• Welcome to งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน โรงเรียนวารินชำราบ สพม. อบอจ..
 

ข่าว:

ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่เว็บไซต์งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนวารินชำราบ

Main Menu
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - ศิริรัตน์ เจริญบุตร

#1
พรรณไม้แห้ง / ตะไคร้หอม 7-34190-001-084
25 มิถุนายน 2013, 23:07:45 หลังเที่ยง
สรุปลักษณะและข้อมูลพรรณไม้
(สรุปลักษณะและข้อมูลพรรณไม้ ตั้งแต่หน้า 2-7 และข้อมูลพื้นบ้านหน้า 1 ในลักษณะเรียงความบรรยายพรรณไม้ )
ชื่อพันธุ์ไม้    ตะไคร้หอม     รหัสพรรณไม้    7-34190-001-084
   พืชล้มลุก อยู่กลางแจ้ง มีเหง้า ลำต้นตั้งตรง สูง 2 เมตร ออกเป็นกอ ลำต้นแตกจากเหง้าใต้ดินเป็นกอ ลำต้นเป็นข้อๆ  ลำต้นสีแดง  ทรงพุ่มกลม ใบเป็น ใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ใบรูปขอบขนานปลายแหลม ใบยาว กว้าง 5-20 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 50-100 เซนติเมตร แผ่นใบแคบ ยาว และนิ่ม  มีสีเขียว ผิวเกลี้ยง ขอบใบเรียบ คม   กลิ่นหอมเอียน ปลายใบห้อยลงปรกดิน ก้านใบเป็นกาบซ้อนกันแน่นสีเขียวปนม่วงแดง ระหว่างใบกับกาบ มีแผ่นรูปไข่ปลายตัดยื่นออก มา ยาว 2 มม. มีขนกาบหุ้มติดทน กาบล่างสุดเกยซ้อนกัน  ดอกช่อขนาดใหญ่ยาว 80 ซม. ใบประดับ คล้ายกาบ ยาว 25 มม. รองรับ ช่อดอกแยกเป็นหลายแขนงแต่ละแขนงมีช่อย่อย 4-5 ช่อ  ดอกย่อยสีน้ำตาลแดง ผลแห้ง ไม่แตก

สรรพคุณและส่วนที่นำมาใช้เป็นยา   
ใบและต้น – น้ำมันจากใบและต้น ใช้ปรุงกับน้ำหอมทาตัวป้องกันยุงกัด  แก้ปากแตกระแหง  แผลในปาก    สตรีมีครรภ์รับประทาน มีฤทธิ์บีบรัดมดลูก ทำลายโลหิต ทำให้แท้งได้  ใช้ปรุงเป็นยาขับลมในลำไส้  ยาไทย ต้นแก้ริดสีดวงในปาก (คือปากแตกระแหง เป็นแผลในปาก) สตรีมีครรภ์รับประทาน ทำให้แท้ง บีบรัดมดลูก ขับลมในลำใส้ แก้แน่นตะไคร้หอมได้ถูกนำมาใช้ไล่แมลง อย่างแพร่หลายนานมาแล้ว โดยละลายน้ำมันตะไคร้หอม 7 ส่วน ผสมในแอลกอฮอล์ (70%) 93 ส่วนฉีดพ่นหรือตำใบสดหมักในแอลกอฮอล์ใน อัตราส่วน 1:1 ทาตรงขอบ ประตู ที่ปิดเปิดเสมอ หรือชุบสำลีแขวนเอาไว้หน้าประตูเข้าออกหรือใช้ใบตะไคร้หอม มัดแล้วทุบให้ช้ำวางไว้ตามมุมห้องหรือใต้เตียง
#2
พรรณไม้แห้ง / มะขาม 7-34190-001-083
25 มิถุนายน 2013, 23:05:08 หลังเที่ยง
สรุปลักษณะและข้อมูลพรรณไม้
(สรุปลักษณะและข้อมูลพรรณไม้ ตั้งแต่หน้า 2-7 และข้อมูลพื้นบ้านหน้า 1 ในลักษณะเรียงความบรรยายพรรณไม้ )
ชื่อพันธุ์ไม้    มะขาม              รหัสพรรณไม้  7-34190-001-083
         
