• Welcome to งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน โรงเรียนวารินชำราบ สพม. เขต 29.
 

ข่าว:

ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่เว็บไซต์งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนวารินชำราบ

Main Menu
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - อารียา เนตรโอภาส

#1
คอมพิวเตอร์กราฟิกพรรณไม้ / มะลิพวง มะลุลี
25 มิถุนายน 2013, 14:19:38 หลังเที่ยง
เรื่อง มะลิพวง มะลุลี
ชื่อนางสาวอารียา เนตรโอภาส ชั้ม.5/1 เลขที่19
#2
ไม้เลื้อย / ถ้วยทอง 7-34190-001-415
22 มิถุนายน 2013, 14:13:41 หลังเที่ยง
ชื่อวิทยาศาสร์     Solandra grandiflona Swartz..

ตระกูล                 SOLANACEAE

ชื่อสามัญ               -
ลักษณะทั่วไป
ต้น            เป็นไม้เถาที่มีขนาดใหญ่ เถาหรือลำต้น มีสีเขียวเข้ม และเมื่อเถาแก่ก็จะเป็นสีน้ำตาล เถา
                  เกลี้ยง ไม่มีขน

ใบ              เป็นไม้ใบเดี่ยว จะแตกใบบริเวณปลายกิ่ง ใบถี่ ใบเป็นรูปรีหรือรูปแกมขอบขนาน ปลายใบ
                  แหลมโคนใบสอบเว้าหาก้านใบ ใบมีสีเขียวเข้ม ก้านใบกลมสีเขียว ค่อนข้างยาวและแข็ง

ดอก           เป็นไม้ดอกเดี่ยว ออกดอกตามซอกใบและบริเวณปลายกิ่งลักษณะของดอกเป็นรูปทรงกรวย
                  ที่มีขนาดใหญ่ บริเวณปากกรวยจะคอดและปลายดอกจะแยกออกเป็น 5 กลีบ หรือ 5 แฉก
                  ดอกสีเหลืองและภายในดอกจะเป็นแถบสีม่วงแดงเป็นเส้น ๆ ตามยาว ประมาณ 10 เส้น มี
                  กลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันเป็นหลอดที่โคนดอก ดอกด้วยทองจะมีกลิ่นหอมจัดในตอนเย็น
  ฤดูกาลออกดอก จะออกดอกในช่วงเดีอนตุลาคม - มกราคม
การปลูก  ควรปลูกถ้วยทองบริเวณริมรั้ว เพื่อให้เถาถ้วยทองสามารถใช้รั้วเป็นหลักยึดเกาะ เพื่อการทรงตัว
ของลำต้น หรืออาจจะปลูกทำเป็นซุ้มประตูโดยใช้โครงเหล็กดัดหรือโครงไม้ก็ได้ การปลูกส่วนใหญ่
มักจะนิยมนำกิ่งที่ได้จากการปักชำมาปลูกมากกว่าการเพาะเมล็ด ให้ปลูกลงดินโดยขุดหลุมปลูกให้
มีความกว้างลึกประมาณ 1 x 1 หรือ 1 x 1.5 ฟุต แล้วรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักก็ได้ประมาณ
1/4 ของหลุม กลบดินเล็กน้อย แล้ววางกิ่งชำลงกลางหลุม กลบดินพอแน่น แล้วรดน้ำให้
การดูแลรักษา
แสง           เป็นไม้กลางแจ้งที่ต้องการแสงแดดมาก

น้ำ              ชอบน้ำปานกลาง หากเป็นระยะการปลูกให้รดน้ำวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น แต่เมื่อต้นโตแล้วให้
                  รดน้ำวันละ 1 ครั้ง เฉพาะช่วงเช้าและควรรดในปริมาณที่พอเหมาะ คือจะต้องรดให้ดินชุ่ม แต่ต้อง
                  ไม่ถึงกับมีน้ำขังจนแฉะ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจะทำให้ระบบรากเสียได้

ดิน             เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนป นทราย ที่มีการระบายน้ำได้ดี

ปุ๋ย             เป็นไม้ที่ไม่ต้องการปุ๋ยมากนัก คือเพียงแต่ให้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกปีละ 2-3 ครั้ง ในบิเวณโคนต้น
                  ก็เพียงพอแล้ว โดยไม่จำเป็นต้องใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์เข้าช่วย แต่หากต้องการใช้ใบดกก็ให้รดด้วย
                  ยูเรียสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ติดต่อกันประมาณ 1 เดือน ใบก็จะเขียวชะอุ่มแล้วให้หยุดรดน้ำยูเรียได้

