• Welcome to งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน โรงเรียนวารินชำราบ สพม. เขต 29.
 

ข่าว:

ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่เว็บไซต์งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนวารินชำราบ

Main Menu
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - นางสาววิจิตรา คำศรี

#1
ไม้พุ่ม / หนุมานนั่งแท่น รหัส 7-34190-001- 395
22 มิถุนายน 2013, 13:30:48 หลังเที่ยง
หนุมานนั่งแท่น รหัส 7-34190-001- 395
ชื่อวิทยาศาสตร์   :   Jatropha  podagrica Hook. f.
วงศ์                :   EUPHORBIACEAE
ลักษณะ            :   ไม้พุ่มมีน้ำยางใส  ขนาดสูงประมาณ  1.5 – 3 เมตร  ใบเดี่ยวขนาดใหญ่แผ่กว้าง  ขอบใบเว้า  3  หรือ  5  แฉก  ดอกออกเป็นช่อตามปลายกิ่ง  มีดอกย่อยหลายดอก  แต่ละดอกมีกลีบสีส้มจำนวน  5  กลีบ  ผลสดสีเขียว  เมื่อแก่ไม่แตกจะเปลี่ยนเป็นสีดำ
แหล่งที่พบ         :  นิยมปลูกเป็นไม้ประดับตามบ้านและวัด
สรรพคุณ           :  น้ำยาง  ยาพื้นบ้านล้านนา  ใช้ทารักษาแผลมีดบาด  ช่วยห้ามเลือด  รักษาฝี  เมล็ด  มีพิษ
#2
ไม้เลื้อย / เพชรสังฆาต รหัส 7-34190-001- 393
22 มิถุนายน 2013, 13:27:29 หลังเที่ยง
เพชรสังฆาต รหัส 7-34190-001- 393 
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cissus quadrangularis Linn.
วงศ์ :   VITACEAE
ชื่ออื่น : สันชะคอด, สามร้อยต่อ, สามร้อยข้อ, ขั่นข้อ, สันชะฆาต
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้เลื้อย ลำต้นเป็นรูปสี่เหลี่ยมอวบน้ำ มีรอยคอดบริเวณข้อ
แต่ละข้อจะมีใบเดี่ยว 1 ใบ ใบมีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมหรือรูปไข่ ขนาดกว้าง 3-8 ซม. ยาว 4-10 ซม. ขอบใบหยักมน เนื้อใบค่อนข้างหนา ตรงข้ามใบมีมือเกาะ ดอกย่อยมีขนาดเล็กเป็นช่อออกตรงข้างใบ กลีบดอกด้านนอกสีเขียวแกมเหลือง กลีบด้านในสีทองแกมเขียว ผลสดมีลักษณะกลมขนาด  6 มม.
ส่วนที่ใช้ประโยชน์ ได้แก่
เถา : รักษากระดูกแตก ซ้น โรคริดสีดวงทวาร ยาระบายขับพยาธิ แก้ปวด ขับลมในลำไส้
ใบและยอดอ่อน : รักษาโรคลำไส้ที่เกี่ยวกับอาหารไม่ย่อย แน่นท้อง
น้ำคั้นจากลำต้น : รักษาโรคลักปิดลักเปิด ความผิดปกติของประจำเดือน หูน้ำหนวก และเลือดกำเดาไหล
โรคริดสีดวงทวารสามารถรักษาได้โดยหลายวิธี สามารถรักษาได้ทั้งจากยาแผนปัจจุบันและยาสมุนไพร แต่ทางที่ดีที่สุดก็คือ พยายามป้องกันการเกิด โรคริดสีดวงทวารจะดีกว่า เพื่อลดความทรมานจากการเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้นเมื่อมีการเจริญของโรคริดสีดวงทวารไปในทางที่รุนแรง
จนถึงขั้นต้องผ่าตัดหรือจี้หัวริดสีดวงทวาร แต่ถ้าไม่สามารถป้องกันการเกิดได้ กล่าวคือมีการดำเนินของโรคผ่านไปจนถึงขั้นรุนแรงแล้วและมีความจำเป็นต้องมีการรักษาโดยการผ่าตัดหรือจี้หัวริดสีดวงทวารออกก็ควรจะเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลที่มีแพทย์ที่มีความรู้ความสามารถและเป็นโรงพยาบาลที่ได้รับมาตรฐานผ่านการรับรอง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยจากการรักษาพยาบาลแก่ ผู้ป่วยอย่างสูงสุด
#3
ไม้พุ่ม / มะนาวไม่รู้โห่ รหัส 7-34190-001- 392
22 มิถุนายน 2013, 13:25:12 หลังเที่ยง
มะนาวไม่รู้โห่ รหัส 7-34190-001- 392
ชื่อวิทยาศาสตร์ Carisa Carandas Linn
วงศ์   APOCYNACEAE
ชื่อท้องถิ่น มะนาวไม่รู้โห่หรือ หนามแดง
ชื่อสามัญ Karanda, Carunda, Christ's Thorn
ชื่ออื่นๆ มะนาวไม่รู้โห่ (ภาคกลาง) มะนาวโห่ (ภาคใต้) หนามขี้แฮด (เชียงใหม่) หนามแดง (กรุงเทพฯ)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

