• Welcome to งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน โรงเรียนวารินชำราบ สพม. เขต 29.
 

ข่าว:

พืชพรรณต่างๆ มีภาพประกอบ และจัดเป็นหมวดหมู่ตามลักษณะวิสัย ค้นหาได้ง่าย

Main Menu
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - นางสาวมะลิสา วงษาเสน

#1
คอมพิวเตอร์กราฟิกพรรณไม้ / ดอกทองอุไร
25 มิถุนายน 2013, 14:21:44 หลังเที่ยง
 :) ;)
เรื่อง ดอกทองอุไร
ชื่อ น.ส.มะลิสา วงษาเสน ชั้น ม.5/1 เลขที่ 27
:-X :'(
#2
ไม้พุ่ม / หลิวน้ำตก รหัส 7-34190-001-362
22 มิถุนายน 2013, 14:45:02 หลังเที่ยง
หลิวน้ำตก รหัส 7-34190-001-362
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Phyllanthus myrtifolius Moon.
ชื่อวงศ์ : EUPORBIACEAE     
ชื่อพื้นเมือง : หลิวญี่ปุ่น  หลิวใบ
ชนิดพืช [Plant Type] : ไม้คลุมดิน
ลักษณะทั่วไป (Characteristic) : ไม้คลุมดิน ลำต้นแตกกิ่งเป็นพุ่ม กิ่งจะแตกออกยืดยาว ทิ้งตัวห้อยย้อยลง
ใบ (Foliage) : ใบเดี่ยว เรียงสลับระนาบเดียวกัน ใบ รูปรีถึงรูปใบหอก กว้าง 0.5-1 เซนติเมตร   ยาว 2-3  เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบรูปลิ่ม ขอบใบเรียบ แผ่นใบหนา แข็ง และมีขนสากระคายมือ ผิวใบด้าน
บนสีเขียวเป็นมัน
ดอก (Flower) :   สีแดง  ออกเป็นช่อเเบบช่อกระจุกตามซอกใบที่ปลายกิ่ง กลีบเลี้ยงสีเขียว  โคนกลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันเป็นหลอดหุ้มดอก  โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 5 แฉก  ดอกบานเต็มที่กว้างประมาณ 0.5 เซนติเมตร
ผล (Fruit) : ผลแห้งแตก
การใช้งานด้านภูมิทัศน์ (Landscape Used) :   ปลูกประดับสวนหย่อมทั่วไป    ไม่ค่อยมีดอกแต่จะเน้นที่ใบสีเขียว
เพื่อตัดกับกลุ่มไม้สีอื่นๆ เหมาะกับสวนหินเพราะใบห้อยลงหรือปลูกในกระบะบนอาคารให้ใบห้อยย้อยลงมาสวยงาม
#3
ไม้เลื้อย / โล่ติ๊น รหัส 7-34190-001-361
22 มิถุนายน 2013, 14:35:03 หลังเที่ยง
โล่ติ๊น รหัส 7-34190-001-361
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Derris elliptica  (Roxb.) Benth.
ชื่อวงศ์ :   PAPILIONACEAE   
ชื่อสามัญ : Tuba Root, Derris
ชื่ออื่น : โล่ติ๊น  กะลำเพาะ  เครือไหลน้ำ  หางไหลแดง ไหล ไหลน้ำ (เหนือ) อวดน้ำ (สุราษฎร์ธานี)
ลักษณะ : เป็นไม้เลื้อยชนิดเนื้อแข็ง ใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับ มี 2 พวก คือ D. elliptica ใบย่อยมี 7 ใบขึ้นไป และ D. malacecum มีใบย่อย 5 ใบ  ช่อดอกออกที่ซอกใบ ดอกย่อยรูปดอกถั่ว กลีบดอกสีชมพูแกมม่วง ผลเป็นฝัก เมื่อฝักอ่อนเป็นสีเขียวและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลปนแดง เมื่อฝักแก่ ภายในฝักมีเมล็ดซึ่งมีลักษณะกลมและแบนเล็กน้อย มีสีน้ำตาลปนแดง
ประโยชน์ด้านกำจัดแมลง : นำรากหางไหล 1/2 - 1 กิโลกรัม มาทุบแล้วแช่น้ำ 20 ลิตร ทิ้งไว้ค้างคืน นำน้ำหมักมาฉีดพ่นในแปลงพืชผล ควรฉีดพ่นในช่วงแดดอ่อนๆ  ใช่ฉีดพ่นป้องกันแมลงวัน หนอนเพลี้ยอ่อน ด้วงงวงถั่ว ตั๊กแตนตัวอ่อน เพลี้ยจั๊กจั่น ฯลฯ โดยไม่มีสารพิษตกค้าง เพราะสาร rotennone ที่มีในโล่ติ๊นสามารถสลายตัวได้ง่าย และไม่เป็นอันตรายต่อคน
ข้อควรระวัง เป็นพิษต่อปลา จึงไม่ควรใช้กับแปลงผักหรือแปลงไม้ผลที่มีบ่อเลี้ยงปลาอยู่ใกล้
#4
ไม้ล้มลุก / เนียมหูเสือ รหัส 7-34190-001-360
22 มิถุนายน 2013, 14:30:05 หลังเที่ยง
เนียมหูเสือ รหัส 7-34190-001-360
ชื่ออื่น: หอมด่วนหลวง หอมด่วนหูเสือ (เหนือ)หูเสือ (อีสาน)
เนียมหูเสือ(ภาคกลาง)หอมด่วนเสือ(ตาก)หอมด่วนหูเสือ(ภาคเหนือ)หูเสือ(ชัยภูมิ พิจิตร)
ชื่อวิทยาศาสตร์:   Coleus amboinicus Lour.
