ชื่อวิทยาศาสตร์ : Clerodendrum wallichii Merr.
วงศ์ : LABIATAE เมื่อก่อนจัดอยู่ในวงศ์VERBENACEAE ตอนหลังนักพฤกษศาสตร์ เขาจัดย้ายไม้ในสกุล Clerodendrum มาอยู่ในวงศ์ LABIATAE แทนครับ
ถิ่นดั้งเดิม : อินเดียและเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
ลักษณะทั่วไป เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ใบรูปไข่ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ
ดอกออกเป็นช่อ ก้านดอกยาว กลีบดอกมีสีขาวปลายแยก 5 กลีบ ไม่มีกลิ่นหอม
ปลูกให้ได้รับแสงแดดเต็มที่หรือแสงแดดรำไร นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ
ขยายพันธุ์ :โดยการเพาะเมล็ด ตอนกิ่งและปักชำ
ลักษณะของต้นระย้าเเก้ว
ระย้าแก้วเป็นไม้ป่า ๆ ท้องถิ่นเมืองไทยเรานี่เอง ตามธรรมชาติจะขึ้นตามป่าหรือสวนยางพาราอะไรประมาณนี้เรื่องแสงแดดเติบโตและให้ดอกได้ดีมากเมื่อได้รับแสงโดยตรงมากกว่าครึ่งวัน ช่วงแรกอาจจะมีอาการใบไหม้กันหน่อย แต่ให้น้ำเค้าเพียงพอ ไม่นานต้นจะกลับมาสู่สภาพสมบูรณ์สวยงามอีกครั้ง แต่แข็งแรงกว่าเดิมมาก
การปลูกต้นระย้าแก้ว
การปลูก
ปลูกได้ ๓ วิธี
๑.ปลูกจากการตัดกิ่งชำ ยิ่งถ้าชำอยู่ในถุงอบเปอร์เซ็นต์รอดจะสูง หรือวีง่ายก็ชำในถุงหรือในถางใส่กาบมะพร้าวสับแล้วรดน้ำชุ่มๆ ทุกวันจนรากติด
๒.การเพาะต้นสร้อยสายเพชรจาก "ไหล" ซึ่งไหลในความหมายนี้คือ รากของต้นไม้ที่สามารถงอกเป็นต้นใหม่ให้นำไปเพาะได้ ต้นสร้อยสายเพชรมีไหลให้นำไปเพาะได้เยอะมาก รากชอนไชไปได้ไกล เป็นรากฝอย รากไม่ทำลายโครงสร้างของบ้าน ปลูกไว้ห่างจากตัวบ้านแค่ 1 เมตร ก็ได้หากที่มีบริเวณแคบ รากชอนไชไปทั่ว เดินไปทางไหนก็เจอต้นอ่อนงอกเต็มไปหมด
๓.การเพาะเมล็ด บางทีไม่ได้เพาะผลแก่แล้วก็ร่วง ปลิวไปตกที่ไหนก็งอกไปเรื่อย
การดูแลรักษา
ต้นระย้าแก้วชอบแดดรำไรหรือไม่มีแดดก็ได้ เพียงให้รับแสงกลางวันสักน้อยก็ได้ รดน้ำทุกวันช่วงปลูกใหม่ๆ ต่อไปเมื่อโตเต็มที่แล้วรด ๒-๓ วัน/ครั้งก็ได้ แต่แดดจัดเขาก็ไม่กลัว ปรับตัวได้ ถ้าปลูกจนใหญ่มากแล้ว ก็สู้แสงแดดเต็มๆ ได้ ข้อสำคัญคืออย่าให้ขาดน้ำ เป็นไม้ที่ชอบน้ำมากๆ ถ้าขาดน้ำละก็เหี่ยวเลยครับ ยิ่งช่วงติดดอก ดอกจะร่วงหมด