หนามแดงเป็นไม้พุ่มสูง 2-3 เมตร ทรงพุ่มกลม แตกกิ่งจำนวนมาก ลำต้นและกิ่งมีหนามแหลมยาว 2-4 ซม. ทุกส่วนมียางสีขาว ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามใบรูปไข่กลับ โคนใบและปลายใบมนกลม กว้าง 3-4 ซม. ยาว 5-7 ซม. ดอกออกเป็นช่อสีขาวอมชมพู ออกเป็นช่อสั้น ๆที่ปลายกิ่ง ดอกย่อยมีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ โคนกลีบดอกเชื่อมกันเป็นหลอดยาว 1.5-2 ซม. สีชมพู ปลายดอกแยกเป็น 5 กลีบ บิดเวียนเล็กน้อย เมื่อดอกบานมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 2-3 ซม. มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ตลอดวัน ออกดอกตลอดปี แต่มีดอกดกในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ - เมษายน
ตำรายาไทยใช้ แก่น บำรุงไขมัน เหมาะสำหรับคนผอม บำรุงธาตุ ใบสด ต้มน้ำดื่ม แก้ท้องร่วง แก้ปวดหู แก้ไข้ แก้เจ็บปากและคอ ผลสุกและดิบ รักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน แก้ท้องเสีย รากสด ต้มน้ำดื่ม ขับพยาธิ บำรุงธาตุ เจริญอาหาร ตำให้ละเอียดผสมกับเหล้า ทาหรือพอกรักษาบาดแผลและแก้คัน รากมีสารกลุ่ม cardiac glycoside ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นหัวใจให้ทำงานมากขึ้น จึงควรระวังเมื่อก

#4
ไม้ต้น / จันทร์กระพ้อ รหัส 7-34190-001- 391
22 มิถุนายน 2013, 13:22:41 หลังเที่ยง
จันทร์กระพ้อ รหัส 7-34190-001- 391  จันทร์กระพ้อ
ชื่อพื้นเมืองจันทร์กระพ้อ
ชื่อวิทยาศาสตร์     Vatica diospyroides Syming
ชื่อวงศ์        DIPEROCARRACEAE

(ลักษณะวิสัย   ไม้ต้นขนาดเล็ก
ลักษณะพิเศษช่อดอกสีขาว หรือสีเหลืองอ่อนยาว 10-30 เซนติเมต