          ไม้ต้น อยู่กลางแจ้ง  สูง  13.5  เมตร  ทรงพุ่มกลม  กว้าง  12.8  เมตร  ลำต้นเหนือดิน ตั้งตรงได้เอง  ผิวหยาบ  ขรุขระสีน้ำตาลอ่อนแตกสะเก็ดเป็นร่องเล็ก ๆ เห็นข้อปล้องไม่ชัดเจน  ต้นอ่อนสีเขียวอ่อน  ต้นแก่สีน้ำตาล  ไม่มียาง ใบประกอบ ขนนกสองชั้น ขนาดแผ่นใบกว้าง2-5 เซนติเมตร ยาว 1-2 เซนติเมตร จำนวนใบย่อย 10-15 ใบ ขนาดแผ่นใบย่อย  กว้าง 2-5 เซนติเมตร ยาว 1-2 เซนติเมตร ลักษณะพิเศษของใบ เป็นรูปขอบขนาน ปลายใบและโคนใบมน การเรียงตัวของใบบนกิ่ง สลับระนาบเดียว รูปร่างแผ่นใบ รูปขอบขนาน ปลายใบ มน โคนใบ ตัด ขอบใบ เรียบ ชนิดของช่อดอก ดอกเดี่ยว ตำแหน่งที่ออกดอก ปลายยอด สีของผลผลอ่อน สีเขียว ผลแก่ สีน้ำตาล รูปร่างผล มีลักษณะเป็นข้อ ลักษณะพิเศษของผล แบนเป็นมัน จำนวนเมล็ด 3-12 เมล็ด สีของเมล็ด สีดำ รูปร่างเมล็ด กลม ดอกมะขามเป็นช่อเล็ก ๆ อยู่ปลายกิ่ง มีประมาณ 10-15 ดอก เป็นดอกสมบูรณ์เพศ คือมีเกสรตัวผู้และตัวเมียอยู่ในดอกเดียวกัน ช่อดอกยาว 5-10 เซนติเมตร กลีบรองมีสีเหลืองอ่อนค่อนข้างหนามีทั้งหมด 4 กลีบ กลีบดอกสีชมพูปนขาวอยู่ภายในมี 3 กลับ กลุ่มเกสรตัวผู้รูปร่างเป็นหลอด ส่วนเกสรตัวเมียมี 3 กะเปาะ แต่ละกะเปาะมีอับเรณูบรรจุอยู่ ฝักหรือผลมะขามมีความยาวตั้งแต่ 7.5-20 เซนติเมตร แต่ละข้อจะคอดเล็กน้อย มีเมล็ดสีดำหรือน้ำตาลเข้มรูปค่อนข้างกลมห่อหุ้มด้วยเนื้อสีน้ำตาล

คุณภาพของเนื้อที่ดีจะต้องไม่มีเปลือก ใบ และสิ่งเจือปน มีความชื้น 20-30 เปอร์เซ็นต์ กรด 10-13 เปอร์เซ็นต์ น้ำตาล 10-30 เปอร์เซ็นต์ และสารละลายอื่น ๆ 3-4 เปอร์เซ็นต์ สำหรับปริมาณกรดและน้ำตาลในฝักมะขามอาจเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับพันธุ์ การดูแลรักษาและสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ

#3
พรรณไม้แห้ง / ยอ ,ยอบ้าน 7-34190-001-080
25 มิถุนายน 2013, 23:00:06 หลังเที่ยง
สรุปลักษณะและข้อมูลพรรณไม้
(สรุปลักษณะและข้อมูลพรรณไม้ ตั้งแต่หน้า 2-7 และข้อมูลพื้นบ้านหน้า 1 ในลักษณะเรียงความบรรยายพรรณไม้ ) 
ชื่อพรรณไม้ ยอบ้าน    รหัสพรรณไม้ 7-34190-001-080

ไม้ต้น  อยู่กลางแจ้ง  สูง  3.5  เมตร  ทรงพุ่มกลม  กว้าง  2.8  เมตร  ลำต้นเหนือดิน ตั้งตรงได้เอง  ผิวหยาบแตกเป็นสะเก็ดแล้วหลุดออก  เห็นข้อปล้องค่อนข้างชัดเจน กิ่งอ่อนเป็นสี่เหลี่ยม ต้นอ่อนสีเขียว ต้นแก่สีน้ำตาล ยางไม่มี  ใบเดี่ยวออกตรงข้าม รูปรี กว้าง 8-15 ซม. ยาว 10-20 ซม. ขอบใบเรียบ แผ่นใบเรียบ สีเขียวเข้มเป็นมัน ดอก ออกเป็นช่อกลมตามซอกใบ ดอกสีขาว กลีบดอกโคนเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 5 แฉก มีกลิ่นหอม  ผล เป็นผลรวม ลักษณะกลมรี ผิวขรุขระเป็นตุ่ม ผลอ่อนสีเขียวอ่อน  ผลแก่สีเหลือง  ผลสุกมีกลิ่นเหม็นเอียน เมล็ดสีน้ำตาลมีหลายเมล็ด