ชื่อวงศ์:  LAMIACEAE
ชื่อสามัญ:  Country Borage, Indian Borage
นิเวศวิทยา:  ถิ่นกำเนิดอาจมาจากมาเลเซีย ประเทศไทย ปลูกตามบ้านทั่วๆไป
ขยายพันธุ์: ปักชำ
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์:  ไม้ล้มลุกอายุหลายปีลำต้นค่อนข้างสี่เหลี่ยมถึงค่อนข้างกลมรูปใบแตกต่างกันมากจากค่อนข้างแหลมจนถึงกลมกว้างใบหนาสดหักง่ายยาว1.5-11.5เซนติเมตรกว้าง1.5-9.5เซนติเมตรก้านใบยาว0.75-7.5เซนติเมตรมีกลิ่นหอมมากดอกหายากออกเป็นช่อยาว14-39เซนติเมตรกลีบดอกสีม่วงอ่อนหรือสีขาวดอกเป็นหลอดยาว3.5มิลลิเมตร
ประโยชน์: ยอด,ใบรับประทานกับลาบ,น้ำพริกแกล้มแกงเนื้อทั้งต้นใช้ซักผ้า,สระผม,ใบขยี้ทาแก้แมลงป่องต่อย,ตะขาบกัดและแก้ปวดหัว
#5
ไม้เลื้อย / นมควาย(ผีผ่วน) รหัส 7-34190-001- 359
22 มิถุนายน 2013, 14:21:36 หลังเที่ยง
นมควาย(ผีผ่วน) รหัส 7-34190-001- 359
ชื่ออื่นๆ : นมแมว (ภาคกลาง), นมวัว (พิษณุโลก, กระบี่), พีพวน (อุดรธานี),
บุหงาใหญ่ (ภาคเหนือ)
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Uvaria Runfa Bl.
ชื่อวงศ์ : ANNONACEAE
ลักษณะทั่วไป: ต้น : เป็นพรรณไม้เลื้อย ที่มีลำเถาอ่อนและมีขนเป็นกระจุกรูปดาว แต่ถ้าแก่ไปผิวจะเกลี้ยงไม่มีขน มีสีนํ้าตาลแดง
ใบ : เป็นไม้ใบเดี่ยว ออกเรียงสลับกันไปตามข้อต้น ลักษณะของใบเป็นรูป
ยาวรี ปลายใบแหลมและเป็นติ่ง ส่วนโคนใบนั้นมนหรือเว้าเป็นรูป
หัวใจ ด้านบนใบจะสากๆ มีเส้นกลางใบมีขน และใต้ใบจะมีขน
สีนํ้าตาลแดง ขนาดของใบกว้างประมาณ 1-1.5 นิ้ว ยาว 2-4 นิ้ว ก้านใบ
ยาวครึ่งเซน
ดอก : จะแตกดอกออกตามกิ่ง หรือตามง่ามใบ ช่อหนึ่งจะมีดอกอยู่ 2-3 ดอก
ดอกหนึ่งจะมีอยู่ 6 กลีแบ่งออกเป็น 2 ชั้น ลักษณะของดอกจะเชื่อมติด
กันเป็นรูปถ้วย มีสีแดงอมม่วง ตามกลีบดอกจะปกคลุมไปด้วยขนสีนํ้า
ตาล มีกลิ่นหอม
ผล : เป็นรูปไข่ อยู่รวมกันเป็นกระจุกประมาณ 2-6 ผล ผิวย่นและมีขนอ่อนๆปกคลุมอยู่ ผลยาวประมาณ 1-1.5 นิ้ว มีเมล็ดเป็นรูปไข่จำนวนมาก ซึ่งจะเรียงกันเป็น 2 แถวสีนํ้าตาลเป็นต้น
ส่วนที่ใช้ : ผล, เนื้อไม้ และราก
สรรพคุณ : ผล รับประทานได้ จะมีรสหวาน และถ้านำมาตำผสมกับนํ้าจะเป็นยาแก้ผดผื่นคันตามตัว และแก้เม็ด เป็นยาเย็นถอนพิษ
เนื้อไม้และราก นำมาต้มรวมกันจะเป็นยาแก้ไข้กลับ หรือไข้ซํ้า และเป็น
ยาเนื่องจากทานของแสลงเป็นพิษเข้าไป
ราก เป็นยาบำรุงนํ้านม แก้โรคผอมแห้งของสตรีที่คลอดบุตรและอยู่ไฟไม่ได้



#6
ไม้ล้มลุก / มะเขือขื่น รหัส 7-34190-001-430
22 มิถุนายน 2013, 13:48:38 หลังเที่ยง
ชื่อวิทยาศาสตร์: Solanum aculaetissimum Jacq.
วงศ์: SOLANACEAE
ชื่อพ้อง: Solanum xanthocarpum Schrad.&H.Wendl.