ประโยชน์ เป็นไม้ประดับ
จันทร์กะพ้อ(Vatica diospyroides Syming.)
          จันทน์กะพ้อเป็นพันธุ์ไม้ในวงศ์ Dipterocarpaceae พวกเดียวกับยางนาและพะยอม ทางภาคใต้เรียก จันทน์พ้อ และที่จังหวัดพังงาเรียก เขี้ยวงูเขา จันทน์กะพ้อเป็นไม้ต้นขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง โตช้า ชอบขึ้นในที่ดินร่วนชื้นและร่มปะปนกันไม้ต้นชนิดอื่นในป่าดิบชื้น ต้นค่อนข้างตรง เปลือกเกลี้ยง เรือนยอดเป็นพุ่มรีหรือกว้างใบเป็นใบเดี่ยว รูปรีค่อนข้างยาว ขนาดยาว ๗-๙ซม. กว้าง ๒-๓ ซม. สีเขียวเข้ม เรียงตัวแบบเวียนไปตามกิ่งห่างๆ กัน ดอกออกตามกิ่งเป็นช่อเล็กๆ ทยอยบานครั้งละ ๑-๒ ดอก แต่มักจะมีช่อหลายช่อเป็นกระจุกและเรียงเป็นระยะๆ ตามกิ่งดอกขนาด ๑.๒-๑.๕ ซม. กลีบเลี้ยงมีขนสีน้ำตาลกลีบดอกเรียงเวียนซ้อนเกยกันเล็กน้อย ด้านในสีขาวนวลหรืออมชมพู ด้านนอกมีแถบแคบๆ มีขนละเอียดสีน้ำตาลอมแดง กลิ่นหอมแรง ออกดอกในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน ปัจจุบันพบเห็นได้ค่อนข้างน้อย ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ดปลูกเลี้ยงค่อนข้างยาก ถ้าแดดจัดหรือลมแรงใบจะไหม้ ปัจจุบันพบน้อยลงมาก
จันทน์กระพ้อ
Vatica diospyroides Syming DIPTEROCARPACEAE

ชื่ออื่น : เขี้ยวงูเขา จันทน์พ้อ รูปลักษณะไม้ยืนต้น สูง 6-15 เมตร ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปใบหอก หรือรูปใบหอกแกมขอบขนาน กว้าง 4-7 ซม. ยาว 15-20 ซม. ดอกช่อแยกแขนง ออกที่ซอกใบ กิ่งก้านและปลายกิ่ง ดอกย่อยจำนวนมาก กลีบดอกสีขาวนวล หรือสีเหลืองอ่อน มีกลิ่นหอมจัด ผลแห้ง รูปเกือบกลม สีน้ำตาล เปลือกแข็ง มีขนนุ่มละเอียด สีน้ำตาลสรรพคุณและส่วนที่นำมาใช้เป็นยาดอก - เข้ายาหอมแก้ลม บำรุงหัวใจ

#5
ไม้เลื้อย / มะกล่ำตาหนู รหัส 7-34190-001- 255
22 มิถุนายน 2013, 13:17:36 หลังเที่ยง
มะกล่ำตาหนู  รหัส 7-34190-001- 255
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Abrus precatorius Linn.
ชื่อวงศ์: PAPILIONACEAE
ชื่อสามัญ :   Jequirity bean, rosary bean, Buddhist rosary bean , Indian bead, Seminole bead, prayer bead,  crab 's eye, weather plant, lucky bean
ชื่ออื่นๆ:   กล่ำเครือ กล่ำตาไก่ มะกล่ำเครือ มะแค็ก ไม้ไฟ มะกล่ำแดง เกมกรอม ชะเอมเทศ ตากล่ำ มะขามเถา ลักษณะ

