• Welcome to งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน โรงเรียนวารินชำราบ สพม. เขต 29.
 

ข่าว:

พืชพรรณต่างๆ มีภาพประกอบ และจัดเป็นหมวดหมู่ตามลักษณะวิสัย ค้นหาได้ง่าย

Main Menu
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - กฤติญาธรณ์ กรเกษแก้ว

#1
ไม้ล้มลุก / หมามุ่ย รหัส 7-34190-001- 351
22 มิถุนายน 2013, 10:43:13 ก่อนเที่ยง
ชื่อวิทยาศาสตร์ Mucuna pruriens L.  DC.
  Mucuna capitata (พันธุ์ไม่มีขนคัน)
วงศ์ PAPILIONACEAE   
ชื่ออังกฤษ Common Cowitch; Cowhage
หมามุ่ย เป็นพืชตระกูลถั่วอายุข้ามปี มีขึ้นเป็นแถวคลุมไม้อื่นจนแน่นทึบ โดยเฉพาะในไร่ร้างจะพบหมามุ่ยขึ้นเต็มไปหมด จนกลายเป็นพืชที่มีปัญหา แต่ละเถาจะติดก้านใบขนาดใหญ่ยาว ประกอบด้วยใบย่อย 3 ใบ ใบหนานุ่มมีขนอ่อน ติดดอกปลาย ฤดูฝนเป็นช่อ กลีบดอกสีม่วงอ่อนดูเด่น ยอมรับว่าหมามุ่ยให้ดอกช่อดอกยาวใหญ่ทยอยกันบานจากโคนถึงปลายช่อ ต่อมาก็ติดฝักถ้าเป็นพันธุ์ใหญ่ฝักจะแบน ส่วนพันธุ์เล็กฝักจะกลม ฝักจะมีขนอ่อนคลุม ฝักแก่นี้เองจะกลายเป็นพืชที่มีพิษ เพราะขนจะปลิวว่อนไปตอนต้นลมตั้งแต่ฤดูหนาวถึงฤดูแล้ง ถ้ามีดงหมามุ่ยอยู่ในบริเวณใกล้เคียง จะคันยุบยับไปทั้งตัว ยิ่งเหงื่อตกยิ่งรู้สึกคันยิ่งขึ้น แก้โดยถูกับผมหรือใช้เทียนขี้ผึ้ง หรือใช้ข้าวเหนียวสุกนวดให้เป็นก้อน กลิ้งเบา ๆ บริเวณที่คัน
การใช้ประโยชน์ในการอนุรักษ์ดิน ควรปล่อยให้ขึ้นคลุมพื้นที่ลาดเทซึ่งปล่อยทิ้งไม่ใช้ประโยชน์ จะช่วยยึดดินไม่ให้พังทลายในฤดูฝน ถ้าเป็นหมามุ่ยพันธุ์พื้นเมือง ไม่ควรเข้าไปใกล้ ขณะติดฝักแก่ในฤดูแล้ง เพราะขนจะปลิวมาแตะผิวหนังทำให้ผื่นคันได้ส่วนพันธุ์ต่างประเทศใช้ปลูกคลุมดินเหมือนพืชคลุมดินทั่ว ๆ ไป
ความเป็นพิษ ขนหมามุ่ยเมื่อ สัมผัสที่ผิวหนังทำให้คัน เนื่องจากขนให้สารประเภท histamine enzymes หลายชนิด เช่น proteinase mucunain ฯลฯ ก็ทำให้เกิดความระคายเคืองที่ผิวหนัง Serotonin (5-hydroxy-tryptamine) ทำให้เกิดอาการอักเสบและเจ็บปวดที่ผิวหนัง
ประโยชน์ เมล็ดเป็นอาหารเมื่อยามขาดแคลน ใบใช้เป็นยาพอกแผล ต้นหมามุ่ยใช้เป็นพืชคลุมดิน
#2
ไม้ล้มลุก / สร้อยกัทลี รหัส 7-34190-001- 355
22 มิถุนายน 2013, 10:41:21 ก่อนเที่ยง
ชื่อพื้นเมืองอื่น: รอสตราต้า, เฮลิโคเนีย, ธรรมรักษา, สร้อยกัทลี
ชื่อสามัญ: Hanging Heliconia; Lobster Claw
ชื่อวิทยาศาสตร์: Heliconia rostrata Ruiz & Pav.; Heliconia poeppigiana; Bihai rostrata
ชื่อวงศ์:    HELICONIACEAE