ชื่ออื่น: เขือหิน (ภาคใต้);มะเขือขันคำ;มะเขือคางกบ (เชียงใหม่);มะเขือคำ;มะเขือแจ้ (ภาคเหนือ);มะเขือแจ้ดิน (เชียงใหม่);มะเขือเปราะ;มะเขือเสวย (ภาคกลาง);มั่งคิเก (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่อนสอน)
ลักษณะทางพฤกศาสตร์
ลำต้น: เป็นไม้ล้มลุก ลำต้นตั้งตรง สูง 0.14-1 เมตร มีขนต่อมสั้นๆ มีหนามแหลม
ใบ: ใบเดี่ยว มักจะมีหนามแหลมคมยาวตั้งฉากตามเส้นกลางใบ ใบเป็นสีเขียว เรียงสลับรูปไข่ กว้าง 4-12 เซนติเมตร ยาว 4.5-18 เซนติเมตร โคนใบรูปหัวใจ ขอบใบเว้าเข้าเป็นพูตื้นๆ ผิวใบด้านบนมีขน ก้านใบยาว 1-10 เซนติเมตร ใบมีสีเขียว
ดอก: ออกเป็นช่อเป็นกระจุกสั้นๆ ที่ซอกใบ ดอกย่อย 4-6 ดอก กลีบดอกสีขาวเชื่อมติดกันเป็นรูปกรวยสั้น ๆ
ผล: ผลสดรูปทรงกรมหรือทรงกลมแป้นเล็ก ผิวเรียบมัน สีเขียวเข้ม มีลายสีขาวแทรก เหมือนคางกบ เมื่อสุกสีเหลือง ผิวเหนียวมาก เนื้อในสีเขียวอมเหลืองใส เมล็ดกลมแบนเล็กๆ รสขมขื่นปร่า
สรรพคุณตามตำรับยาไทย
ส่วนที่ใช้และสรรพคุณ:
ราก : รสเย็นขื่นเปรี้ยวเล็กน้อย แก้เสมหะ ขับเสมหะ ทำให้น้ำลายน้อยลง แก้ไข้สันนิบาต แก้น้ำลายเหนียว แก้ไอ กระทุ้งพิษไข้ แก้ไข้ที่มีพิษร้อน ใช้ปรุงกับยาอื่น แก้กามตายด้าน และบำรุงความกำหนัด ,ผล : รสขื่นเปรี้ยวเย็น แก้เสมหะ แก้น้ำลายเหนียว แก้ไข้สันนิบาต ,เมล็ด : รักษามะเร็งเพลิง
#7
ไม้ต้น / ผักเม็ก รหัส 7-34190-001-429
22 มิถุนายน 2013, 13:44:56 หลังเที่ยง
ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Syzygium  gratum  (Wight) S.N. Mitra  var. gratum
ชื่อสามัญ :   -
วงศ์ :   Myrtaceae
ชื่ออื่น :  ไคร้เม็ด (เชียงใหม่) เม็ก (ปราจีนบุรี)  เม็ดชุน (นครศรีธรรมราช) เสม็ด (สกลนคร) เสม็ดเขา เสม็ดแดง (ตราด)  เสม็ดชุน (ภาคกลาง)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้พุ่มต้นไม่ผลัดใบ เปลือกต้นสีน้ำตาลแดง แตกสะเก็ดแผ่นบางๆ โคนต้นมักเป็นพูพอน ใบ เป็นใบเดี่ยวออกตรงข้าม ใบรูปหอก ขอบใบเรียบ ปลายใบแหลม ดอก ออกเป็นช่อซี่ร่มเล็กๆ สีเหลืองอ่อน  ออกที่ปลายยอด ออกดอกเดือน มีนาคม-เมษายน  ผล กลม สีขาว มีขนาดเล็ก ออกผลเดือน พฤษภาคม-มิถุนายน
ส่วนที่ใช้ : ใบสด
สรรพคุณและวิธีใช้ :
          ใช้ใบสด ตำป่นปิดพอกแก้เคล็ดยอก ฟกบวมได้ดี  ใช้ผลมะกรูด หรือใบพลู รมควันใต้ใบเสม็ดพออุ่นๆ นาบท้องเด็กแก้ท้องขึ้น ท้องอืด ท้องเฟ้อในเด็ก แก้ปวดท้องได้ดีมาก
#8
ไม้ล้มลุก / ผักคราดหัวแหวน รหัส 7-34190-001-428
22 มิถุนายน 2013, 13:34:53 หลังเที่ยง
ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Acmella oleracea  (L.) R.K.Jansen
ชื่อพ้อง : Spilanthes acmella  (L.) Murray
ชื่อสามัญ :   Para cress , Tooth-ache Plant
วงศ์ :   Asteraceae (Compositae)
ชื่ออื่น :   ผักคราด ผักเผ็ด อึ้งฮวยเกี้ย
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ล้มลุก สูง 30-40 ซม. ลำต้นมักทอดเลื้อย ปลายยอดตั้ง ต้นสีเขียวปนสีม่วงแดง มีขน ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงตรงข้าม สลับตั้งฉาก รูปสามเหลี่ยม กว้าง 3-4 ซม. ยาว 3-6 ซม. ปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบจักฟันเลื่อย แผ่นใบสีเขียว มีขนประปรายทั้งสองด้าน ดอก ออกเป็นช่อรูปกรวยคว่ำ ตามซอกใบ ดอกสีเหลือง ผล เป็นผลแห้ง รูปไข่
