• Welcome to งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน โรงเรียนวารินชำราบ สพม. อบอจ..
 

ข่าว:

โรงเรียนได้รวบรวม พืชพรรณ นานาชนิดกว่า 600 ชนิด ที่ถูกรวบรวม เรียบเรียงไว้อย่างเป็นระบบ สืบค้นได้ง่าย

Main Menu
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - ชลธิรสธ์ สายยืน

#1
ไม้ล้มลุก / โกฐจุฬาลัมพา รหัส 7-34190-001-530
22 มิถุนายน 2013, 10:23:31 ก่อนเที่ยง
ชื่อวิทยาศาสตร์ Artemisia Vulgaris Limm
วงศ์ COMPOSSITAE
ลักษณะ
โกฐจุฬาลัมพาเป็นพืชพันธุ์ไม้ล้มลุกมีลำต้นสูงประมาณ ๑.๕-๒ เมตร โคนต้นมีรากเป็นเหง้าติดพื้นดิน
หรืออยู่ใต้ดินกิ่งก้านแตกสาขาออกมาก ใบออกเรียงสลับกัน ลักษณะของใบหยักเป็นซี่ ปลายใบแหลม ขนาดของใบกว้างประมาณ ๑.๕-๙ เซนติเมตร ยาวประมาณ ๒.๕-๑๐.๕ เซนติเมตร พื้นผิวใบเรียบเกลี้ยง ดอกออกเป็นช่อตั้งตรง ที่ปลายยอดหรือตามง่ามใบลักษณะของดอกเป็นดอกขนาดเล็ก ยาวประมาณ ๓.๕-๕ มิลลิเมตร กลีบดอกมีต่อมโคนออกเชื่อมติดต่อกันเป็นท่อปลายหยักแฉก ๒-๓ แฉก ดอกวงนอกยาวประมาณ ๑ มิลลิเมตร ดอกวงในโคนดอกจะเชื่อมติดต่อกันเป็นรูประฆัง ปลายกลีบดอกเป็นหยักแฉก ๔-๕ แฉก ปลายแหลม กลางดอกมีเกสรโผล่พ้นกลีบดอกออกมา เมล็ดมีลักษณะเป็นรูปไข่ พื้นผิวเกลี้ยง
สรรพคุณ
ประชาชนโดยทั่วไปนิยมใช้เป็นยาถ่ายแก้น้ำเหลืองเสียแก้ท้องร่วง ถ่ายพยาธิขับปัสสาวะ ขับเหงื่อ ขับลมในลำไส้ แก้ไขข้ออักเสบ ระงับการเกร็งของกล้ามเนื้อ ทำให้ประจำเดือนมาปกติ บำรุงมดลูก ระงับอาการปวดท้อง และอาการเจ็บท้องคลอดลูก โดยเอาใบต้มเอาน้ำดื่มใช้ภายนอก นำเอาใบสดมาต้มแล้วตำให้ละเอียด แล้วนำมาพอกแก้โรคปวดศีรษะ รักษาแผลเรื้อรังแก้อาการเคล็ดบวม ใบและช่อดอกใช้ต้มเอาน้ำดื่มเป็นยาขับเสมหะ แก้หืด อาหารไม่ย่อย

ชื่อวิทยาศาสตร์      Artemisia pallens Wall.ex Bess.
                 
วงศ์    COMPOSITAE   
                 
ชื่อท้องถิ่น   พิษนาด(ราชบุรี)
   
ลักษณะทางพฤกษ์ศาสตร์             
                 
พืชล้มลุก แตกกิ่งก้านสาขามาก ใต้ดินมีเหง้ามีกลิ่นหอม
ใบออกเรียงสลับกัน ปลายใบแหลม ขอบใบหยักเป็นพู 
ดอกออกเป็นกระจุกเล็กหรือเป็นช่อตามปลายยอด หรือตามง่ามใบ   
                   
ประโยชน์และสรรพคุณยาไทย

- ถอนทั้งต้นทั้งรากล้างน้ำให้สะอาด...นำไปต้มกับน้ำให้เดือด
ยกลงเทใส่ชาม...วางทิ้งไว้ให้อุ่นอาจผสมน้ำตาลทรายแดง
หรือน้ำตาลกรวดเล็กน้อยก็ได้แล้วดื่มตอนอุ่นๆ           