ชื่ออื่นๆ : กล่ำเครือ กล่ำตาไก่ มะกล่ำเครือ มะแค็ก ไม้ไฟ มะกล่ำแดง เกมกรอม ชะเอมเทศ ตากล่ำ มะขามเถา (2) Rosary Pea, Crab's eye, Precatory bean, Jequirity bean, American pea, Wild licorice
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นไม้เลื้อย กิ่งย่อยมีใบเล็กๆ หลายใบเรียงกันเป็นรูปคล้ายขนนก ดอกเหมือนดอกถั่ว สีม่วงแดงหรือขาว ผลเป็นฝักแบนยาวขนาด 1-11/2 นิ้ว ฝักอ่อนมีสีเขียว จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเมื่อแก่ ภายในฝักมีเมล็ด 4-8 เมล็ด มักพบในเขตอากาศร้อน (1)
เป็นพืชตระกูลถั่ว มีใบออกเป็นคู่รูปขนนก มีใบย่อย 8- 15 คู่ ขอบใบเรียบ ออกดอกเป็นช่อที่ซอกใบ กลีบดอกมีหลายสี เช่น ม่วง แดง ชมพู หรือขาว ผลเป็นฝักคล้ายถั่วลันเตา ภายในฝักจะมี 3-5 เมล็ด เมล็ดกลมรียาวขนาด 6-8 มิลลิเมตร เมล็ดมีเปลือกแข็ง สีแดงสดเป็นมัน มีสีดำตรงขั้วประมาณ 1 ใน 3 ของเมล็ด
ประโยชน์   :   ใบ ต้มดื่มแก้เจ็บคอ แก้หลอดลมอักเสบ แก้ตับอักเสบ กระตุ้นน้ำลาย ขับปัสสาวะ แก้ปวดบวมตามข้อ ปวดตามแนวเส้นประสาท ตำพอกแก้ปวดบวม แก้อักเสบ แก้จุดด่างดำบนใบหน้า เถา และราก ต้มดื่มแก้เจ็บคอ แก้หืด แก้ไอแห้ง แก้หลอดลมอักเสบ กัดเสมหะ แก้ร้อนใน แก้อาเจียน แก้ดีซ่าน ขับปัสสาวะ ขับเสมหะ
เมล็ด เป็นพิษ ใช้ได้เฉพาะภายนอกบดผสมน้ำมันพืช ทาแก้กลากเกลื้อน ฆ่าพยาธิผิวหนังแผลมีหนอง บวมอักเสบ ใช้ทำยาฆ่าแมลง มีฤทธิ์แรง ถ้าเคี้ยวกิน 1-2 เมล็ด ก็อาจถึงตายได้ สามารถออกฤทธิ์ได้นาน 2 วัน สาระสำคัญ เมล็ดและราก มีสาร toxalbumin ชื่อ abrin สลายตัวเมื่อถูกความรร้อน มีพิษระคายเคืองต่อเยื่อเมือกต่างๆ กด Vasomortor center ร่วมกับการขยายตัวของหลอดเลือด ทำให้เกิดอาการอักเสบต่อทางเดินอาหารอย่างเฉียบพลัน เส้นเลือดฝอยถูกทำลาย ทำให้เลือดออกที่ม่านตา ทำให้ตับอักเสบ เกิดแผลที่ไต  เปลือกเมล็ดแก่ไม่ถูกย่อย บางครั้งถ้ากินเข้าไปโดยไม่เคี้ยว ไม่เกิดอันตราย แต่ถ้าเปลือกแตกออก 1-2 เมล็ดก็ทำให้เกิดอันตรายได้
ส่วนที่เป็นพิษ   :  เมล็ด
สารพิษ   :   เมล็ดมะกล่ำตาหนู ภายในเมล็ดมีส่วนประกอบของ N-methyltryptophan, abric acid, glycyrrhizin, lipolytic enzyme และ abrin ซึ่งสูตรโครงสร้างของ abrin คล้าย ricin เป็นส่วนที่มีพิษสูงมาก หากเคี้ยว หรือกินเข้าไป เนื่องจากสารพิษจะไปทำลายเม็ดเลือดแดง ระบบทางเดินอาหาร และไต อย่างไรก็ดีสาร abrin นี้เมื่อถูกความร้อนจะสลายตัวง่าย แต่คงทนอยู่ในทางเดินอาหาร ขนาดเพียง 0.01 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม หรือกินเพียง 1 เมล็ด ก็ทำให้เสียชีวิตได้ หากสารพิษถูกผิวหนังอาจทำให้เกิดผื่นคัน หากถูกตาจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองและอาจถึงกับตาบอดได้
การเกิดพิษ :  ระยะแรกจะมีอาการของระบบทางเดินอาหาร ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากรับประทาน ได้แก่อาเจียน ท้องเสีย ปวดท้อง ในรายที่มีอาการรุนแรงอาจมีอาเจียนเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระมีมูกเลือด และช็อกจากการเสียเลือด (hypovolemia) ได้ ระยะต่อมา ประมาณ 2-3 วัน ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการทางระบบอื่น เช่น ซึม กล้ามเนื้ออ่อนเพลีย หัวใจสั่น มือสั่น ผิวหนังแดง ชัก retinal haemorrhage ตับวาย ไตวาย เป็นต้น
การรักษา
      การช่วยเหลือเบื้องต้น ในกรณีพึ่งรับประทานเมล็ดไปนานไม่ถึง 30 นาที ให้ทำให้ผู้ป่วยอาเจียนเพื่อเอาเมล็ดหรือชิ้นส่วนของพืชออกมา โดยรับประทานยาน้ำเชื่อม ipecac แต่คนไข้จะต้องไม่อยู่ในสภาวะที่ห้ามทำให้อาเจียน หรือมีอาการบวมของคอหอย จากนั้นให้เก็บเมล็ดหรือพืชส่วนอื่นๆ ที่ผู้ป่วยรับประทานเข้าไปหรือหากเป็นไปได้ให้เอาของเหลวที่ผู้ป่วยพึ่งอาเจียนออกมาใส่ขวดโหลสะอาดเอาไปตรวจสอบว่าผู้ป่วยได้รับประทานพืชพิษชนิดใด (identification)

