผ้าให้มีกลิ่นหอม นำไปเคี่ยวกับน้ำมันใส่ผมในสมัยก่อนการะเกดเป็นไม้ประดับได้ดี เพราะมีรูปทรงเฉพาะตัวที่งามแปลกตา ปลูกง่าย ทนทาน อายุยืนยาว หาพันธุ์ได้ง่าย
ใบการะเกดนำมาจักสานเป็นเครื่องใช้สอยต่างๆ ได้ดี เช่น เสื่อ กระสอบ หมวก กระเป๋า เป็นต้น