- ทั้งต้น รสสุขุมหอมร้อน แก้ไข้เจรียง แก้ไข้เพื่อเสมหะ แก้หืด แก้ไอ แก้ไข้จับ
เป็นยาเร่งประสาทส่วนกลางเหมือนการบูร ขับลม

- หรือเด็ดเอาแต่ยอดและใบที่ไม่แก่นักล้างน้ำให้สะอาดหั่นเหมือนหั่นต้นหอม
แล้วนำไปตีผสมกับไข่ไก่แล้วเจียวเป็นไข่เจียว...เสร็จแล้วเติมน้ำซุปลงไปทำไข่น้ำ
ทานกับข้าวเป็นยาได้เหมือนกัน
#2
ไม้ต้น / สตาร์แอปเปิ้ล รหัส 7-34190-001-529
22 มิถุนายน 2013, 10:22:01 ก่อนเที่ยง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Chrysophyllum cainito L.
วงศ์ : Sapotaceae
ชื่อสามัญ : Star apple
ชื่ออื่น : สตาร์แอปเปิ้ล (กรุงเทพฯ) แอบเปิ้ลเมือง
ลักษณะ ทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ยืนต้นสูง 5-15 เมตร เรือนยอดแผ่กว้าง เปลือกลำต้นเรียบ สีน้ำตาล ใบเดี่ยวเรียงสลับ แผ่นใบรูปไข่แกมขอบขนาน ขนาด 5-7 x 12-15 เซนติเมตร ขอบใบเรียบ ปลายใบแหลม โคนใบรูปลิ่ม ผิวใบมีขนอ่อนสีน้ำตาลปกคลุม ดอกออกเป็นกระจุกที่ซอกใบ ดอกย่อยสีเขียวแกมเหลือง กลีบดอกและก้านดอกมีขนสีน้ำตาลปกคลุม ผลแบบ berry รูปร่างกลม มียางขาว เมื่อสุกสีม่วงดำ มีกลิ่นหอม เมล็ดสีดำ เป็นมันวาว มี 1-5 เมล็ด สตาร์แอปเปิ้ล เป็นพันธุ์ไม้จากทวีปอเมริกาใต้
ประโยชน์ : ปลูกตามอาคารบ้านเรือนเพื่อเป็นไม้ผล ออกดอกในช่วงเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม
ผลสุกรับประทาน
#3
ไม้ล้มลุก / ว่านแสงอาทิตย์ รหัส 7-34190-001-528
22 มิถุนายน 2013, 10:16:58 ก่อนเที่ยง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Haemanthus multiflorus (Tratt.) Martyn
ชื่อวงศ์ : Amaryllidaceae
ชื่อสามัญ : Blood lily , Powder puff lily
ชื่อ พื้นเมือง : ว่านกระทุ่ม ว่านตะกร้อ ว่านกุมารทอง
เป็น ไม้ล้มลุกใบอวบน้ำ มีลำตัวเป็นหัวลักษณะคล้ายหอมหัวใหญ่ เจริญอยู่ใต้ดิน กลุ่มใบที่เกิดจากหัวชูขึ้นมาเหนือพื้นดิน ใบรุปหอกสีเขียวเข้มยาวประมาณ 8 นิ้ว เมื่อออกดอกจะชู้ก้านดอกเป็นลำตรงสีเขียวอ่อน จากกลางต้นสูงมาพ้นใบ
ดอก : สีแดงสด หรือแดงอมส้ม ออกเป็นช่อแบบช่อกระจุกแน่นจากกอ ก้านช่อดอกกลม สีเขียวอ่อน
ชู ตั้งขึ้น ยาว 30-40 เซนติเมตร กลีบดอกและเกสรยาวเป็นเส้นฝอย ช่อดอกบานเต็มที่กว้าง 12-15 เซนติเมตร บานติดต้นอยู่ประมาณ 7-10 วันจึงจะโรยว่านแสงอาทิตย์ออกดอกในเดือน เมษายน-พฤษภาคม ขณะมีดอกมักทิ้งใบจนเกือบหมดต้นแสงอาทิตย์ปลูกได้ทั้งในที่กลางแจ้งและในที่ ร่ม แต่ต้องปลูกอยู่ในดินที่มีความชื่นพอประมาณขยายพันธุ์ด้วยวิธีแยกหัวไปปลูก หรือเพาะเมล็ด แต่การขยายพันธุ์โดยวิธีเพาะเมล็ด ต้องใช้เวลานาน 5-7 ปี จึงจะมีดอก
ส่วนที่เป็นพิษ : หัวและใบ
การเกิดพิษ : หัวและใบทำให้ท้องเดิน หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
#4
ไม้ล้มลุก / ดาหลา รหัส 7-34190-001-527
22 มิถุนายน 2013, 10:09:44 ก่อนเที่ยง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Etlingera elatior (Jack) R.M. Smith