#6
ไม้ล้มลุก / พริกขี้หนู รหัส 7-34190-001-254
22 มิถุนายน 2013, 13:10:59 หลังเที่ยง
7-34190-001-254   พริกขี้หนู
ชื่อสามัญ / ชื่ออังกฤษ    Capsicms, Chillies, Green Pepper, Pepper Paprika, Tabasco Pepper, Cayenne Pepper
ชื่อวิทยาศาสตร์    พริกขี้หนู - Capsicum Frutescens Linn., พริกชี้ฟ้า - Capsicum annnuum Linn. Var acuminatum Fingerh.,พริกหยวก - Capsicum annnuum Linn.,พริกยักษ์ - Capsicum annnuum var. grossum Bail.
ชื่อวงศ์      SOLANACEAE
ชื่ออื่น / ชื่อท้องถิ่น    พริกขี้หนู - พริกนก พริกแต้ พริกแด้ (เหนือ) พริกขี้นก ดีปลีขี้นก (ใต้) ดีปลี (ปัตตานี) ปะแกว (นครราชสีมา) หมักเพ็ด พริกแกว (อีสาน) พริกชี้ฟ้า - พริกเดือยไก่ (เหนือ) พริกมัน (กรุงเทพ) พริกยักษ์ - พริกหวาน พริกฝรั่ง
ลักษณะ  ไม้ล้มลุก สูง 0.3-1.2 เมตร กิ่งอ่อนเป็นสี่เหลี่ยม ใบเดี่ยว ออกสลับ รูปไข่ กว้าง 2-5 ซม. ยาว 3-10 ซม.ปลายแหลม โคนสอบ ดอกสีขาว ออกเดียว หรือ 2-4 ดอก ตามซอกใบและปลายกิ่งก้านดอกยาว 1.5-2 ซม. กลีบเลี้ยงเชื่อมกันปลายตัดหรือเป็น 5 หยัก และคงอยู่จนดอกกลายเป็นผล กลีบดอกโคนเชื่อมกัน ปลายแยกเป็น 5 แฉก เมื่อบานเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 ซม. เกสรตัวผู้ 5 อันผล รูปกลมยางปลายเรียว ยาว 1-5 เซนติเมตร ผิวมันเมื่อสุกสีส้มหรือแดง เม็ดแบน สีเหลืองอ่อน จำนวนมาก
สรรพคุณ
       พริกช่วยกระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหารทำให้ระบบการย่อยอาหารดีขึ้น ช่วยเจริญอาหาร บำรุงธาตุ ขับเหงื่อ ขับลม ขับเสมหะ แก้อาเจียน แก้หิด กลาก เกลื้อน พริกสามารถลดความดันโลหิตได้เพราะทำให้หลอดเลือดอ่อนตัว และช่วยให้ระบบการไหลเวียนของเลือดเป็นไปได้ด้วยดี การรับประทานพริกเป็นประจำช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งและป้องกันการเป็นโรคหัวใจและโรคหลอดลมอักเสบได้ พริกยังใช้เป็นส่วนผสมในขี้ผึ้งทาถูนวดเพื่อแก้อาหารปวดเมื่อยบวมและลดอาการอักเสบเพราะบริเวณผิวที่ทายาจะมีเลือดมาเลี้ยงมากขึ้น สามารถแก้อาการเป็นตะคริวได้ เพราะพริกจะช่วยกระตุ้นบริเวณที่เป็นทำให้รู้สึกร้อนขึ้น นอกจากนี้พริกยังใช้เป็นส่วนผสมในยาธาตุ ยาแก้ปวดท้อง เพราะสารสกัด Capsaicin จากพริกจะช่วยกระตุ้นการหลั่งเอนไซม์บางชนิดซึ่งทำให้กระเพาะอาหารบีบตัวและคลายตัว
1. รักษาอาการบวม ฟกช้ำ ให้ใช้พริกขี้หนูที่แก่จัดเป็นสีแดง แล้วตากแห้ง นำมาบดเป็นผงให้ละเอียด แล้วเทลงในวาสลินที่เคี่ยวจนเหลว กวนให้เข้ากัน แล้วนำไปเคี่ยวอีกจนได้กลิ่นพริก ใช้สำหรับทาถู รักษาอาการเคล็ด ถูกชน ฟกช้ำดำเขียว และอาการปวดตามข้อ ให้ทาตรงบริเวณที่เป็นวันละครั้ง หรือสองวันต่อครั้ง
2. รักษาอาการปวดตามเอวและน่อง ให้ใช้ผงพริกขี้หนูและวาสลิน หรือผลพริก วาสลิน และแป้งหมี เติมเหล้าเหลืองจำนวนพอประมาณ แล้วคนให้เป็นครีม ก่อนที่จะใช้ ให้ทาลงบนกระดาษแก้วปิดบริเวณที่ปวด ใช้พลาสเตอร์ปิดโดยรอบ จะมีอาการทำให้เหงื่อออก การเคลื่อนไหวคล่องแคล่วขึ้น และรู้สึกหายปวด จากการตรวจสอบพบว่า ตามบริเวณที่พอกยาจะมีความรู้สึกร้อน และการไหลเวียนของโลหิต เพิ่มขึ้น
   