•   ใบ -  มีวิตามินเอ 40,000 กว่ายูนิตสากลต่อ 100 กรัม มีคุณสมบัติในการบำรุงสายตา หัวใจ คั้นน้ำทาแก้โรคเก๊าท์ ปวดตามข้อเล็กๆ ของนิ้วมือ นิ้วเท้า หรือคั้นน้ำสระผมฆ่าเหา แก้กระษัย ใช้ใบปรุงเป็นอาหาร แก้ท้องร่วง
•   ราก -  ใช้เป็นยาระบาย แก้กระษัย ใช้สกัดสีออกมา เป็นสีย้อมผ้าได้ โดยผสมส่วนของเกลือต่างๆ สามารถเปลี่ยนเป็นสีต่างๆ ได้ตามต้องการ ซึ่งสีเดิมของรากจะมีสีเหลือง หรือเหลืองปนแดง หากผสมตามส่วนด้วยเกลือ อาจจะได้สีแดง ชมพู น้ำตาลอ่อน สีม่วงแดง หรือสีดำ เป็นต้น
•   ผลโตเต็มที่แต่ไม่สุก  - จิ้มน้ำผึ้งรับประทาน มีคุณสมบัติเป็นยาขับลม บำรุงธาตุ เจริญอาหาร ขับลมในลำไส้ กระเพาะอาหาร แก้เหงือกเปื่อยเป็นขุมบวม ขับเลือดลม ขับโลหิตประจำเดือน
•   ผลดิบ -  ต้มน้ำรับประทานกับรากผักชี แก้อาการอาเจียนของหญิงมีครรภ์


สรรพคุณ:
           ตำรายาไทย: ผลมีรสเผ็ดร้อน ช่วยขับลมในลำไส้ ขับผายลม บำรุงธาตุ ทำให้เจริญอาหาร ผสมในยาแก้สะอึก อมแก้เหงือกเปื่อย เหงือกบวม ขับระดูเสีย ขับเลือดลม ฟอกเลือด ขับน้ำคาวปลา แก้เสียงแหบแห้ง แก้ตัวเย็น แก้ร้อนในอก แก้กระษัย แก้อาเจียน  โดยนำมาหมกไฟหรือต้มกับน้ำกิน หรือนำมาจิ้มกับน้ำผึ้งทาน ตำราสรรพคุณยาไทยกล่าวว่าผลอ่อนกินเป็นยาแก้คลื่นเหียนอาเจียน ผลสุกงอมเป็นยาขับระดูสตรี ผลดิบเผาเป็นถ่านผสมเกลือเล็กน้อย อมแก้เหงือกเปื่อยเป็นขุมบวม หั่นปิ้งไฟพอเหลืองทำกระสายยา เมล็ดเป็นยาระบาย
#4
ไม้เลื้อย / เรด้า ,หมวกเจ๊ก 7-34190-001-047
24 มิถุนายน 2013, 23:50:53 หลังเที่ยง
สรุปลักษณะและข้อมูลพรรณไม้
(สรุปลักษณะและข้อมูลพรรณไม้ ตั้งแต่หน้า 2-7 และข้อมูลพื้นบ้านหน้า 1 ในลักษณะเรียงความบรรยายพรรณไม้ )
ชื่อพันธ์ไม้    เรด้า (หมวกเจ๊ก)   รหัสพรรณไม้   7-34190-001-047

          ไม้รอเลื้อย    อยู่กลางแจ้ง  ลำต้นเหนือดิน ตั้งตรงเองไม่ได้ผิวขรุขระ เห็นข้อปล้องชัดเจน ต้นอ่อนสีเขียวอ่อน ต้นแก่ผิวสีขาวอมเขียว ไม่มียาง  ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม ออกตามข้อ  ใบอ่อนสีเขียวอ่อน  ใบแก่สีเขียว ทรงรีรูปใบพลู โคนใบมน ปลายใบเป็นติ่งแหลมยาว ริมใบเป็นจักเล็กน้อย ยาว 4 นิ้ว มีก้านใบสั้น 2 เซนติเมตร  สีเขียว  ใบเรียบขอบใบหยัก รูปร่างแผ่นใบรูปหัวลูกศร ปลายใบยาวคล้ายหาง โคนใบรูปเงียงลูกศร ขอบใบจัดฟันเลื้อย  ดอกช่อ  ช่อแยกแขนง ออกที่ซอกใบ กลีบเลี้ยงโคนเชื่อมติดกัน แผ่นกลมทรงหมวกจีน เป็นใบประดับของหมวกจีน ปลายแยกเป็น 1 แฉกสีแดง กลีบดอกปลายแยกเป็น 1 แฉกสีแดงเป็นหลอด เกสรเพศผู้มีจำนวน 4  อันสีและลักษณะสีดำออกน้ำตาล เกสรเพศเมียจำนวน 1 อันสีและลักษณะสีเหลือง ไม่มีกลิ่น  ดอกแท้ จะอยู่ส่วนกลางของใบประดับ มีลักษณะรูปร่างคล้ายแตรฮอร์น ยื่นออกมาจากข้างใน และมีเกสรสีเหลืองยาวพ้นปากแตรออกมาอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งมีขนาดความ ยาวโดยประมาณ 1 เซนติเมตรเศษ เมื่อแก่ดอกก็หลุดออกจากใบประดับ พร้อมกับเกิดตุ่ม เป็นเมล็ดกลมๆ ติดอยู่กลางหมวกจีนแทนดอก                  
#5
พรรณไม้แห้ง / การะเวก 7-34190-001-045
24 มิถุนายน 2013, 23:48:10 หลังเที่ยง
สรุปลักษณะและข้อมูลพรรณไม้
(สรุปลักษณะและข้อมูลพรรณไม้ ตั้งแต่หน้า 2-7 และข้อมูลพื้นบ้านหน้า 1 ในลักษณะเรียงความบรรยายพรรณไม้ )
ชื่อพันธุ์ไม้  การเวก /กระดังงาจีน   รหัสพรรณไม้ 7-34190-001-045
   