                 
โรคและแมลง
เป็นไม้ที่ไม่มีปัญหาเรื่องโรคและแมลงมากนัก
#3
ไม้ต้น / ชมพูพันธ์ทิพย์07-34190-001-412
22 มิถุนายน 2013, 13:52:06 หลังเที่ยง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Tabebuia rosea (Bertol.) DC.
ชื่อวงศ์ : Bignoniaceae
ชื่อสามัญ :    Pind tecoma,   Pink trumpet tree,   Rosy trumpet-tree
ชื่อพื้นเมือง : ชมพูอินเดีย ตาเบบูยา ธรรมบูชา   
ชนิดพืช [Plant Type] : ไม้ต้น   
ขนาด [Size] : สูง 15-25 เมตร   
สีดอก [Flower Color] : สีชมพูอ่อน ชมพูสด ขาว   
ฤดูที่ดอกบาน [Bloom Tiem] : ก.พ.-เม.ย.   
อัตราการเจริญเติบโต [Growth Rate] : โตเร็ว   
ลักษณะนิสัย [Habitat] : ขึ้นได้ในดินทั่วไป     
ความชื้น [Moisture] : ปานกลาง     
แสง [Light] : แดดเต็มวัน
ลักษณะทั่วไป (Characteristic) :  ไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ผลัดใบ เรือนยอดรูปไข่หรือทรงกลม แผ่กว้าง
เป็นชั้นๆ เปลือกต้นเรียบสีเทาหรือสีน้ำตาล เมื่ออายุมากเปลือกแตกเป็นร่อง กิ่งเปราะหักง่าย
  ใบ (Foliage) :  ใบประกอบรูปนิ้วมือ ใบย่อย 5 ใบ ก้านใบรวมยาว 5-30 เซนติเมตร ก้านใบย่อยยาว 0.5-2.5 เซนติเมตร ใบรูปขอบขนานหรือรูปไข่แกมรูปรี กว้าง 3-7 เซนติเมตร ยาว 7.5-16 เซนติเมตร   ปลายใบแหลม
หรือเรียวแหลม โคนใบมนหรือสอบ ขอบใบเรียบ แผ่นใบหนาสีเขียวเข้ม
  ดอก (Flower) : สีชมพูอ่อน ชมพูสดและขาว กลางดอกสีเหลือง ออกเป็นช่อแบบช่อกระจุกที่ปลายกิ่ง   มีดอก-
ย่อยจำนวนมาก โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดปลายแยกเป็น 5 แฉก คล้ายรูปแตร   ยาว 5-7 เซนติเมตร มักบาน พร้อมกัน ร่วงง่าย ดอกบานเต็มที่กว้าง 5-8 เซนติเมตร
  ผล (Fruit) : ผลแห้งแตก เป็นฝักกลม ยาว 15-30 เซนติเมตร เมื่อแก่แตกเป็น 2 ซีก เมล็ดแบน สีน้ำตาล  มีปีก