ส่วนที่ใช้ : ราก ต้น ทั้งต้น ใบ ดอก (ราก ทั้งต้นสด เก็บได้ตลอดปี หรือตากแห้งเก็บเอาไว้ใช้)
สรรพคุณ :
•   ราก - แก้ปวดฟัน แก้ปวดศีรษะ แก้คัน เป็นยาระบาย ขับปัสสาวะ
•   ต้น - แก้พิษตานซาง แก้ไข้ แก้เจ็บคอ ฝีในคอ แก้ต่อมน้ำลายอักเสบ แก้ริดสีดวง
•   ทั้งต้น
- รสเผ็ด ซ่าปาก ทำให้ลิ้นและเยื่อเมือกชา แก้ต่อมน้ำลายอักเสบ
- แก้ฝีในคอ แก้ไข้ คอตีบตัน แก้ซาง แก้คัน แก้ริดสีดวง แก้เริม
- แก้หลอดลมอักเสบเรื้อรัง แก้ไอ ระงับหอบ ไอหวัด ไอกรน หอบหืด
- แก้เหงือกและฟันปวด แก้ปวดบวมฟกช้ำ แก้ไขข้ออักเสบจากลมขึ้น ( Rheumatic fever )
- แก้บิด ท้องเดิน
- แก้แผลบวม มีพิษ งูพิษกัด สุนัขกัด ตะมอย
•   ใบ - แก้ปวดฟัน แก้ปวดศีรษะ รักษาแผล มีฤทธิ์เป็นยาชา
•   ดอก - แก้ปวดฟัน แก้ปวดศีรษะ
วิธีและปริมาณที่ใช้ :
•   ใช้รับประทานภายใน
ต้มแห้งหนัก 3.2- 10 กรัม ต้มน้ำดื่ม หรือบดเป็นผงหนัก 0.7- 1 กรัม รับประทานกับน้ำ หรือผสมกับเหล้ารับประทาน
•   ใช้ทาภายนอก
ต้นสดตำพอก หรือเอาน้ำทาถู ใช้ต้นสด 1 ต้น ตำให้ละเอียด เติมเกลือ 10 เม็ด คั้นน้ำ ใช้สำลีพันไม้ชุบน้ำยาจิ้มลงในซอกฟัน ทำให้หายปวดฟันได้
สารเคมี :
      ทั้งต้น พบ Sitosterol-O-Beta-D-glucoside, Alpha- และ Beta-Amyrin ester, Stigmasterol, Spiranthol, Spilantol, lsobutylamine
#9
ไม้ล้มลุก / ผักโขม รหัส 7-34190-001-427
22 มิถุนายน 2013, 13:30:12 หลังเที่ยง
ชื่อ"ผักขม"
วงศ์"AMARANTHACEAE"
ชื่อวิทยาศาสตร์ "Amaranthus lividus Linn."
ชื่อพื้นเมือง "ผักโขม(กลาง),ผักโหม,ผักหม(ใต้),
ผักโหมเกลี้ยง(แม่ฮ่องสอน),กระเหม่อลอเตอ
(กระเหรี่ยง,แม่ฮ่องสอน)
ชื่อ"ผักขมหัด"
ชื่อวิทยาศาสตร์ "Amaranthus gracilis Desf"
"A.ViridisL.(Syn.)"
ชื่อพื้นเมือง"ผักโขมหัด(กลาง),ผักหม(ใต้),กะเหม่อลอมี,
แม่ล้อคู่(กระเหรี่ยง,แม่ฮ่องสอน)ปะตี(เขมร)
ชื่อ"ผักขมหนาม"
ชื่อวิทยาศาสตร์ "Amaranthrs  spinosus Linn."
ชื่อพื้นเมือง"ผักโขมหนาม,ผักโหมหนาม(ใต้),กะเหม่อลอมี,
แม่ล้อคู่(กระเหรี่ยง,แม่ฮ่องสอน),ปะตี(เขมร),ผักขมสวน   
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
-ผักขมเป็นพืชล้มลุกปีเดียวลำต้นสีเขียวตรงแตกกิ่งก้านสาขามากใบเป็นใบเดี่ยวรูปไข่คล้ายสามเหลี่ยม
ใบออกแบบสลัลกว้าง 2.5-8 ซม.ยาว 3.5-12 ซม.ขอบใบเรียบดอกเป็นดอกช่อสีม่วงปนเขียวออกตามซอก
ใบเมล็ดสีน้ำตาลเกือบดำ
-ผักขมหัดเป็นพืชล้มลุกสูงราว2ฟุตมีขนเล็กน้อยใบเขียวเข้มรียาวประมาณ4นิ้วปลายใบมนหลังในมีขน
และรอยย่นก้านใบสั้นดอกเล็กสีน้ำเงินอมม่วง
-ผักขมหนามเป็นพืชล้มลุกปีเดียวลำต้นตรงเป็นเหลี่ยมหรือกลมผิวเรียบแตกกิ่งก้านมากใบเป็นใบเดี่ยว
รูปไข่ปลายใบแหลมออกสลัลกันก้านใบยายและมีหนามเกิดขึ้นตรงโคนก้านใบ1คู่ดอกเป็นดอกช่อสีเขียว
อ่อนดอกย่อขนาดเล็กช่อดอกมีหนามแหลมแต่หนามเล็กกว่าต้นเมล็ดลีดำหรือสีน้ำตาล
การปลูก
ผักขมชอบดินร่วนซุยและชุ่มชื่นขึ้นใต้ร่มเงาขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด
ประโยชน์ทางยา
-ผักขมใบสดมีสรรพคุณรักษาแผลพุพองต้นมีสรรพคุณแก้อาการแน่นหน้าอกและไอหอบและรากช่วยดับ
พิษร้อนถอนพิษไข้ขับถ่ายปัสสาวะ
-ผักขมหัดรากปรุงเป็นยาถอนพิษร้อนแก้คันถอนพิษไข้แก้เสมหะขับ
ปัสสาวะมักจะใช้เป็นยาสมุนไพร่วมกับผักขมหิน