          ไม้รอเลื้อย  อยู่กลางแจ้ง สูง 4 เมตร ทรงพุ่มรูปไข่  กว้าง  6 เมตร ลำต้นเหนือดิน ตั้งตรงเองไม่ได้  ผิวเรียบมีหนามแข็งและยาวตามลำต้น เห็นข้อปล้องไม่ชัดเจน ต้นอ่อนสีเขียวอ่อน  ต้นแก่สีน้ำตาล  ไม่มียาง  ใบเดี่ยวเรียงสลับ ใบรูปรีหรือรูปขอบขนานกว้าง 4-8 เซนติเมตร  ยาว 8-10 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบแหลม ขอบใบเรียบ หลังใบสีเขียวเข้มเป็นมัน ท้องใบสีเขียวจาง มีขนประปรายตามเส้นกลางใบดอกช่อ  ก้านช่อดอกแบนและโค้งคล้ายขอ ออกตรงข้ามกับก้านใบ ดอกอ่อนสีเขียว มีขนมาก ดอกแก่สีเหลือง มีกลิ่นหอม กลีบเลี้ยงมี 3 กลีบ รูปสามเหลี่ยมขนาดเล็กสีเขียว ปลายกลีบกระดกขึ้น กลีบดอกหนาผิวเรียบเป็นมัน กลีบดอกรูปไข่หรือรียาว เรียงเป็น 2 ชั้นๆละ 3 กลีบ ผลกลุ่ม  4 - 20 ผล ผลอ่อนสีเขียว ผลแก่สีเหลือง รูปรีป้อมหรือรูปไข่กลับ กลิ่นหอมแรง  มี 2 เมล็ด 
   
          ปลูกเป็นไม้ประดับ
#6
ไม้เลื้อย / ส้มป่อย รหัส 7-34190-001-407
22 มิถุนายน 2013, 14:25:29 หลังเที่ยง
ส้มป่อย รหัส  7-34190-001-407
ชื่อวิทยาศาสตร์: Acacia concinna (Willd.) DC.
วงศ์: Leguminosae-Mimosoideae
ชื่อทั่วไป: ส้มป่อย หรือ ส้มขอน (ภาคกลาง)  ส้มป่อย (ภาคเหนือ)  ส้มใบ ส้มป่อย (ภาคใต้)
ประเภท: ไม้เถา

