เอื้องหมายนา รหัส 7-34190-001-104
ชื่อวิทยาศาสตร์ Costus speciosus (Koen.) Sm.
วงศ์ COSTACEAE ZINGIBERACEAE
ชื่ออื่น เอื้องหมายนา (ทั่วไป) ; ชู้ไลบ้อง, ชูเลโบ (กะเหรี่ยง – แม่ฮ่องสอน ; เอื้องช้าง
(นครศรีธรรมราช) ; เอื้องต้น (ยะลา) ; เอื้องเพ็ดม้า
(ภาคกลาง) ; เอื้องใหญ่, บันไดสวรรค์ (ภาคใต้) ;
ชื่อสามัญ crape ginger, malay ginger, spiral flag.
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์และเกษตร พืชล้มลุกมีเหง้าหรือลำต้นใต้ดินมีลักษณะเป็นหัว ลำต้นสีแดง อวบน้ำ เส้นผ่าศูนย์กลางลำต้น 9.1 – 15.1 มิลลิเมตร สูง 135 – 190 เซนติเมตร ใบเดี่ยวเรียงสลับรอบต้น รูปร่างใบกึ่งรูปขอบขนานกึ่งใบรูปหอก (oblong – lanceolate) ปลายใบเรียวแหลม กว้าง 6 – 8 เซนติเมตร ยาว 20.5 – 29.6 เซนติเมตร ออกดอกที่ปลายยอด ช่อดอกสีแดงยาว 7.6 – 11.6 เซนติเมตร มีดอกย่อย 19 – 42 ดอก กลีบดอกสีขาวแกมสีชมพูหรือเหลือง อับเรณูสีเหลือง ออกดอกช่วงเดือน สิงหาคมถึงเดือนพฤศจิกายน
การใช้ประโยชน์ อาหารสัตว์ โค กระบือ สมุนไพร ลำต้นใต้ดินหรือเหง้ามีรสขมเมา ขับปัสสาวะ แก้บวมน้ำ แก้ตกขาว แก้โรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ แก้แผลหนอง อักเสบ บวม ฆ่าพยาธิ เป็นยาถ่าย เหง้าสดมีพิษมาก ใช้ในปริมาณมากจะทำให้ท้องร่วง อาเจียนอย่างรุนแรง ต้องทำให้สุกก่อน ราก รสขมเมา ขับพยาธิ ขับเสมหะ แก้ไอ แก้โรคผิวหนัง (วุฒิ, 2540) เหง้า ตำพอกบริเวณสะดือ รักษาโรคท้องมาน ในเหง้าพบสาร diosgenin มีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเพศหญิง และเป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์ยาสเตียรอยด์ (วงศ์สถิตย์ และคณะ, 2543)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Costus speciosus (Koen.) Sm.
วงศ์ COSTACEAE ZINGIBERACEAE
ชื่ออื่น เอื้องหมายนา (ทั่วไป) ; ชู้ไลบ้อง, ชูเลโบ (กะเหรี่ยง – แม่ฮ่องสอน ; เอื้องช้าง
(นครศรีธรรมราช) ; เอื้องต้น (ยะลา) ; เอื้องเพ็ดม้า
(ภาคกลาง) ; เอื้องใหญ่, บันไดสวรรค์ (ภาคใต้) ;
ชื่อสามัญ crape ginger, malay ginger, spiral flag.
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์และเกษตร พืชล้มลุกมีเหง้าหรือลำต้นใต้ดินมีลักษณะเป็นหัว ลำต้นสีแดง อวบน้ำ เส้นผ่าศูนย์กลางลำต้น 9.1 – 15.1 มิลลิเมตร สูง 135 – 190 เซนติเมตร ใบเดี่ยวเรียงสลับรอบต้น รูปร่างใบกึ่งรูปขอบขนานกึ่งใบรูปหอก (oblong – lanceolate) ปลายใบเรียวแหลม กว้าง 6 – 8 เซนติเมตร ยาว 20.5 – 29.6 เซนติเมตร ออกดอกที่ปลายยอด ช่อดอกสีแดงยาว 7.6 – 11.6 เซนติเมตร มีดอกย่อย 19 – 42 ดอก กลีบดอกสีขาวแกมสีชมพูหรือเหลือง อับเรณูสีเหลือง ออกดอกช่วงเดือน สิงหาคมถึงเดือนพฤศจิกายน
การใช้ประโยชน์ อาหารสัตว์ โค กระบือ สมุนไพร ลำต้นใต้ดินหรือเหง้ามีรสขมเมา ขับปัสสาวะ แก้บวมน้ำ แก้ตกขาว แก้โรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ แก้แผลหนอง อักเสบ บวม ฆ่าพยาธิ เป็นยาถ่าย เหง้าสดมีพิษมาก ใช้ในปริมาณมากจะทำให้ท้องร่วง อาเจียนอย่างรุนแรง ต้องทำให้สุกก่อน ราก รสขมเมา ขับพยาธิ ขับเสมหะ แก้ไอ แก้โรคผิวหนัง (วุฒิ, 2540) เหง้า ตำพอกบริเวณสะดือ รักษาโรคท้องมาน ในเหง้าพบสาร diosgenin มีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเพศหญิง และเป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์ยาสเตียรอยด์ (วงศ์สถิตย์ และคณะ, 2543)