   การใช้งานด้านภูมิทัศน์ (Landscape Used) :  ทรงพุ่มสวย  ดอกสวยมีสีสัน  ให้ร่มเงา  ปลูกริมถนน ลานจอดรถ
ปลูกเป็นกลุ่มในสนามโล่ง ทนน้ำท่วมชัง แต่กิ่งเปราะไม่เหมาะปลูกใกล้สนามเด็กเล่น ดอกร่วงมาก
#4
ไม้ต้น / มะเดื่อปล้อง รหัส 7-34190-001-135
22 มิถุนายน 2013, 13:25:50 หลังเที่ยง
มะเดื่อปล้อง รหัส 7-34190-001-135
ชื่อวิทยาศาสตร์ Ficus hispida Linn. f.
วงศ์ MORACEAE
ชื่อสามัญ -
ชื่ออื่น เดื่อปล้อง เดื่อป่อง เดื่อสาย เดื่อป้อง ตะเออน่า เอาแหน่ (กะเหรี่ยง) ฮะกอ สะนียา (นราธิวาส) 
แหล่งที่พบ พบทุกภาคของประเทศ
ประเภทไม้ ไม้ยืนต้น
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ต้น ไม้ยืนต้นขนาดกลางสูงประมาณ 5-10 เมตร ลำต้นเดี่ยวตั้งตรงเปลือกหนา กิ่งแขนงแตกเป็นพุ่มทรงกลมทั้งต้น มีน้ำยางสีขาว ลำต้นมีรอยควั่นเป็นปล้องหรือเป็นข้อๆ คล้ายข้อไม้ไผ่ตลอดจนถึงกิ่ง
ใบ ใบเดี่ยวออกตรงข้ามกัน รูปไข่แกมขอบขนานหรือรูปขอบขนานแกมรูปไข่กลับ ผิวสากหนืดมือ คล้ายใบย่อยมีขนนาบกับแผ่นใบสีเขียวสด
ดอก มีสีเหลืองแกมเขียว ออกช่อกระจุกแน่น เจริญอยู่ในฐานรองดอกกลมกลวงเหมือนลูกแพร์ แกมรูปไข่กลับกว้าง ดอกย่อยแยกเพศอยู่บนต้นเดียวกันเป็นสีชมพูอ่อน
ผล กลมแป้นขนาดเล็กติดเป็นกลุ่มแน่น 10-15 ผล สีเขียวสดเมื่อแก่มีสีน้ำตาลปนเขียว
รสและสรรพคุณยาไทย »
ลำต้น เอามาตากแห้ง ต้มเอาน้ำดื่มแก้โรคกระดูก
ส่วนแก้ฝีเอาแก่นมาฝนกับน้ำปูนใส ทา แก้ฝีได้ดีมาก
ประโยชน์  ผล เป็นอาหารของนกและสัตว์ป่า เปลือก รักษาสิวฝ้า กระดูกแตก ใช้ทำเชือกหยาบๆ  ใบอ่อน รับประทานได้  ผลสุก ทำแยม ผลแห้ง รักษาแผลในปาก ทำให้อาเจียน พบตามป่าดิบและที่รกร้าง