ลักษณะวิสัย: ส้มป่อยเป็นไม้พุ่มรอเลื้อยขนาดใหญ่ ตามลำต้นกิ่งก้าน มีหนาม ใบเป็นใบประกอบแบบนกสองชั้นใบย่อยรูปขอบขนาน ปลายและโคนใบมน ดอกมีขนาดเล็กเป็นช่อกลมเป็นพู่เหมือนดอกกระถิน ออกตามปลาย กิ่ง  ฝักแบนยาว คล้ายถั่วลันเตา สีน้ำตาลดำขอบเป็นคลื่น ผิวย่น มีสารกลุ่มซาโปนินสูงถึง 20 % ตีกับน้ำจะเกิดฟองคงทนมา
ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด
ประโยชน์: ส้มป่อยมีความสัมพนธ์กับวิถีชีวิตคนอีสานอย่างมาก ยอดอ่อนใช้กินเป็นอาหาร และประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ เช่น เผ่าใส่ในน้ำนมต์ เป็นการรักษาและป้องกันโรคต่าง ๆ หรือใช้เป็น อุปกรณ์พรมน้ำมนต์ ในส่วนของฝักมีสารออกฤทธิ์ ในกลุ่ม (saponin) ได้แก่ acacinin A, B,C, D และ E จากการสัมภาษณ์คนลาวที่นำฝักส้มป่อยมาขายตามแนวชายแดนไทย-ลาว ทราบว่ามีการนำส้มป่อยไปใช้ในอุตสากรรมการทำเครื่องสำอางค์ (ยาสระผม น้ำหอม เป็นต้น) สรรพคุณทางสมุนไพรใช้ใบต้มอาบแก้โรคผิวหนัง และเป็นยาขับเสมหะ
ลักษณะทั่วไป:  ส้มป่อยเป็นไม้เลื้อย มีเถาเป็นเนื้อไม้และมีหนามที่เปลือกของลำต้น ลำต้นเลื้อยพาดพันต้น
ไม้อื่นได้ บริเวณยอดอ่อน เถาจะเป็นสีแดงคล้ำมีหนามอ่อน ใบ เป็นใบประกอบก้านใบประกอบยาว 6-16 ซม. ก้านใบยาว 1.5-5.2 ซม. ประกอบด้วยใบ 5-10 คู่ มีใบย่อย 10-35 คู่ ในแต่ละก้าน ใบย่อยสีเขียวขนาดเล็ก ดอก จะแตกออกจากง่ามใบลักษณะเป็นทรงกลมคล้ายดอกกระถิน และมีเกสรเป็นขนอ่อนๆ รอบดอก เมื่อดอกแก่จะกลายเป็นฝักยาว ผลเป็นฝัก ผิวของฝักมีคลื่นขรุขระ ฝักยาว 10-15 ซม. เปลือกของฝักอ่อนเป็นสีเขียวอมแดง พอแก่เป็นสีน้ำตาลเข้มเมล็ดเรียงอยู่ภายใน
สรรพคุณทางยา: ใบรสเปรี้ยว ฝาดร้อนเล็กน้อย สรรพคุณช่วยขับเสมหะ ขับระดูขาว แก้บิด ฟอกโลหิต แก้โรคตา          ดอก รสเปรี้ยว ฝาด มัน แก้เส้นเอ็นพิการให้สมบูรณ์ ฝัก รสเปรี้ยว เป็นยาขับเสมหะแก้ไอ ทำให้อาเจียน แก้น้ำลายเหนียว  แก้โรคผิวหนัง ช่วยขจัดรังแคและบำรุงเส้นผม
เปลือกรสขมเปรี้ยว เผ็ดปร่า เจริญอาหารกัดเสมหะ แก้ไอ ซางเด็ก ต้นรสเปรี้ยวฝาดแก้ตาพิการ ราก รสขม แก้ไข้ แก้ท้องร่วง
                  ประโยชน์ทางอาหาร:  ยอดอ่อนและใบอ่อนใช้รับประทานเป็นผัก และเครื่องปรุงรสช่วยให้อาหารมีรสเปรี้ยวและช่วยดับกลิ่นคาวปลาได้ ยอดส้มป่อยมักนำมาแกงกับปลา แกงส้ม หรือจอ (อาหารเหนือ) ก็ได้ เวลาแกง อาจจะใส่ยอดส้มป่อยอย่างเดียวหรือแกงรวมกับยอดมะขามอ่อนก็ได้
                   ประโยชน์อื่นๆ:  น้ำของฝักส้มป่อยใช้ขัดล้างเครื่องเงิน เครื่องทอง นอกจากนี้เปลือกต้นให้สีน้ำตาลและสีเขียวซึ่งใช้ประโยชน์   ในการย้อมผ้า ย้อมแห และอวนได้
สารที่มีประโยชน์ในส้มป่อย:      - ในฝักมีสารชาโปนิน ซึ่งทำเป็นฟองคล้ายสบู่
                                                    - มีสารจำพวก กรดอินทรีย์ ที่ทำให้รสเปรี้ยว นำไปประกอบอาหารได้
#7
ไม้พุ่ม / หีบไม้งาม รหัส 7-34190-001-406
22 มิถุนายน 2013, 14:21:04 หลังเที่ยง
หีบไม้งาม รหัส 7-34190-001-406
ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Carissa macrocarpa (Ecklon) A.DC.
ที่อยู่ใน วงศ์โมก (APOCYNACEAE)
เป็นไม้ดอกหอมจากต่างแดน ที่มีถิ่นกำเนิดเดิมมาจากแอฟริกาใต้ ในแคว้นนาทาล (Natal) และควาซูลู (KwaZulu) ถูกนำเข้ามาปลูกในเมืองไทยโดยอาจารย์ ปิฏฐะ บุนนาค โดยนำมาจากสหรัฐอเมริกา
ออกดอกเดี่ยว หรือเป็นช่อ 1-3 ดอกที่ปลายยอด ดอกสีขาว มีกลีบดอก 5 กลีบ มีกลิ่นหอมตลอดทั้งวัน และสามารถออกดอกได้ตลอดทั้งปี ดอกบานวันเดียวแล้วโรย
มีหนามแหลมตามลำต้น แตกกิ่งสั้นๆ จำนวนมาก เนื้อไม้เหนียว ทุกส่วนของลำต้นมียางขาว ใบเดี่ยว ออกตรงข้ามเป็นคู่ มีใบเรียงถี่ตรงปลายกิ่ง ใบรูปกลมหรือรูปไข่ ผิวใบเรียบเป็นมันสีเขียวเข้ม แผ่นใบหนาและเหนียว ปลายใบมีหนามแหลมสั้นๆ
หากติดผล เมื่อผลสุกจะมีแดงเข้มสวยงาม (ตามข้อมูลบอกไว้ว่าเนื้อของผลสามารถรับประทานได้ แต่จะมีรสเปรี้ยวอมหวาน แต่เมล็ดมีพิษร้ายแรงห้ามรับประทาน)
การปลูกเลี้ยงต้นหีบไม้งาม สามารถปลูกในกระถางให้ออกดอกได้ดี ใช้พื้นที่ในการปลูกน้อย พื้นที่เพียง 1 ตรม. ก็สามารถปลูกพันธุ์ไม้ดอกหอมชนิดนี้ได้
หีบไม้งามชอบดินร่วนที่ระบายน้ำได้ดี และตั้งไว้กลางแจ้ง ให้ได้รับแสงแดดเต็มที่ ก็งอกงามดี ใบเป็นมันสวยงาม และใบไม่ค่อยร่วง
หีบไม้งามเป็นไม้ที่ปลูกเลี้ยงง่าย ไม่ค่อยมีโรคและแมลงมารบกวน เป็นไม้ดอกหอมที่ค่อยๆ เจริญเติบโตแบบเรื่อยๆ ไปช้าๆ ครับ หมั่นคอยตัดแต่งกิ่งให้เป็นทรงพุ่มสวยงามได้ตามใจชอบ