-ผักขมหนามรากผักโขมหนามเป็นยาแก้ตกเลือดแก้ฝีแก้ขี้กลากเป็นยาขับน้ำนมแก้แน่นท้อง
แก้พิษแก้ช้ำในแก้ไข้ระงับความร้อนแก้เด็กลิ้นเป็นฝ้าละอองเบื่ออาหาร
ประโยชน์ทางอาหาร
-ส่วนที่เป็นผัก/ฤดูกาลยอดอ่อนและใบอ่อนของผักขมสามชนิดดังกล่าวเป็นผักได้ออกในฤดูฝน
-การปรุงอาหารคนไทยทุกภาครับประทานผักขมเป็นผักภาคเหนือภาคอีสานและภาคใต้มีผักขมและผักขม
หัดจำหน่ายในตลาดสดแต่ผักขมหนามมักเก็บบริเวณใกล้บ้านและบางท้องถิ่นนิยมใช้เป็นอาหารหมูวิธีการ
นำมาปรุงเป็นอาหารโดยการต้มหรือลวกให้สุกรับประทานเป็นผักจิ้มกับน้ำพริกและยังนำไปปรุงเป็นแกง
รสและประโยชน์ต่อสุขภาพ
ผักขมมีรสจืดไม่มีการวิเคราะห์คุณค่าสารอาหาร
#10
ปาล์ม / ปาล์มพัดจีน รหัส 7-34190-001-426
22 มิถุนายน 2013, 13:26:13 หลังเที่ยง
ชื่ออื่นๆ   ปาล์มเซี่ยงไฮ้
ชื่อพฤกษศาสตร์   Livistona chinensis ( Jacq.) R. Br. ex Mart.
วงศ์    PALMAE
ชื่อสามัญ   Chinese   fan   palm
ปาล์มจีนเป็นปาล์มต้นเดี่ยว  สูงประมาณ 10 เมตร  ต้นโต 2-3 เมตร  ลำต้นเห็นข้อปล้องชัด  ตั้งตรง  ไม่มีหน่อ ไม่มีกอ  ใบ รูปพัด ขนาด 1-2 เมตร  สีเขียวแก่  ก้านใบทั้ง 2 ข้างมีหนามแหลม สีชมพูอ่อนๆ ใบย่อยเป็นใบแฉกลึก ปลายใบย่อยแหลมและมีเส้นใยเล็กๆเป็นเส้นฝอยๆ  ช่อดอก ออกระหว่างกาบใบเป็นทางยาว สีเหลืองอ่อน  ผล กลม  ผลแก่สีดำคล้ำ เป็นพวงใหญ่  ผลคล้ายเมล็ดบัว  การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด  ประโยชน์  เป็นไม้ประดับ  หมู่เกาะฟิลิปปินส์ใช้ปาล์มจีนทำหมวก  ถิ่นกำเนิด แถบเอเชียตะวันออก คือ จีน ไทย มาเลเชีย  ฟิลิปปินส์ และ ออสเตรเลีย
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Livistona chinensis (Jacq.) R. Br.ex Mart.
ชื่อวงศ์ : Palmae
ชื่อสามัญ : Chinese fan palm, Fountain palm
ชื่อพื้นเมือง : ปาล์มเซี่ยงไฮ้   
ชนิดพืช [Plant Type] : ปาล์มต้นเดี่ยว   
ขนาด [Size] : สูงได้ถึง 20 เมตร   
สีดอก [Flower Color] : สีขาวอมเหลือง   
ฤดูที่ดอกบาน [Bloom Time] : -   
อัตราการเจริญเติบโต [Growth Rate] : ช้า   
ลักษณะนิสัย [Habitat] : ชอบดินร่วน ระบายน้ำดี     
ความชื้น [Moisture] : ปานกลาง     
แสง [Light] : แสงแดดจัด-ปานกลาง
ลักษณะทั่วไป (Characteristic) :  ปาล์มต้นเดี่ยว ลำต้นขนาด 30 เซนติเมตร เปลือกลำต้นมีสีน้ำตาลผิวขุรขระ
มีข้อปลัองชัดเจน
  ใบ (Foliage) : ใบเดี่ยวรูปพัด เรียงสลับ กว้างประมาณ 1..5 เมตร แผ่นใบหนาสีเขียวเข้มเป็นมัน แตกใบย่อย
จักเว้าลึกครึ่งตัวใบ  ปลายใบเป็นเส้นๆห้อยลงจากปลายขอบใบยาวลู่ลง   ก้านใบสีเขียวยาวประมาณ 1 เมตร
มีหนาม
  ดอก (Flower) :   สีขาวอมเหลือง   ออกเป็นช่อแบบช่อแยกแขนงระหว่างกาบใบ   ช่อดอกยาวประมาณ  80
เซนติเมตร
  ผล (Fruit) :   ผลสดแบบมีเนื้อเมล็ดเดียว ติดผลจำนวนมาก ทรงกลมรี ขนาด 2 เซนติเมตร ผลแก่สีเขียวคล้ำ
การใช้งานด้านภูมิทัศน์ (Landscape Used) : ทรงพุ่มสวย เป็นไม้กระถางในอาคาร นิยมปลูกริมถนน  ทางเดิน
ตกแต่งสวนและอาคาร สวนสาธารณะ  ปลูกริมทะเลได้
   ประโยชน์ :  -
#11
ไม้ล้มลุก / ดาวกระจาย 7-34190-001-130
22 มิถุนายน 2013, 13:20:10 หลังเที่ยง
ดาวกระจาย 7-34190-001-130     
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cosmos sulphureus Cav.