#5
ไม้เลื้อย / บานบุรี รหัส 7-34190-001-134
22 มิถุนายน 2013, 13:18:34 หลังเที่ยง
บานบุรี รหัส 7-34190-001-134
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Allamanda cathartica L.
ชื่อวงศ์ : Apocynaceae   
ชื่อสามัญ : Common allamanda, Golden trumpet
ชนิดพืช
[Plant Type] : ไม้พุ่ม
ลักษณะทั่วไป (Characteristic) : ไม้พุ่มกึ่งเลื้อยขนาดเล็ก ทุกส่วนของต้นมียางขาว
ใบ (Foliage) :  ใบเดี่ยว   เรียงตรงข้ามกันเป็นคู่หรือออกรอบข้อ  3-4 ใบ   ใบรูปขอบขนานหรือรูปใบหอก   กว้าง 4-5 เซนติเมตร  ยาว 8-15 เซนติเมตร ปลายใบแหลมเป็นติ่ง โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ ผิวใบด้านบนสีเขียวเข้มเป็นมันเห็นเส้นใบชัดเจน
ดอก (Flower) :   สีเหลือง ออกเป็นช่อแบบช่อกระจุกที่ปลายกิ่ง กลีบเลี้ยงสีเขียว มี 5 กลีบ    โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดปลายแยก 5 แฉก เป็นรูปปากแตร ดอกตูมกลีบดอกจะบิดไปทางเดียวกัน ดอกบานเต็มที่กว้าง 6-10 เซนติเมตร
ผล (Fruit) : ผลแห้งแตก ทรงกลม มีหนาม เมล็ดจำนวนมาก
การใช้งานด้านภูมิทัศน์ (Landscape Used) :   ดอกสวย   ปลูกประดับสวน   ตัดแต่งเป็นพุ่มได้ ปลูกริมถนน ทางเดิน ปลูกริมทะเล คลุมดิน ทนแล้ง ทนดินเค็ม ไม่ทนน้ำท่วมขัง ยางจากต้นมีพิษ
#6
ไม้พุ่ม / นางแย้ม รหัส 7-34190-001-133
22 มิถุนายน 2013, 13:13:40 หลังเที่ยง
นางแย้ม
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Clerodendrum philippinum Schauer. var. pleniflorum Schauer.
ชื่อวงศ์ : LAMIACEAE   
ชื่อสามัญ : Glory flower, Fragrant clerodendrum
ชื่อพื้นเมือง : ปิ้งชะมด ปิ้งซ้อน ปิ้งสมุทร ส้วนใหญ่
ชนิดพืช [Plant Type] : ไม้พุ่ม
ลักษณะทั่วไป (Characteristic) : ไม้พุ่มขนาดเล็ก  ลำต้นตั้งตรงมีขนตามลำต้นและก้านใบ  มักแตกกอมาก กิ่งก้านสี่เหลี่ยม
ใบ (Foliage) : ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม ใบรูปไข่กว้าง กว้าง 8-11 เซนติเมตร ยาว 12-16 เซนติเมตร ปลายใบแหลม  โคนใบรูปลิ่มหรือรูปหัวใจ  ขอบหยักฟันซี่ห่าง แผ่นใบหนา ผิวใบด้านบนสีเขียวหม่น ผิวใบด้านล่างสีเขียวอ่อน มีขนละเอียดทั้งสองด้าน
ดอก (Flower) :   สีขาว กลีบนอกสีชมพูอมม่วง มีกลิ่นหอม ออกเป็นช่อแบบช่อกระจุกที่ปลายกิ่ง ช่อดอกยาว6-11 เซนติเมตร   ช่อละ 3-5 ดอก กลีบเลี้ยงสีม่วงแดง โคนเชื่อมติดกัน ปลายแยกเป็น 5แฉก   มีกลีบดอกจำนวนมากซ้อนกันแน่นลักษณะคล้ายดอกมะลิซ้อน   ทยอยบานและบานหลายวัน  ช่อดอกบานเต็มที่กว้าง6-10 เซนติเมตร
ผล (Fruit) : ผลสด ทรงกลมถึงรูปรี เมล็ดเดียว เเข็ง แต่ไม่ค่อยติดผล
การใช้งานด้านภูมิทัศน์ (Landscape Used) : ดอกสีสวยงาม มีกลิ่นหอมแรงตอนเย็น บานหลายวัน นิยมปลูก
ประดับสวนในบรรยากาศสวนป่า   ปลูกเพื่อบังสายตา ริมน้ำตก ลำธาร ถ้าปลูกที่แสงรำไรกิ่งจะยื่นยาว ดอกเล็กถ้าปลูกกลางแจ้ง และตัดแต่งอยู่เสมอ ดอกจะใหญ่
ประโยชน์    
ใบ – ใช้ประคบรักษาไขข้ออักเสบ รักษาโรคผิวหนัง  แก้ผดผื่นคัน
ราก – ใช้แก้ไข้ บำรุงประสาท ใช้รากฝนกับน้ำปูนใส ทารักษาเริมหรืองูสวัด ต้มรับประทานแก้ฝีภายใน ขับปัสสาวะ ไตพิการ
#7
ไม้เลื้อย / ตำลึง รหัส 7-34190-001-132
22 มิถุนายน 2013, 13:09:31 หลังเที่ยง
ตำลึง 
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Coccinia grandis (L.) Voigt [/b]
ชื่อวงศ์ : Cucurbitaceae
ชื่อสามัญ : Ivy Gourd
ชื่ออื่นๆ : ตำลึง (กลาง, นครราขสีมา), ผักแคบ (เหนือ), ผักตำนิน (อีสาน)
ลักษณะพฤกษศาสตร์ : ตำลึงละตำลึงเป็นผักพื้นบ้านหากินได้ทุกหัวระแหง ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นตำลึงขึ้นพันไม้อื่นหรือไม่ก็ขึ้นตามริมรั้วจะเรียกผักริมรั้วก็คงไม่ผิด ปกติบ้านใครมีที่มีทางก็แทบไม่ต้องซื้อหาให้เปลือง แต่ถ้าอยู่ในเมืองลองไปเมียงๆมองๆแถวตลาดสดหรือตลาดติดแอร์ดูเถอะ รับรองไม่ผิดหวัง ตำลึงมีคุณค่าทางอาหารสูงมาก และที่เห็นจะถูกใจคนรักสุขภาพแน่ ๆ ก็คือ ตำลึงมีเบต้าแคโรทีน ที่ช่วยลดอัตราเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งและโรคหัวใจขาดเลือด นอกจากนี้ยังให้แคลเซียมอีกด้วย ส่วนใครที่มีปัญหาขับถ่าย น่าลองมารับประทานดู เพราะตำลึงมีกากใยที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี ตำลึง เป็นไม้เถาเลื้อยที่มีมือจับเพื่อเกาะยึดหลักหรือต้นไม้อื่นๆลำเถาสี เขียว
ใบ เป็นใบเดี่ยวสลับกันไปตามเถา ฐานใบรูปหัวใจ ปลายใบแหลม ขอบใบหยักแบบฟันเลื้อยตื้นๆ หยักเว้า 5 แฉก เส้นใบแยกจากโคนใบที่จุดเดียวกัน 5-7 เส้น ใบกว้าง 3-4 เซนติเมตร ก้านใบยาว 3-5 เซนติเมตร
ดอก เป็นดอกเดี่ยวออกที่ซอกใบ ออกเดี่ยวๆหรือออกเป็นกลุ่ม 2-3 ดอก เป็นไม้ที่ไม่สมบูรณ์เพศ คือ เพศผู้และเพศเมียจะอยู่คนละต้นกัน ซึ่งสังเกตได้จากใบ ถ้าใบหยักมากเป็นเพศผู้ แต่ดอกจะสีขาวทรงกระบอก หัวแฉก เหมือนกัน
ผล มีรูปร่างคล้ายแตงกวา แต่มีขนาดเล็กกว่า ผลที่อ่อนมีสีเขียว และมีลายขาว พอสุกจะกลายเป็นสีแดงสด เนื้อลักษณะสีแดงสามารถรับประทานได้
การขยายพันธุ์ : เมล็ด ใช้เมล็ดจากผลแก่ หยอดลงในหลุม เมื่อต้นกล้างอก หาไม้ปักเป็นหลัก เพื่อให้ตำลึงเลื่อย ปลูกได้ดีในดินร่วนซุย นอกจากนั้นสามารถนำเถาแก่ปักชำ โดยตัดเถาแก่ขนาด 5-6 นิ้ว ปักในถุงเพาะชำ เมื่อรากและยอดงอก ก็ย้ายไปปลูกในหลุม
สรรพคุณทางยาและวิธีใช้
รักษาโรคเบาหวาน : ใช้เถาแก่ๆ ประมาณ 1 กำมือ ต้มกับน้ำ หรือน้ำคั้นจากผลดิบ ดื่มวันละ 2ครั้ง เช้า-เย็น จะสามารถช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้
ลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ : ควรรับประทานสด ๆ เพราะเอนไซม์ในตำลึงจะย่อยสลายง่ายเมื่อโดนความร้อน
ลดอาการคัน อาการอักเสบเนื่องจากแมลงกัดต่อยและพืชมีพิษ : นำใบตำลึงสด 2-20 ใบ ตำให้ละเอียดผสมกับน้ำ คั้นเอาน้ำ ทาบริเวณที่เป็นจนกว่าจะหาย (ใช้ได้ดี สำหรับหมดคันไฟ หรือใบตำแย)
แผลอักเสบ : ใช้ใบหรือรากสด ตำพอกบริเวณที่เป็น
แก้งูสวัด, เริม : ใช้ใบสด 2 กำมือ ล้างให้สะอาด ผสมพิมเสนหรือดินสอพอง 1 ใน 4 ส่วน พอกหรือทาบริเวณที่เกิดอาการ
แก้ตาช้ำตาแดง : ตัดเถาเป็นท่อนยาวประมาณ 2 นิ้วนำมาคลึงพอช้ำ แล้วเป่า จะเกิดฟองใช้หยอดตา
ทำให้ใบหน้าเต่งตึง : นำยอดตำลึง 1/2 ถ้วย น้ำผึ้งแท้ 1/2 ถ้วย นำมาผสม ปั่นให้ละเอียด พอกหน้า ทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างออก ทำทุกวันได้จะดีมาก
#8
ไม้ล้มลุก / ตะไคร้ 7-34190-001-131
22 มิถุนายน 2013, 13:03:22 หลังเที่ยง
ชื่อวิทยาศาสตร์   Cymbopogon citratus Stapf.
วงศ์      GRAMINEAE
ชื่ออื่นๆ   
                  ภาคเหนือ   :จะไค (Cha-khai)  จะไค้ (Cha-khai)
                   ภาคใต้   :   ไคร (Khrai)
                   ชวา   :    ซีเร (Sere)
ถิ่นกำเนิด   อินโดนีเซีย  ศรีลังกา  พม่า  อินเดีย  อเมริกาใต้  ไทย
รูปลักษณะ   ไม้ล้มลุกทีมีอายุได้หลายปี  ชอบดินร่วนซุย  ปลูกได้ตลอดปี  ใบสีเขียวยาวแหลม ดอกฟูสีขาว  หัวโตขึ้น
จากดินเป็นกอๆ  กลิ่นหอมฉุนค่อนข้างร้อน
สรรพคุณและส่วนที่นำมาใช้เป็นยา   
น้ำมันจากใบและต้น  –  แต่งกลิ่นอาหาร  เครื่องดื่ม  สบู่ลำต้นแก่หรือเหง้า     –  แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ ขับปัสสาวะ  แก้นิ่ว  ขับประจำเดือน