การขยายพันธุ์หีบไม้งาม สามารถทำได้ทั้งเพาะเมล็ด ปักชำกิ่ง และตอนกิ่ง โดยการตอนกิ่ง ควรตอนกิ่งขนาดกลางที่ไม่อ่อนหรือแก่เกินไป (สีน้ำตาลอมเขียว) จะออกรากได้ดีกว่า และถ้าหากปักชำกิ่ง ควรใช้กับกิ่งที่มียอดอ่อน ความยาวของกิ่งที่ใช้ประมาณ 10 ซม. ขึ้นไป
ปัจจุบันเริ่มมี หีบไม้งามใบด่าง ออกมาขายให้เห็นกันบ้างแล้ว

#8
ไม้ล้มลุก / สาบแร้งสาบกา รหัส 7-34190-001-404
22 มิถุนายน 2013, 13:44:04 หลังเที่ยง
สาบแร้งสาบกา รหัส 7-34190-001-404
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ageratum conyzoides Linn.
วงศ์ : COMPOSITAE
ชื่อสามัญ : Goat Weed
ชื่อ อื่น ๆ : เทียนแม่ฮาง (เลย), หญ้าสาบแฮ้ง (เชียงใหม่), หญ้าสาบแร้ง (ราชบุรี), ตับเสือเล็ก (สิงห์บุรี), เซ้งอั้งโซว (จีน-แต้จิ๋ว)
ลักษณะ ทั่วไป : ต้น : เป็นพรรณไม้ล้มลุก ที่มีอายุเพียงปีเดียวตาย ลำต้นจะตั้งตรงแตกกิ่งก้านสาขามาก ทั้งต้นจะมีขนปกคลุมอยู่ และเมื่อเด็ดมาขยี้ดมจะมีกลิ่นเฉพาะตัวเลย ลำต้นสูงประมาณ 1-2 ฟุต
ใบ : ออกใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามกันเป็นคู่ ๆ แต่ตรงส่วนยอดใบจะเรียงสลับกัน ลักษณะของใบเป็นรูปมนรี ปลายแหลม โคนใบเว้าคล้ายรูปหัวใจ ขอบใบเป็นจักฟันเลื่อย พื้นใบมีสีเขียว และมีขนสั้น ๆ อ่อน ๆ ปกคลุมอยู่ ยาวประมาณ 2-5 นิ้ว ก้านใบมีขนปกคลุมตลอดทั้งก้าน
ดอก : ออกดอกเป็นช่ออยู่ตรงส่วนยอดของต้น ช่อหนึ่ง ๆ จะมีดอกขนาดเล็กประมาณ 6 มม. อัดตัวอยู่กันแน่น ดอกมีสีม่วงน้ำเงินหรือขาว มีอยู่ 5 กลีบ ๆ เลี้ยงสีเขียว
ผล : แปลกมาก คือจะเป็นรูปเส้นตรงสีดำ ส่วนบนจะมีขนสั้นอยู่ 5 เส้น
การขยายพันธุ์ : เป็นพรรณไม้กลางแจ้ง ที่เจริญเติบโตได้ในดินทุกชนิดซึ่งจัดเป็นวัชชพืชชนิดหนึ่ง ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด
ส่วนที่ใช้ : ทั้งต้น ใบ และราก