#7
ไม้ล้มลุก / กล้วยนวล รหัส 7-34190-001-253
22 มิถุนายน 2013, 13:07:36 หลังเที่ยง
กล้วยนวล รหัส 7-34190-001-253
ชื่อวิทยาศาสตร์  Musa glauca   Roxb.
ชื่อวงศ์  MUSACEAE
สามัญ       Ensets
ชื่ออื่น ๆ อะแพละ กล้วยศาสนา กล้วยโทน กล้วยหัวโต กล้วยญวน
ลักษณะวิสัย
ต้น ลำต้นสูง 5 - 6 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 30 เซนติเมตร โคนลำต้นใหญ่ กาบลำต้นด้านนอกมีสีเขียวอ่อน มีประดำบ้างเล็กน้อย ด้านในมีสีเขียวอ่อน มีนวลหนา
ใบ ก้านใบมีร่องใบเปิด เส้นกลางใบสีเขียว
ดอก ก้านช่อดอกไม่มีขน ช่อดอกใหญ่ โน้มลงตามแรงดึงดูดของโลกใบประดับเป็นกาบบาง มีสีเขียว เมื่อบานจะไม่หลุดออกจากขั้ว
ผล ผลมีลักษณะอ้วนอ้อมสีเขียวนวล จำนวนผลต่อเครือมาก ผลมีเมล็ดมาก เมล็ดสีดำใหญ่ ผลมีรสหวาน เนื้อมีน้อย เวลาจะกินต้องสอยมากินทีละลูก เพราะต้องรอให้สุกคาต้นแล้วค่อยกิน
การใช้ประโยชน์ ใช้รับประทานสด ผลดิบใช้เป็นเครื่องเคียง หรือปลูกประดับ
#8
ไม้ต้น / มะขามเทศ รหัส 7-34190-001- 252
22 มิถุนายน 2013, 13:02:09 หลังเที่ยง
มะขามเทศ  รหัส  7-34190-001- 252
ชื่อวิทยาศาสตร์: Pithecellobium dulce (Roxb.) Benth.
ชื่ออื่น: -
ชื่อวงศ์: LEGUMINOSAE-MIMOSOIDEAE
ลักษณะวิสัย: ไม้ต้น สูง 15 ม. เปลือกเรียบและมีหนาม ในตำแหน่งรอยก้านใบ (leaf scar) ลำต้นสีเทาแกมขาวหรือเทาดำ
ใบ ใบเรียงสลับ ใบประกอบแบบขนนก 2 ชั้น ใบย่อยรูปไข่กลับหรือรูปรี กว้าง 0.5-2.5 ซม. ยาว 1.5-4.5 ซม. โคนใบเบี้ยว ปลายใบมน ขอบใบเรียบ ขอบใบ 2 ข้างโค้งไม่เท่ากัน ผิวใบเรียบถึงมีขนเล็กน้อย ก้านใบอ่อนมีขนปกคลุม โคนก้านใบมีหูใบคล้ายหนาม
  ดอก ดอกช่อเกิดที่ปลายกิ่ง ดอกย่อยมีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ กลีบดอก 5 กลีบ สีเขียวแกมขาว ติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 5 แฉก ปลายกลีบมน เกสรเพศผู้จำนวนมาก ก้านชูอับเรณูเชื่อม ติดกันเป็นหลอด เกสรเพศเมีย 1 อัน
   ผล ฝักค่อนข้างแบนถึงทรงกระบอกมีรอยคอดตามแนวสัน และเปลือกนูนตามจำนวนเมล็ด ผลขดเป็นวงหรือเป็นเกลียวกว้าง 1-2 ซม. ยาว 5-15 ซม. เนื้อผลเมื่อแก่จัดสีชมพูหรือสีแดง
#9
ไม้ต้น / สำรอง รหัส 7-34190-001-251
22 มิถุนายน 2013, 12:59:23 หลังเที่ยง
สำรอง รหัส 7-34190-001-251
ชื่อวิทยาศาสตร์ Scaphium scaphigerum (G.Don) Guib. & Planch.
ชื่อวงศ์ STERCULIACEAE