ชื่อวงศ์ : ASTERACEAE
ชื่อสามัญ : Cosmos, Mexican aster
ชื่อพื้นเมือง : คำแพ คำเมืองไหล คำอังวะ
ชนิดพืช [Plant Type] : ไม้ดอกล้มลุก
ผล (Fruit) : ผลแห้ง รูปกระสวยแคบ ที่ปลายมีขนเเข็ง
การใช้งานด้านภูมิทัศน์ (Landscape Used) : ดอกสวย ปลูกประดับสวน ปลูกลงแปลงเป็นกลุ่ม ริมถนน ทางเดิน เป็นจุดเด่นสวนหย่อม
ลักษณะทั่วไป (Characteristic) : ไม้ดอกล้มลุก มีทั้งพันธุ์เตี้ยเเละพันธุ์สูง ลำต้นเป็นเหลี่ยม ตั้งตรง มีขนปกคลุม
ใบ (Foliage) :   ใบเดี่ยว  เรียงตรงข้าม ใบรูปใบหอก  กว้าง 3-6 เซนติเมตร ยาว 7-10 เซนติเมตร  ปลายใบแหลม  โคนใบสอบ ขอบใบหยักเว้าลึกแบบขนนก 5-7 แฉก ผิวใบด้านบนสีเขียวเข้ม
ดอก (Flower) :  สีเหลือง ส้ม หรือส้มอมแดง  ออกเป็นดอกเดี่ยวตามซอกใบปลายกิ่ง   มีทั้งดอกชั้นเดียวเเละ
ดอกซ้อน รูปขอบขนาน ปลายหยัก 2-3 หยัก กลีบดอกชั้นในสีเหลืองเป็นหลอดกระจุกกลางดอก ดอกบานเต็ม
ที่กว้าง 4-6 เซนติเมตร
#12
ไม้พุ่ม / ชะอม 7-34190-001-129
22 มิถุนายน 2013, 13:16:32 หลังเที่ยง
ชะอม 7-34190-001-129     
ชื่อ "ชะอม"
วงศ์ "LEGUMINOSAE"
ชื่อวิทยาศาสตร์ "AcaciaPennata(L.)Willd.Subsp.
InsuavisNielsen"
ชื่อพื้นเมือง "ผักหละ(เหนือ),ฝ่าเซ้งดู่,พูซูเด๊าะ
(กระเหรี่ยง,แม่ฮ่องสอน)โพซุยโดะ(กระเหรี่ยง,
กำแพงเพชร),อม(ใต้),ผ้กขา(อุดรธานี,อีสาน),
ผักหล๊ะ(ไทยยอง
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ชะอมเป็นไม้พุ่มขนาดย่อมแต่เคยมีพบชะอมในป่าลักษณะเป็นต้นไม้ใหญ่วัดเส้นรอบวงของลำต้นได้1.2เมตร ไม้ชะอมที่ปลูกตามบ้านจะพบในลักษณะไม้พุ่มและเจ้าของมักตัแต่งกิ่งเพื่อให้ออกยอดไม่สู่เกินไปจะได้เก็บยอด ได้สะดวกตามลำต้นและกิ่งก้านมีหนามแหลมใบเป็นใบประกอบขนาดเล็กมีก้านใบแยกเป็นใบอยู่2 ทางลักษณะ คล้ายใบกระถินหรือใบส้มป่อยใบอ่อนมีกลิ่นฉุนคล้ายกลิ่นลูกสะตอใบเรียงแบบสลับใบย่อยออกตรงข้ามกัน ใบย่อรูปรีมีประมาณ13-28คู่ขอบใบเรียบปลายใบแหลมดอกออกที่ซอกใบสีขาวหรือขาวนวลดอกขนาด เล็กและเห็นชัดเฉพาะเกสรตัวผู้ที่เป็นฝอยๆ
ประโยชน์ทางยา
รากของชะอมสรรพคุณแก้ท้องเฟ้อขับลมในลำไส้แก้อาการปวดเสียวในท้องได้ดี รากใช้ฝนกับน้ำ หรือเหล้าขาว ขับลมในลำไส้และลมในกระเพาะอาหาร ให้ผายลมออกมาแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอเหม็นเปรี้ยวแก้ปวดบวม ปวดแสบ ปวดร้อนประโยชน์ทางอาหาร
ส่วนที่เป็นผัก/ฤดูกาล"ยอดอ่อนใบอ่อน"เป็นไม้ที่ออกยอดทั้งปีแต่จะออกมากในฤดูฝนชาวเหนือนิยมรับ ประทานยอดชะอมหน้าแล้งเพราะผักชะอมหน้าฝนจะมีรสเปรี้ยวกลิ่นฉุนบ้างครั้งทำให้ปวดท้อง การปรุงอาหารชะอมเป็นผักที่รับประทานได้ในทุกภาคของเมืองไทยวิธีการปรุงเป็นอาหารคือรบประทาน
เป็นผักจิ้มโดยการลวกหรือนึ่งให้สุกหรือใช้ยอดอ่อนใบอ่อนเด็ดเป็นชิ้นสั้นๆแล้วชุบกับไข่ทอดรับประทาน ร่วมกับน้ำพริกกะปิชาวเหนือรับประทานร่วมกันส้มตำมะม่วงตำส้มโอนอกจากนี้ชาวเหนือและชาวอีสาน ยังนิยมนำไปปรุงเป็นแกงเชนชาวอีสานมักนำไปแกงรวมกับปลาไก่เนื้อกบเขียดต้มเป็นอ่อมหรือแกงแกง ลาวและแกงแคของชาวเหนือเป็นต้น
#13
ไม้ล้มลุก / จอก 7-34190-001-128
22 มิถุนายน 2013, 13:12:40 หลังเที่ยง
จอก (Pistia stratiotes Linn.)