สรรพคุณ : ทั้งต้น แก้ไข้ ขับระดู แก้บิด แก้ลม และแก้ช่องทวารหนักหย่อนยาน
ใบ พอกแก้คัน แก้แผลเรื้อรังที่เยื่อเมือก ห้ามเลือด ทาภายนอกแก้ปวดบวม แก้ท้องขึ้นอืดเฟ้อ น้ำต้มกินแก้ไข้ น้ำคั้นใช้หยอดตาแก้ตาเจ็บ เป็นยาทำให้อาเจียน
ราก ใช้ยับยั้งการเจริญเติบโตของก้อนนิ่ว แก้ไข้
ถิ่นที่อยู่ : เป็นพรรณไม้พื้นเมืองของอเมริกาเขตร้อน ปัจจุบันขึ้นอยู่ทั่วไปตามที่รกร้างว่างเปล่า
ตำรับ ยา : 1. แผลเรื้อรังที่เนื้อเยื่อเมือกบวมอักเสบ นำใบสดและยอดมาล้างให้สะอาด ผสมกับเกลือและข้าวหมัก ตำให้เข้ากันแล้วพอกบริเวณที่เป็น
2. ไข้หวัด ใช้ใบสด 60 กรัมต้มน้ำกิน
3. แผลเรื้อรังมีหนอง ฝี ให้ใช้ใบสดผสมกับน้ำตาลทรายแดงเล็กน้อย แล้วตำพอก
4. ปวดกระดูก ปวดข้อ ใช้ใบสดตำพอก
5. คออักเสบ ใช้ใบสด 30-60 กรัมนำมาล้างให้สะอาดเสียก่อนแล้วคั้นเอาแต่น้ำผสมกับน้ำตาลกรวด รับประทานวันละ 3 ครั้ง
6. ตาปลาอักเสบ ปากเป็นแผล ใช้ใบสด 120 กรัมกับกากเมล็ดชา 15 กรัม ผสมกันแล้วตำพอก
7. หูชั้นกลางอักเสบ ใช้ยอดสดคั้นเอาแต่น้ำแล้วหยอด
8. แผลฟกช้ำ มีเลือดออก ใช้ยอดและใบตำพอก
ข้อมูลทางเภสัชวิทยา : สารที่สกัดจากต้นนั้นจะมีฤทธิ์ในการยับยั้ง การเจริญเติบโตของเชื้อ Staphylococcus Aureus
สาร เคมีที่พบ : ทั้งต้นมีสารพวก น้ำมันระเหย โปแตสเซียมคลอไรด์ มีกรดอินทรีย์ กรดอมิโน อัลคาลอยด์ ฟลาโวนอยด์ coumarin, B-sitosterol, friedelin และ stigmasterol
#9
ไม้ล้มลุก / หญ้าเกล็ดหอย รหัส 7-34190-001-403
22 มิถุนายน 2013, 13:36:17 หลังเที่ยง
หญ้าเกล็ดหอย รหัส 7-34190-001-403
ชื่อวิทยาศาสตร์    Desmodium triflorum (L.)DC.

วงศ์:  Fabaceae-Leguminosae-Papilionoideae
ชื่อสามัญ : หญ้าเกล็ดหอย ชื่อท้องถิ่น : ผักแว่นโคก หญ้าตานทราย หญ้าตานหอย รูปร่าง/ลักษณะ : ไม้ ล้มลุกคลุมดิน ลำต้นแตกกิ่งทอดขนานกับพื้น กิ่งอ่อน และยอดอ่อนมีขนสีขาว ใบ เป็นใบประกอบแบบมีใบย่อยสามใบ รูปไข่กลับ ขนาด 0.5-1 ซม. ด้านล่างมีขนสีขาว หูใบย่อยขนาดเล็ก มาก ดอก สีม่วง ออกเป็นช่อกระจะตามซอกใบใกล้ปลายยอด ดอกย่อยขนาดเล็ก รูปดอกถั่ว กลีบรองดอกโคนติดกันเป็นรูปถ้วย ปลายแยก 5 แฉก กลีบดอก 5 กลีบ เกสรผู้ 10 อัน ผล เป็นฝักแบน โค้งเล็กน้อย ยาวได้ถึง 1.7 ซม. หยักเป็นข้อระหว่างเมล็ด 3-5 ข้อ เมื่อแห้งแต่ละข้อจะหลุดจากกัน เมล็ดขนาดเล็ก รูปไต แหล่งที่พบ : พบกระจายในเขตร้อนทั่วไป ประเทศไทยพบขึ้นกระจายทุกภาค ที่ระดับความสูงได้ถึง 1,300 เมตร ออกดอกและติดผลช่วงเดือนมิถุนายน-กันยายน
#10
ไม้พุ่ม / มะแว้งต้น รหัส 7-34190-001-402
22 มิถุนายน 2013, 13:27:13 หลังเที่ยง
มะแว้งต้น รหัส 7-34190-001-402
ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Solanum indicum  L.
วงศ์ :    SOLANACEAE