ลักษณะของต้น : เป็นเหง้าใต้ดิน ส่วนเหนือดินคล้ายต้นกล้วย มีโคนใบแผ่เป็นกาบหุ้มซ้อนสูง 1-3 เมตร
ลักษณะของดอก : ช่อดอกเป็นช่อห้อยมีใบประดับอวบหนแบน เรียงสลับถี่ๆซิกแซก
การขยายพันธุ์ : ใช้วิธีการแยกหน่อ
ถิ่นกำเนิด :ประเทศเปรู
ประโยชน์  ปลูกเป็นไม้ประดับ
#3
ไม้ล้มลุก / บัวผัน รหัส 7-34190-001- 354
22 มิถุนายน 2013, 10:39:38 ก่อนเที่ยง
ชื่อไทย : บัวผัน     บัวเผื่อน
ชื่อสามัญ :   Water lily
ชื่อวิทยาศาสตร์ :    Nymphaea stellata Wild.
ชื่อวงศ์ :
NYMPHAEACEAE
ลักษณะทั่วไป :
เป็นพืชน้ำอายุข้ามฤดู ลำต้นเป็นหัวใต้ดินมีขนาดเล็ก ใบมีรูปเกือบกลม ขอบใบหยักเป็นคลื่น ฐานใบเว้าลึก เส้นใบไม่นูน ใบออกสลับถี่ลอยบนผิวน้ำเรียงเป็นวง ดอกเป็นดอกเดี่ยวขนาดเล็ก ชูเหนือน้ำ มีก้านดอกยาว มีกลีบเลี้ยง 4 กลีบ กลีบดอกปลายแหลมเรียงซ้อนกันหลายชั้น เกสรตัวผู้มีจำนวนมาก ผลกลมมีเมล็ดขนาดเล็กจำนวนมาก เป็นบัวพื้นเมืองของไทยมี 2 ชนิด คือบัวเผื่อนดอกสีขาวปลายกลีบสีม่วงครามอ่อน ๆ และบัวผันดอกสีม่วงอ่อนแล้วเปลี่ยนเป็นสีชมพู บางครั้งอาจพบเป็นสีขาวปลอด
               ประโยชน์ :
ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับ ก้านดอกใช้รับประทานเป็นผัก
#4
ไม้ต้น / ไทรย้อยใบแหลม รหัส 7-34190-001- 353
22 มิถุนายน 2013, 10:36:20 ก่อนเที่ยง
ชื่อวิทยาศาสตร์  Ficus benjamina L.
วงศ์  MORACEAE
ชื่อสามัญ Golden Fig , Weeping Fig
ชื่ออื่น ไทรกระเบื้อง ไทรย้อย ไทร
ลักษณะทั่วไป
•   ไม้ต้น สูง 10 – 15 เมตร เรือนยอดแผ่กว้างเป็นทรงกลม ไม่ผลัดใบ เปลือกสีน้ำตาล มีกิ่งก้านสาขาห้อยย้อยลง มีรากอากาศ
•   ใบเดี่ยวเรียงสลับ แผ่นใบรูปไข่ ปลายเรียวแหลม โคนสอบ ขอบเรียบ ผิวใบเกลี้ยงทั้งสองด้าน สีเขียวเป็นมัน
•   ดอกแยกเพศ มีขนาดเล็ก ออกเป็นคู่ตามกิ่งก้าน
•   ผลกลมไม่มีก้านผล ผลแก่เดือนธันวาคม-เมษายน
•   พบปลูกเพื่อให้ร่มเงา ชอบขึ้นในที่แสงแดดจัด ขึ้นได้ทุกสภาพดิน
•   ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด และตอนกิ่งหรือปักชำ
รรพคุณและส่วนที่นำมาใช้เป็นยา
ราก - เป็นยาบำรุงน้ำนม รากอากาศขับปัสสาวะ แก้ไตพิการ (โรคเกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะ มีปัสสาวะขุ่นข้น เหลืองหรือแดง มักมีอาการแน่นท้อง กินอาหารไม่ได้) ปัสสาวะพิการ (อาการปัสสาวะปวด หรือกะปริบกะปรอย หรือขุ่นข้น สีเหลืองเข้ม หรือมีเลือด) แก้กษัย (อาการป่วยที่เกิดจากหลายสาเหตุ ทำให้ร่างกายเสื่อมโทรม ซูบผอม โลหิตจาง ปวดเมื่อย)