จอกเป็นวัชพืชน้ำอีกชนิดหนึ่งของไทย อยู่ในวงศ์เดียวกับเผือกและบอน มีชื่ออื่นๆ ที่ใช้เรียก คือ ผักกอก หรือกากอก เป็นพืชล้มลุกหลายฤดู ลำต้นสั้น มีไหลซึ่งแตกแขนงและทอดยาวขนานกับผิวน้ำ ใบเดี่ยว เป็นแผ่นกว้าง เวียนเป็นเกลียวถี่ๆ รอบต้น ขึ้นเป็นกระจุกคล้ายผักกาดสีเขียวสด อยู่ตามผิวน้ำ มีรากเป็นเส้นฝอยๆจำนวนมากที่โคนต้น ดอกสีขาวหรือเขียวอ่อน มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ขนาดเล็กมาก มีใบประดับสีเขียวอ่อนเป็นแผ่นหุ้มอยู่ตรงซอกใบ เนื่องจากดอกเล็กมาก และซ่อนอยู่ตามซอกใบจึงมักไม่มีใครเห็น ทำให้เข้าใจกันว่า จอกเป็นพืชไร้ดอก
จอกมีการกระจายพันธุ์ทั่วไปในเขตร้อน ขยายพันธุ์โดยแตกหน่อใหม่จากไหล เพิ่มปริมาณ และเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วมาก จึงสร้างปัญหาแก่แหล่งน้ำ จอกต้นเล็กๆ มีสีเขียวสดใส ถ้ามีจำนวนไม่มากนัก จะดูเหมือนดอกไม้สีเขียวๆ ลอยน้ำอยู่ดูสวยงาม จึงมีผู้นำไปใช้ประดับในสวนน้ำ ต้นอ่อนๆ ใช้เป็นอาหารเลี้ยงหมูได้
ชื่อไทย : จอก
ชื่อสามัญ : Water lettuce
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pistia stratiotes L.
ชื่อวงศ์ : ARACEAE
ลักษณะทั่วไป :
เป็นพืชลอยน้ำมีอายุหลายฤดู มีรากเป็นฝอยเล็กละเอียดแตกออกคล้ายขนนก ใบกว้างออกเป็นกระจุกลอยเหนือน้ำ ใบมีรูปร่างคล้ายลิ่ม อวบน้ำ ซ้อนเกยกันอยู่บนแกนที่เป็นส่วนของต้นสั้น ๆ มีไหลยื่นออกไปงอกเป็นต้นใหม่หรือแตกต้นอ่อนตามซอกใบ ดอกมีขนาดเล็ก สีขาวออกรวมเป็นช่อตามซอกใบ ช่อดอกมีแผ่นสีเขียวคล้ายใบเล็ก ๆ หุ้มไว้ ขยายพันธุ์ได้รวดเร็วมาก พบทั่วไปตามบึง หนองน้ำหรือนาข้าว
ประโยชน์ :
ใช้เป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ เช่น หมู เป็ด หรือปลา
#14
เฟิน / เฟินหางสิงห์ รหัส 7-34190-001-127
22 มิถุนายน 2013, 13:06:46 หลังเที่ยง
Huperzia squarrosa สร้อยหางสิงห์ขนนุ่ม(ฟิลิปินส์)
Lycopodium เฟินหางสิงห์ หางค่าง
เป็นไม้เกาะอาศัย พบขึ้นเกาะอยู่ตามคบไม้หรือโหดหินที่มีสภาพชุ่มชื้น ลำต้นเป็นแท่งหรือสายห้อยย้อยยาว หรือตั้งขึ้น ลักษณะกลมเรียว ใบกบลมแหลม ยาว 50 – 60 ซ.ม. หรือมากกว่า แตกกิ่งออกเป็นคู่หรือทวิ แตกกอเป็นกระจุก รากเป็นรากละเอียดสีน้ำตาลเกาะยึดกับคบต้นไม้ใหญ่ ยอดที่เจริญเต็มที่จะแตกแขนงเป็นเส้นๆ เล็กๆ หุ้มด้วยใบ มีอับสปอร์อยู่ที่ปลายยอด พบทั่วไปทุกภาคของไทย ในป่าดิบชื้น
Huperzia squarrosum G. Forst.