พุงทะลายเป็นไม้ต้น สูงประมาณ 45 เมตร  ใบ  เรียงเวียนรอบกิ่ง  ใบเดี่ยว  รูปไข่แกมขอบขนานหรือรูปไข่แกมใบหอก  ดอกช่อ ออกที่ปลายกิ่ง แยกเพศ  สีแดงอมม่วง   ผล ทรงกลม มีปีก 1 ปีก รูปใบเรือ  เนื้อผลจะพองเมื่อแช่น้ำ  เมล็ด รูปรี สีน้ำตาล  การขยายพันธุ์  เพาะเมล็ด และ เสียบยอด
ประโยชน์  ผล แช่น้ำให้พองตัว แก้ไอ ขับเสมหะ สมานลำไส้  แก้ร้อนใน กระหายน้ำ  วางบนตา รักษาอาการตาอักเสบ   
สรรพคุณพื้นบ้าน ผล (เนื้อหุ้มเมล็ด) แก้ร้อนในกระหายน้ำ เมล็ด แก้ร้อนใน กระหายน้ำ แก้โรคตาแดงอักเสบ ไม่ระบุส่วนใช้ แก้ร้อนใน ทำให้ใจคอชุ่มชื้น แก้กระหายน้ำ ส่วนสารออกฤทธิ์ ไม่มีข้อมูล ตามสรรพคุณพื้นบ้าน ส่วนผล (เนื้อหุ้มเมล็ด) ใช้แก้ร้อนใน ทำให้ใจคอชุ่มชื้น แก้กระหายน้ำ อาจจะช่วยเรื่องจับไขมัน ทำให้ลดการดูดซึมของไขมัน