ประโยชน์ ปลูกประดับ ให้ร่มเงา ผลเป็นอาหารของนก
#5
ไม้พุ่ม / พุดพิชญา รหัส 7-34190-001- 352
22 มิถุนายน 2013, 10:18:41 ก่อนเที่ยง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Wringhtia antidysenterica R.Br.
ชื่อวงศ์ : APOCYNACEAE
ชนิดพืช [Plant Type] : ไม้พุ่ม
ลักษณะทั่วไป (Characteristic) : ไม้พุ่มขนาดเล็ก กิ่งก้านมีสีน้ำตาลแดง
ใบ (Foliage) : ใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามเป็นคู่ ใบรูปใบหอกแกมรูปขอบขนาน กว้าง 1-2.5 เซนติเมตร ยาว 2-3 เซนติเมตร  ปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบเรียบ ผิวใบด้านบนสีเขียวเข้ม ผิวใบด้างล่างสีเขียวอ่อน
ดอก (Flower) : สีขาว ออกเป็นช่อแบบช่อกระจะตามซอกใบที่ปลายกิ่ง ช่อละ 5-6 ดอก กลีบเลี้ยงสีเขียวอ่อน
ปนเหลือง โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดแคบ ปลายแยกเป็น 5 แฉก เกสรตรงกลางสีเหลือง มีรยางค์เป็นแผ่นรูปแถบเเข็งคล้ายขี้ผึ้ง ปลายแยกเป็นริ้ว 2-5 ริ้ว ดอกบานเต็มที่กว้าง 1.5-2.5 เซนติเมตร
การใช้งานด้านภูมิทัศน์ (Landscape Used) :   ปลูกเป็นกลุ่ม  จะมีดอกดก  สวยสะดุดตา เหมาะกับสวนทั่วไป
สวนไทย หรือสวนป่า ดอกดกสวยสะดุดตา ไม่ทนเค็มและการระบายน้ำต้องดีมาก
ต้นพุดพิชญา เป็นต้นไม้ใหม่นำเข้าจากประเทศศรีลังกา มีชื่อทองถิ่นว่า "อิดด้า" (Inda) มีความหมายว่าดอก
ไม้สีขาวบริสุทธิ์ ประเทศศรีลังกาเป็นเมืองพุทธศาสนา สีขาวเป็นสีที่สัมพันธ์กับศาสนาพุทธ จึงเป็นดอกไม้บูชา
พระพุทธรูป โดยเฉพาะสักการะพระเขี้ยวแก้ว โดยจัดดอกไม้ใส่กรวยใบตองหรือจัดใส่พาน ต้นพุดพิชญาเข้า
ประเทศไทยครั้งแรกเมื่อสีบปีมาแล้ว ผู้นำเข้าคือ คุณปราณี คงพิชญานนท์ เธอชอบความงามบริสุทธิ์ ความที่ลักษณะของดอกสีขาวเหมือนกลุ่มดอกพุดในบ้านเรา เธอจึงนำชื่อดอกพุดมาสมาสเข้ากับวลีนามสกุล ออกมาเป็น
ชื่อใหม่ว่า "พุดพิชญา"
พุดพิชญาเป็นไม้ชนิดทั้งต้นเตี้ย ต้นสูง และต้นใหญ่ ให้ดอกเต็มกิ่งเป็นช่อดอก ช่อละ 5 - 10 ดอก ดอกบานทนตั้งแต่แรกแย้มไปจนสู่บานเต็มที่ ใช้เวลา 4 - 5 วัน ดอกตูมในช่อดอกอื่นๆก็ค่อยทยอยโต และทยอยกันบานไปเรื่อยๆ จึงทำให้ดอกติดต้นตลอดเวลา ลักษณะดอกเป็นกลีบแยก 5 กลีบ เกสรตรงกลางสีเหลืองมีฝอยเกสรสีขาวล้อมรอบ เมื่อดอกบานเต็มที่