ชื่อพ้อง : Lycopodium squarrosum (G. Forst.) Trevis
ชื่อสามัญ : Rock Tassel Fern หรือ God's string
ชื่ออื่น : ช้องนางคลี่(เหนือ) ยมโดย (เชียงใหม่) หางสิงห์ (นครราชสีมา) หางค่าง (นครศรีธรรมราช)
-หางสิงห์ เป็นทั้งไม้กาะอาศัยและไม้ดิน ลำต้นเป็นสายยาว กลม ขนาดราว 6-12 มม. เรียวเล็กลงไปทางปลายยอด ยาวราว 50-80 ซ.ม. หรือมากกว่า แตกเป็นกิ่งคู่ได้หลายชั้นเช่นกัน และแตกหน่อเป็นกอใหญ่ ลักษณะใบ มีใบหนาแน่น ออกรอบลำต้น ปกติใบกางออกและปลายโค้ง ใบหนาแข็ง รูปรีปลายแหลม ขอบหยักบริเวณโคน ส่วนกลางถึงปลายขอบเรียบ แผ่นใบสีเขียวอ่อน กว้าง 1-2 มม. ยาว 13 มม. มองเห็นเส้นกลางใบได้ชัดเจนทั้ง 2 ด้าน ใบบริเวณโคนลำต้น มีขนาดเล็กกว่าบริเวณกลาง ความกว้างของลำต้นรวมใบราว 3-4 ซ.ม. สปอร์เกิดที่สตอบิลัสบริเวณปลายยอด มีขนาดเล็กกว่าลำต้นปกติ และไม่เป็นรูปโคน เพียงแค่ดูผอมเรียวลง
-หางสิงห์มีลำต้นอวบใหญ่กว่าชนิดอื่นๆ ในสกุล
พบขึ้นอยู่ตามต้นไม้และหน้าผาหิน ใกล้ลำธาร พบทั่วไปทุกภาคของไทย เช่นที่ ที่พิษณุโลก เลย กาญจนบุรี อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จันทบุรี กระบี่ นครศรีธรรมราช
Lycopodium เฟินหางสิงห์  หางค่าง
เป็นไม้เกาะอาศัย พบขึ้นเกาะอยู่ตามคบไม้หรือโหดหินที่มีสภาพชุ่มชื้น  ลำต้นเป็นแท่งหรือสายห้อยย้อยยาว หรือตั้งขึ้น  ลักษณะกลมเรียว ใบกบลมแหลม    ยาว 50 – 60 ซ.ม. หรือมากกว่า  แตกกิ่งออกเป็นคู่หรือทวิ  แตกกอเป็นกระจุก รากเป็นรากละเอียดสีน้ำตาลเกาะยึดกับคบต้นไม้ใหญ่  ยอดที่เจริญเต็มที่จะแตกแขนงเป็นเส้นๆ เล็กๆ หุ้มด้วยใบ  มีอับสปอร์อยู่ที่ปลายยอด  พบทั่วไปทุกภาคของไทย  ในป่าดิบชื้น 
#15
เฟิน / เฟินใบมะขาม รหัส 7-34190-001-126
22 มิถุนายน 2013, 13:00:48 หลังเที่ยง
ชื่อวิทยาศาสตร์       :  Nephrolepis cordifolia (L.) Prresl.
ชื่อสามัญ               :  Sword Fern, Fishbone Fern
ชื่อไทย                  :  เฟินใบมะขาม กูดสร้อย
วงศ์                       :NEPHROLEPIDACEAE

       ตัวอย่างสกุลนี้ที่เรารู้จักกันดี คือ เฟินใบมะขามพันธุ์ต่างๆ ที่นิยมปลูกประดับกันอย่างแพร่หลาย หรือถือได้ว่า เป็นเฟินที่เราพบเห็นได้ง่ายและอาจบ่อยที่สุดกว่าเฟินชนิดอื่น เนื่องจากเป็นเฟินที่ปลูกเลี้ยงได้ง่าย และขยายพันธุ์ได้ไม่ยาก และยังมีชนิดหรือสายพันธุ์แตกออกไปมากมายให้เลือกปลูก

          ลักษณะทั่วไป ลำต้นมีเป็นเหง้าสั้น ตั้งตรงหรือเอน มีขนหรือเกล็ดสีน้ำตาลปกคลุม มีไหลเป็นเส้นเล็ก ปกคลุมด้วยขนหรือเกล็ด ดูคล้ายเชือก เลื้อยไปตามผิวดิน และเกิดเป็นต้นใหม่ตามไหลได้ บางชนิดของสกุลนี้ ระบบสามารถสร้างปมเก็บน้ำเพื่อเอาไว้ใช้ในฤดูแล้ง
          ลักษณะใบ ใบรูปหอกแคบ เรียวยาว เป็นใบประกอบแบบขนนก ใบย่อยไม่ก้านใบ ที่บริเวณใกล้โคนก้าน มีใบย่อยขนาดเล็กมองดูคล้ายเกล็ด สปอร์เกิดใต้ใบ เกิดเป็นแถวเดียวใกล้ขอบของใบย่อย กลุ่มอับสปอร์รูปเมล็ดถั่วหรือรูปไต มีเยื่ออินดูเซียปิดอับสปอร์ด้านบน