ชื่อพ้อง : Phaeomeria magnifica, Nicolaia elatior

ชื่อสามัญ : ดาหลา

วงศ์ : Zingiberales

ชื่ออื่น ๆ : กาหลา, กะลา

ถิ่นกำเนิด : เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ลักษณะทางพฤษศาสตร์
ลำต้น ดาหลาเป็นพืชที่มีลักษณะคล้ายข่า มีลำต้นใต้ดินเรียกว่าเหง้า (rhizome) เหง้านี้จะเป็นบริเวณที่เกิดของหน่อดอกและหน่อต้น ดาหลา 1 ต้น สามารถให้หน่อใหม่ได้ประมาณ 7 หน่อ ในเวลา 1 ปี ส่วนลำต้นเหนือดินเป็นกาบใบที่โอบซ้อนกันแน่น เช่นเดียวกับพวกกล้วย ส่วนนี้คือลำต้นเทียม (pseudostem) ลำต้นเหนือดินสูง 2-3 เมตร มีสีเขียวเข้ม

ใบ มีรูปร่างยาวรี กลางใบกว้างแล้วค่อย ๆ เรียวไปหาปลายใบ และฐานใบ ใบไม่มีก้านใบ ผิวเกลี้ยงท้งด้านบนและด้านล่าง ใบยาว 30-80 เซ็นติเมตร กว้าง 10-15 เซนติเมตร ปลายใบแหลมฐานใบเรียวลาดเข้าหาก้านใบ เส้นกลางใบปรากฏชัดทางด้านล่างของใบ

ดอก ดอกดาหลาเป็นดอกช่อมีลักษณะดอกแบบ (head) ประกอบด้วยกลีบประดับ
#5
ไม้ต้น / แก้วเจ้าจอม รหัส7-34190-001-526
22 มิถุนายน 2013, 09:49:38 ก่อนเที่ยง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Guaiacum officinale L.

ชื่อวงศ์ : Zygophyllaceae

ชื่อสามัญ : Lignum vitae

ชื่อพื้นเมือง : -
   
ชนิดพืช [Plant Type] : ไม้ต้น
   
ขนาด [Size] : สูง 10-15 เมตร
   
สีดอก [Flower Color] : สีฟ้าอมม่วงเปลี่ยนเป็นขาว
   
ฤดูที่ดอกบาน [Bloom Tiem] : ต.ค.-เม.ย.
   
อัตราการเจริญเติบโต [Growth Rate] : ช้า
   
ลักษณะนิสัย [Habitat] : ดินร่วน ระบายน้ำได้ดี
       
ความชื้น [Moisture] : ปานกลาง
       
แสง [Light] : แดดเต็มวัน-ปานกลาง

ลักษณะทั่วไป (Characteristic) :   ไม้ต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ไม่ผลัดใบ เรือนยอดทรงกลมค่อนข้างหนาทึบ
เปลือกสีเทาเข้ม
   
ใบ (Foliage) : ใบประกอบแบบขนนกปลายคู่ เรียงตรงข้าม มีทั้งชนิดที่มีใบย่อย 2 คู่ หรือ 3 คู่   ใบย่อยรูปรีถึง
รูปไข่กลับ มีขนาดไม่เท่ากัน ปลายใบมน โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ ผิวใบด้านบนสีเขียวเข้มเป็นมัน  มีจุดสีส้มที่
โคนใบย่อยด้านบน ผิวใบด้านล่างสีอ่อนกว่า
   
ดอก (Flower) :   สีฟ้าอมม่วงและจางลงเมื่อใกล้โรย มีกลิ่นหอม ออกดอกเดี่ยวเป็นกระจุก 3-4 ดอกที่ปลายกิ่ง
กลีบเลี้ยง 5 กลีบ  รูปไข่ โคนเชื่อมติดกันเล็กน้อย มีขน ร่วงง่าย กลีบดอก 5 กลีบ รูปรีหรือรูปไข่  กว้างประมาณ
1 เซนติเมตร  ยาว ประมาณ 2 เซนติเมตร เกสรสีเหลือง ชนิดมีใบย่อย 2 คู่ออกดอกง่ายและชนิดมีใบย่อย 3 คู่ ออกดอกน้อยกว่า
   