ชื่ออื่น :  มะแคว้ง มะแคว้งขม มะแคว้งคม มะแคว้งดำ (ภาคเหนือ) แว้งคม (สงขลา, สุราษฎร์ธานี)  สะกั้งแค (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)  หมากแฮ้งคง (เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้พุ่ม สูง 1-1.5 เมตร เปลือกต้นเรียบสีน้ำตาล ยอดอ่อนและต้นอ่อนมีขนสีขาว ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ รูปไข่หรือขอบขนาน กว้าง 4-10 ซม. ยาว 6-12 ซม. ปลายใบและโคนใบมน ขอบใบหยักเว้า แผ่นใบสีเขียว มีขนนุ่ม ก้านใบยาว ดอก ออกเป็นช่อตามกิ่งหรือซอกใบ ดอกย่อยมี 5-10 ดอก ดอกสีม่วง กลีบเลี้ยงเชื่อมติดกัน ปลายแยกเป็น 5 แฉกแหลม ด้านนอกมีขน กลีบดอกมี 5 กลีบ รูปไข่ ปลายแหลม เกสรเพศผู้สีเหลือง ติดกันเป็นรูปกรวย ผล รูปทรงกลม ขนาด 1 ซม. ผิวเรียบ ผลดิบสีเขียวไม่มีลาย ผลสุกสีส้ม เมล็ดแบนจำนวนมาก
ส่วนที่ใช้ :  ราก ทั้งต้น ใบ ผล
สรรพคุณ :
•   ราก -  แก้เสมหะ น้ำลายเหนียว แก้ไอ แก้ไข้สันนิบาต แก้โลหิตออกทางทวารหนัก ทวารเบา
•   ทั้งต้น - แก้โลหิตออกทางทวารหนัก ทวารเบา
•   ทั้งต้น - แก้โลหิตออกทางทวารหนัก ทวารเบา
•   ผล - บำรุงน้ำดี รักษาโรคเบาหวาน แก้ไอ แก้เสมหะ แก้น้ำลายเหนียว แก้คอแห้ง ขับปัสสาวะ รักษาโรคทางไต และกระเพาะปัสสาวะ แก้โลหิตออกทางทวารหนัก ทวารเบา
วิธีและปริมาณที่ใช้ :
1.   ใช้เป็นยาขมเจริญอาหาร แก้ไอ และแก้โรคหอบหืด
ใช้มะแว้งต้น ผลแก่
ในเด็ก ใช้ 2-3 ผล ใช้เป็นน้ำกระสายยา กวาดแก้ไอ ขับเสมหะ
ผู้ใหญ่ ใช้ 10-20 ผล รับประทาน เคี้ยว แล้วกลืนทั้งน้ำและเนื้อ รับประทานบ่อยๆ จนกว่าอาการจะดีขึ้น
2.   ใช้ลดน้ำตาลในเลือด รักษาเบาหวาน
ใช้มะแว้งต้นโตเต็มที่ 10-20 ผล รับประทานเป็นอาหารกับน้ำพริก
สารเคมี :
          สาร Solasodine จะพบได้ในส่วน ผล ใบ และต้น นอกจากนี้ในใบและผลยังพบ Solanine , Solanidine  Beta-sitosterol และ Diogeninคุ
ค่าทางด้านอาหาร :
          ลูกมะแว้งต้น ใช้เป็นผักได้ แต่นิยมน้อยกว่ามะแว้งเครือ ลูกมะแว้งต้นมีวิตามินเอ ค่อนข้างสูง
#11
ไม้พุ่ม / ต้อยติ่งฝรั่ง รหัส 7-34190-001-401
22 มิถุนายน 2013, 13:19:39 หลังเที่ยง
ต้อยติ่งฝรั่ง รหัส  7-34190-001-401
ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Ruellia squarrosa (Fenzi) Cufod.
ชื่อวงศ์ :            Acanthaceae.
ชื่อสามัญ  :        ruellias, wild petunias
ชื่ออื่นๆ :           ต้อยติ่งเทศ ,ต้อยติ่งน้ำ
ลักษณะทั่วไป :
ต้อยติ่งฝรั่ง เป็นไม้พุ่มเล็ก ลำต้นสูงประมาณ 50-80 เซนติเมตร  ใบเดี่ยวออกเรียงตรงข้าม ใบยาวเรียวปลายแหลมโคนมน ขอบใบเรียบกว้าง 1.5-3 ซม.ยาว10-15 ซม. ดอกออกเป็นช่อๆละ 2-3ดอก รูปลำโพงแยกเป็นแฉก 5 แฉก กลีบดอกหยักย่น มีทั้งสีม่วง สีชมพู สีขาว ผลรียาวสีเขียวและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลดำเมื่อแก่ ภายในผลมีเมล็ดลักษณะแบน 8-10 เมล็ด  ชอบแดดจัด ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด