• Welcome to งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน โรงเรียนวารินชำราบ สพม. เขต 29.
 

ข่าว:

พืชพรรณต่างๆ มีภาพประกอบ และจัดเป็นหมวดหมู่ตามลักษณะวิสัย ค้นหาได้ง่าย

Main Menu
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - นัทมน จันพวง

#1
ไม้เลื้อย / เรด้า /หมวกเจ็ก รหัส7-34190-001-047
22 มิถุนายน 2013, 11:03:28 ก่อนเที่ยง
ชื่อวิทยาศาสร์   Holmskioldia Sanguinea. Retz.
ตระกูล              LAMIACEAE
ชื่อสามัญ          Chinese Hat Plant, Cup and Saucer
                         Plant. Parasol Flower
ลักษณะทั่วไป
หมวกจีนเป็นพันธุ์ไม้ที่ออกดอกในช่วงเดือนกันยายน - ธันวาคม ของทุกปี
ต้น         หมวกจีนเป็นไม้กึ่งต้นกึ่งเลื้อย หรือไม้รอเลื้อยแบบเดียวกับต้นเฟื่องฟ้า ลำต้นและกิ่งก้านเป็นลำสี่เหลี่ยม มีความสูงประมาณ 30 ฟุต
ใบ         หมวกจีนเป็นไม้เดี่ยว ออกใบเป็นคู่ตรงข้ามกันตามข้อต้น ลักษณะใบเป็นทรงรีรูปใบพลูโคนใบมน ปลายใบเป็นติ่งแหลมยาว ริมใบเป็นจักเล็กน้อย ใบจะมีความยาวประมาณ 4 นิ้ว มีก้านใบสั้นประมาณ 2 เซนติเมตร
ดอก       เมื่อยามหมวกจีนออกดอกจะมีสีสันราวกันต้นไม้แฟนซี ดอกจะสะพรั่งไปทั้งต้น ดอกจะมีสีเหลือง สีส้ม สีแดง ไล่จากสีอ่อนไปหาสีแก่ลักษณะของดอกที่มองเห็นโดยรวม จะเห็นเป็น แผ่นกลมทรงหมวกจีน ซึ่งเป็นใบประดับของหมวกจีนนั่นเอง และหากจับดูก็จะรู้สึกคล้ายกับ ว่าเป็นวัสดุที่ทำด้วยหนังหรือแผ่นยางอ่อน ๆ อะไรทำนองนั้น และยังสามารถทนแดดทนลม และทนต่อการกระทบกระทั่งได้เป็นอย่างดี หมวกจีนจะออกดอกเป็นช่อตามข้อต้นโคนก้านใบและปลายกิ่งส่วนดอกแท้ของดอกจีนนั้น จะอยู่ส่วนกลางของใบประดับ มีลักษณะรูปร่างคล้ายแตรฮอร์นยื่นออกมาจากข้างใน และมีเกสรสีเหลืองยาวพ้นปากแตรออกมาอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งมีขนาดความยาวโดยประมาณ 1 เซนติเมตรเศษ เมื่อแก่ดอกก็หลุดออกจากใบประดับ พร้อมกับเกิดตุ่มเป็นเมล็ดกลม ๆ ติตอยู่กลางหมวกจีนแทนดอก







                               

#2
ไม้ล้มลุก / มะเขือเทศ รหัส7-34190-001-050
22 มิถุนายน 2013, 10:30:56 ก่อนเที่ยง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Lycopersicon esculuentum Mill.
ชื่อวงศ์ : SOLANACEAE       
ชื่อสามัญ : Tomato
ชื่ออื่น : มะเขือ (ทั่วไป) มะเขือส้ม (ภาคเหนือ) ตรอบ (สุรินทร์) น้ำเนอ (เชียงใหม่)
มะเขือเทศเป็นพืชล้มลุกอายุ 1 ปี เติบโตเร็ว ลำต้นมีขนปกคลุม มีกลิ่นเฉพาะตัว ใบหยักเว้าลึก
ดอกสีเหลืองรูปดาว ผลฉ่ำน้ำ ผลอาจมีรูปร่างกลมหรือรี สีเหลือง ส้ม หรือแดง     ใบเป็นใบประกอบที่มีก้านใบ และแกนกลางใบ ดอกเป็น ช่อซึ่งมีดอกตั้งแต่ 3-11 ดอก กลีบสีเหลืองมี 5-6 กลีบ และเกสรตัวผู้ห่อหุ้มเกสรตัวเมีย ดังนั้นมันจึงเป็นพืชที่สามารถผสมพันธุ์ได้ใน ตัวของ มันเองโดยไม่ต้องอาศัยแมลง แต่ก็มีมะเขือเทศบางพันธุ์ที่เกสรตัวเมียยื่นออกมาเหนือเกสรตัวผู้ มะเขือเทศที่มีอวัยวะสืบพันธุ์ ลักษณะนี้จึง ต้องการแมลงมาช่วยในการผสมพันธุ์ข้ามต้น 
ประโยชย์
  ในผลมะเขือเทศมีสารจำพวก แคโรทีนอยด์ ชื่อไลโคพีน (Lycopene) ซึ่งเป็นสารสีแดง และวิตามินหลายชนิด เช่น วิตามิน บี 1 บี 2 วิตามิน เค โดยเฉพาะวิตามิน เอ และวิตามิน ซี มีในปริมาณสูง มีกลดมาลิค กรดซิตริก ซึ่งให้รสเปรี้ยว และมีกลูตามิค (Glutamic) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนช่วยเพิ่มรสชาติให้อาหาร นอกจากนี้ยังประกอบด้วยสารเบต้า - แคโรทีน และแร่ธาตุหลายชนิด เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก เป็นต้น
1. ผลมีรสเปรี้ยว ช่วยดับกระหาย ทำให้เจริญอาหาร บำรุงและกระต้นกระเพาะอาหาร ลำไส้ ไต ให้ทำงานได้ดีด้วยช่วยขับพิษและสิ่งคั่งค้างในร่างกายเป็นยาระบายอ่อน ๆ และเหมาะที่จะเป็นอาหารสำหรับคนเป็นโรคนิ่ว วัณโรค ไทฟอยด์ หูอักเสบ และเหยื่อตาอักเสบ โดยรับประทานผลสด ผู้ที่รับประทานมะเขือเทศเป็นประจำ จะช่วยลดอัตราการเกิดโรคมะเร็งในลำไส้ และมะเร็งต่อมลูกหมาก
         2. ช่วยเป็นยารักษาโรคผิวหนังที่โดนแดดเผาโดยใช้ใบตำให้ละเอียดทาบริเวณที่เป็น
         3. ช่วยแก้อาการปวดฟัน โดยนำราก ลำต้น และใบแก่ต้มกับน้ำรับประทาน
         4. ช่วยรักษาสิว สมานผิวหน้าให้เต่งตึง โดยใช้น้ำมะเขือเทศพอกหน้า หรืออาจจะมะเขือเทศสุกฝานบาง ๆ แปะบนใบหน้า จะช่วยให้ผิวหน้าอ่อนนุ่ม  มะเขือเทศช่วยแต่งรสอาหารให้มีรสเปรี้ยว และนำมาประกอบอาหารต่าง ๆ มากมาย เช่น สลัด ยำต่าง ๆ รสเปรี้ยวหวาน ข้าวผัด ส้มตำ ซุป ต้มยำ ซอสมะเขือเทศ ทำเป็นเครื่องดื่ม คือ น้ำมะเขือเทศ หรืออาจจะรับประทานสด นอกจากนี้ยังใช้แต่งอาหารให้มีสีแดง เช่น ซอสมะเขือเทศ

#3
ไม้ต้น / สนปฏิพัทธ์ รหัส 7-34190-001-049
22 มิถุนายน 2013, 10:28:08 ก่อนเที่ยง
สนปฏิพัทธ์ รหัส 7-34190-001-049   
ชื่อวิทยาศาสตร์  Casuarina junghuhniana  Mig
วงศ์ Casuarinaceae
ลักษณะทั่วไป
สนประดิพัทธ์ มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่เกาะชวาประเทศอินโดนีเซีย เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางมีความสูงประมาณ 10-20 เมตร ไม่ผลัดใบ ลำต้นเปลาตรง เรือนยอดรูปกรวยแหลม กิ่งขนาดเล้กทำมุมแหลมกับลำต้น และแตกกิ่งเป็นระเบียบ กิ่งย่อยสีเขียวเรียงกันเล็กมากคล้ายรูปเข็มหรือเส้นลวดต่อกันเป็นปล้อง ๆ แต่ละกิ่งยาว 10-20 เซนติเมตร เปลือกของลำต้นสีน้ำตาลปนเทา แตกเป็นร่องตื้น ๆ ลอกเป็นแผ่นเล็ก ๆ ห้อยตามลำต้น ชอบขึ้นในดินทรายใกล้ทะเลจนถึงภูเขาสูงถึง 3,100 เมตรจากระดับน้ำทะเล สามารถเจริญเติบโตได้ในดินทรายจนถึงดินเหนียวซึ่งมีความเป็นกรด เป็นด่าง pH 2-8
ใบ   ใบเดี่ยวรอบกิ่งเป็นข้อๆ เป็นเกล็ดรูปสามเหลี่ยมขนาดเล็ก คล้ายหนามแหลม
ดอกมีดอกเพศผู้และเพศเมียอยู่ต่างต้นกัน
ผลช่อผลรูปรีหรือรูปกรวย
เมล็ดเมล็ดจำนวนมาก มีปีก
การขยายพันธุ์ขยายพันธุ์โดยการปักชำและตอนกิ่ง
ประโยชน์   สนประดิพัทธ์จะมีเนื้อไม้สีขาวแกมเหลือง มีเสี้ยนตรงขนานกับแกน มีความแข็งแรงพอสมควร แต่เลื่อยไสกบตบแต่งง่าย มีความทนทานตามธรรมชาติ 3-6 ปี สามารถอาบน้ำยาเข้าไปในเนื้อไม้ได้ง่าย ทำให้เพิ่มความทนทานขึ้นได้อีก การนำมาใช้ประโยชน์ใช้ได้หลายอย่าง เช่น เสาโป๊ะ เสากระโดงเรือ ไม้ค้ำยันในการก่อสร้าง ทำฟืนและถ่าน ซึ่งจะให้ความร้อนสูงพอ ๆ กับไม้โกงกาง และไม่แตกประทุเช่นเดียวกัน ถ้าเป็นไม้ขนาดใหญ่ทำเป็นไม้กระดานและไม้ฝาได้ นอกจากนี้ยังเลื่อยแปรรูปเป็นไม้แปรรูปขนาดเล็ก ทำเฟอร์นิเจอร์ ปาร์เก้ นอกจากการใช้ประโยชน์ในเรื่องเนื้อไม้แล้ว ประโยชน์ด้านอื่น ๆ โดยเฉพาะเป็นไม้ฟืน นอกจากนี้ยังนิยมปลูกเป็นไม้ประดับทั่วไป ปลูกเป็นแนวกันลมหรือปลูกเป็นแถวเป็นแนวตามถนน บางทีอาจจะตัดแต่งให้เป็นรูปต่าง ๆ เพื่อให้เข้ากับสถานที่นั้น ๆ


   
#4
ไม้ต้น / หูกวาง รหัส 7-34190-001-048
22 มิถุนายน 2013, 10:24:27 ก่อนเที่ยง
หูกวาง รหัส 7-34190-001-048  
ชื่อทั่วไป - หูกวาง
ชื่อสามัญ - Bengal Almond, Indian Almond, Sea Almond
ชื่อวิทยาศาสตร์ - Terminalia catappa L.
วงศ์ - COMBRETACEAE
ชื่ออื่นๆ - โคน ดัดมือ ตัดมือ , ตาปัง , ตาแปห์ , หูกวาง , หลุมปัง
ถิ่นกำเนิด - ป่าชายหาด ตามโขดหินริมทะเล
ประเภท - ไม้ยืนต้น
รูปร่างลักษณะ - ไม้ต้น ผลัดใบ สูง 8-20 เมตร เปลือกเรียบ แตกกิ่งตามแนวนอนเป็นชั้นๆ
- ใบ เดี่ยว เรียงเวียนสลับถี่ตอนปลายกิ่ง แผ่นใบรูปไข่กลับ กว้าง 8-15เซนติเมตร ยาว 12-25 เซนติเมตร
- ดอก เล็ก สีขาวนวล ออกเป็นช่อตามง่ามใบ ออกดอกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน
- ผล รูปไข่หรือรูปรีแบนเล็กน้อย กว้าง 2-5 เซนติเมตร ยาว 3-7เซนติเมตร
การขยายพันธ์ - ขยายพันธุ์ โดยการเพาะเมล็ด
สภาพที่เหมาะสม - ดินร่วนปนทราย ระบายน้ำได้ดี ขึ้นตามหาดทราย และขึ้นได้ทั่วไป
ประโยชน์ - เปลือกและผล มีรสฝาดมาก ใช้แก้ท้องเสีย ฟอกหนังสัตว์ ทำหมึก เมล็ดในผล รับประทานได้ ให้น้ำมันคล้ายอัลมอนด์

#5
ไม้รอเลื้อย / เรด้า /หมวกเจ็ก รหัส7-34190-001-047
22 มิถุนายน 2013, 10:21:50 ก่อนเที่ยง
ชื่อวิทยาศาสร์   Holmskioldia Sanguinea. Retz.
ตระกูล              LAMIACEAE
ชื่อสามัญ          Chinese Hat Plant, Cup and Saucer
                         Plant. Parasol Flower
ลักษณะทั่วไป
หมวกจีนเป็นพันธุ์ไม้ที่ออกดอกในช่วงเดือนกันยายน - ธันวาคม ของทุกปี
ต้น         หมวกจีนเป็นไม้รอเลื้อยแบบเดียวกับต้นเฟื่องฟ้า ลำต้นและกิ่งก้านเป็นลำสี่เหลี่ยม มีความสูงประมาณ 30 ฟุต
ใบ         หมวกจีนเป็นไม้เดี่ยว ออกใบเป็นคู่ตรงข้ามกันตามข้อต้น ลักษณะใบเป็นทรงรีรูปใบพลูโคนใบมน ปลายใบเป็นติ่งแหลมยาว ริมใบเป็นจักเล็กน้อย ใบจะมีความยาวประมาณ 4 นิ้ว มีก้านใบสั้นประมาณ 2 เซนติเมตร
ดอก       เมื่อยามหมวกจีนออกดอกจะมีสีสันราวกันต้นไม้แฟนซี ดอกจะสะพรั่งไปทั้งต้น ดอกจะมีสีเหลือง สีส้ม สีแดง ไล่จากสีอ่อนไปหาสีแก่ลักษณะของดอกที่มองเห็นโดยรวม จะเห็นเป็น แผ่นกลมทรงหมวกจีน ซึ่งเป็นใบประดับของหมวกจีนนั่นเอง และหากจับดูก็จะรู้สึกคล้ายกับ ว่าเป็นวัสดุที่ทำด้วยหนังหรือแผ่นยางอ่อน ๆ อะไรทำนองนั้น และยังสามารถทนแดดทนลม และทนต่อการกระทบกระทั่งได้เป็นอย่างดี หมวกจีนจะออกดอกเป็นช่อตามข้อต้นโคนก้านใบและปลายกิ่งส่วนดอกแท้ของดอกจีนนั้น จะอยู่ส่วนกลางของใบประดับ มีลักษณะรูปร่างคล้ายแตรฮอร์นยื่นออกมาจากข้างใน และมีเกสรสีเหลืองยาวพ้นปากแตรออกมาอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งมีขนาดความยาวโดยประมาณ 1 เซนติเมตรเศษ เมื่อแก่ดอกก็หลุดออกจากใบประดับ พร้อมกับเกิดตุ่มเป็นเมล็ดกลม ๆ ติตอยู่กลางหมวกจีนแทนดอก

#6
ไม้รอเลื้อย / นมแมว รหัส 7-34190-001-046
22 มิถุนายน 2013, 09:43:18 ก่อนเที่ยง
นมแมว รหัส  7-34190-001-046  
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Melodorum siamense (Scheff.) Bân
วงศ์ : ANNONACEAE
เป็นไม้เถาแต่ไม่ค่อยเลื้อยเหมือนไม้เถาอย่างอื่น กิ่งมักพันกันเองจนทำให้แลเห็นเป็นต้นไม้พุ่มขนาดไม่สูงเท่าใดนัก มีดอกขนาดตั้งแต่ 1-2 ซม. กลีบแข็งมากสีเหลืองนวลๆ มีกลิ่นหอมเวลาเย็นๆ และเวลากลางคืนต้นนมแมวมีใบยาวรีคล้ายใบมะดัน ด้านบนมีสีเขียวเข้ม ด้านล่างสีจางกว่า เนื้อใบแข็ง ออกดอกเดี่ยวๆตรงซอกใบ กลีบดอก 6 กลีบ เรียงเป็นสองชั้น ๆ ละ 3 กลีบ เมื่อบานเต็มที่ขนาดดอกกว้างไม่เกิน 1.5 ซม. มีดอกเกือบตลอดปี  ผลเล็กๆ ออกเป็นพวง  เมื่อสุกสีเหลืองอมส้ม รับประทานได้ พันธุ์ไม้ชนิดนี้เป็นไม้ไทยโดยแท้จริง  มีถิ่นกำเนิดในภาคใต้และภาคกลางของไทย   อยู่ในวงศ์เดียวกับ กระดังงา การเวก และสายหยุด ขยายพันธุ์โดยการตอนกิ่งหรือเพาะเมล็ด ปลูกเลี้ยงได้ไม่ยากนักสรรพคุณและส่วนที่นำมาใช้เป็นยาดอก-มีน้ำมันหอมระเหยมีกลิ่นหอมใช้แต่งกลิ่นเนื้อไม้และราก-ต้มรับประทานแก้ไข้กลับ ไข้ซ้ำ ราก-เป็นยาแก้โรคผอมแห้งของสตรีเนื่องจากคลอดบุตรอยู่ไฟไม่ได้