ผล (Fruit) : ผลสด ทรงกลมแป้นหรือรูปหัวใจกลับ ขนาด 1-2 เซนติเมตร มีครีบ 2 ข้าง เมื่อแก่สีเหลืองหรือส้ม
เมล็ดสีน้ำตาล มี 1-2 เมล็ด
- ยางไม้ ใช้เป็นยาขับเสมหะ ขับปัสสาวะ ซับเหงื่อ แก้ข้ออักเสบ หรือทำเป็นยาอมแก้หลอดลมอักเสบ
- ใบ ใช้คั้นน้ำ กินแก้อาการท้องเฟ้อ
- เปลือก เป็นยาระบาย
- ดอก ทำผงชา เป็นยาบำรุงกำลัง
#6
ไม้ต้น / แก้วเจ้าจอม รหัส7-34190-001-526
22 มิถุนายน 2013, 09:37:21 ก่อนเที่ยง
 ชื่อวิทยาศาสตร์ : Guaiacum officinale L.
ชื่อวงศ์ : Zygophyllaceae
ชื่อสามัญ : Lignum vitae
ชื่อพื้นเมือง : -

ชนิดพืช [Plant Type] : ไม้ต้น

ขนาด [Size] : สูง 10-15 เมตร

สีดอก [Flower Color] : สีฟ้าอมม่วงเปลี่ยนเป็นขาว

ฤดูที่ดอกบาน [Bloom Tiem] : ต.ค.-เม.ย.

อัตราการเจริญเติบโต [Growth Rate] : ช้า

ลักษณะนิสัย [Habitat] : ดินร่วน ระบายน้ำได้ดี
   
ความชื้น [Moisture] : ปานกลาง
   
แสง [Light] : แดดเต็มวัน-ปานกลาง
ลักษณะทั่วไป (Characteristic) :   ไม้ต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ไม่ผลัดใบ เรือนยอดทรงกลมค่อนข้างหนาทึบ
เปลือกสีเทาเข้ม

ใบ (Foliage) : ใบประกอบแบบขนนกปลายคู่ เรียงตรงข้าม มีทั้งชนิดที่มีใบย่อย 2 คู่ หรือ 3 คู่   ใบย่อยรูปรีถึง
รูปไข่กลับ มีขนาดไม่เท่ากัน ปลายใบมน โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ ผิวใบด้านบนสีเขียวเข้มเป็นมัน  มีจุดสีส้มที่
โคนใบย่อยด้านบน ผิวใบด้านล่างสีอ่อนกว่า

ดอก (Flower) :   สีฟ้าอมม่วงและจางลงเมื่อใกล้โรย มีกลิ่นหอม ออกดอกเดี่ยวเป็นกระจุก 3-4 ดอกที่ปลายกิ่ง
กลีบเลี้ยง 5 กลีบ  รูปไข่ โคนเชื่อมติดกันเล็กน้อย มีขน ร่วงง่าย กลีบดอก 5 กลีบ รูปรีหรือรูปไข่  กว้างประมาณ
1 เซนติเมตร  ยาว ประมาณ 2 เซนติเมตร เกสรสีเหลือง ชนิดมีใบย่อย 2 คู่ออกดอกง่ายและชนิดมีใบย่อย 3 คู่ ออกดอกน้อยกว่า

ผล (Fruit) : ผลสด ทรงกลมแป้นหรือรูปหัวใจกลับ ขนาด 1-2 เซนติเมตร มีครีบ 2 ข้าง เมื่อแก่สีเหลืองหรือส้ม
เมล็ดสีน้ำตาล มี 1-2 เมล็ด
- ยางไม้ ใช้เป็นยาขับเสมหะ ขับปัสสาวะ ซับเหงื่อ แก้ข้ออักเสบ หรือทำเป็นยาอมแก้หลอดลมอักเสบ
- ใบ ใช้คั้นน้ำ กินแก้อาการท้องเฟ้อ
- เปลือก เป็นยาระบาย
- ดอก ทำผงชา เป็นยาบำรุงกำลัง