• Welcome to งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน โรงเรียนวารินชำราบ สพม. เขต 29.
 

ข่าว:

ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่เว็บไซต์งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนวารินชำราบ

Main Menu
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - วราณัฐ สระทอง

#1
ไม้ล้มลุก / กกช้าง รหัส 7-34190-001-224
22 มิถุนายน 2013, 14:50:25 หลังเที่ยง
กกช้าง รหัส  7-34190-001-224
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Typha angustifolia L.
วงศ์ TYPHACEAE         
ชื่อสามัญไทย ธูปฤๅษี กกช้าง กกธูป เฟื้อง หญ้ากกช้าง หญ้าปรือ หญ้าเฟื้อง เฟื้อ (กลาง); ปรือ (ใต้); หญ้าสลาบหลวง (เหนือ) หญ้าสะลาบหลวง
ชื่อสามัญอังกฤษ lesser reedmace, narrow-leaved cat tail, bulrush, cattail, flag, reedmace tule, narrowleaf cattail
กกช้างเป็นไม้ล้มลุกสองปี เหง้ากลม แทงหน่อขึ้นเป็นระยะสั้นๆ ใบเดี่ยว เรียงสลับระนาบเดียว รูปแถบกว้าง 1.2-1.8 ซม. ยาวประมาณ ๒ ม. แผ่นใบด้านบนโค้งเล็กน้อยเพราะมีเซลล์หยุ่นตัวคล้ายฟองน้ำหมุนอยู่กลางใบ ส่วนด้านล่างแบน ช่อดอกแบบช่อเชิงลด ดอกมีจำนวนมาก ติดกันแน่น สีน้ำตาล ลักษณะคล้ายธูปดอกใหญ่ ก้านช่อดอกกลม แข็ง ดอกแยกเพศ แบ่งเป็นตอนเห็นได้ชัด กลุ่มดอกเพศผู้อยู่ปลายก้าน รูปทรงกระบอกยาว 15-30 ซม. และทิ้งช่วงห่างกลุ่มดอกเพศเมีย 0.5-12 ซม. ดอกเพศผู้มีเกสรเพศผู้ 2-3 อัน และมีขนแบนรูซ้อน 3 เส้น กลุ่มดอกเพศเมียรูปทรงกระบอกเช่นกันแต่ใหญ่กว่าดอกเพศผู้ ยาว 3-28 ซม. เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 ซม. มีใบประดับย่อย (bracteole) เป็นส้นปลายสีน้ำตาลมากมายแซมดอก โคนก้านชูเกสรเพศเมีย (gynophore) มีขนยาวสีเงินหลายเส้น ดอกแก่จะแตกเห็นเป็นขนขาวฟู รังไข่มีช่องเดียว มีออวุล 1 เม็ด ผลเล็กมาก เมื่อแก่แตกตามยาว
ใบยาวและเหนียวนิยมใช้ทำเครื่องจักสาน เช่น เสื่อ ตะกร้า ใช้มุงหลังคา กินได้ แป้งที่ได้จากลำต้นใต้ดินและรากใช้บริโภคได้เช่นกัน ในอินเดียเคยใช้ก้านช่อดอกทำปากกา และเชื่อว่าลำต้นใต้ดินและรากใช้เป็นยาบำบัดโรคบางชนิด เช่น ขับปัสสาวะ เยื่อ (pulp) ของต้นกกช้างนำมาใช้ทำใยเทียม (rayon) และกระดาษได้ มีเส้นใย (fibre) เส้นใยมีสีขาวหรือน้ำตาลอ่อน นำมาทอเป็นผ้าใช้แทนฝ้ายหรือขนสัตว์
ธูปฤาษีอาจช่วยทำให้วัฏจักรของแร่ธาตุอาหารในดินสมบูรณ์ขึ้นซึ่งเป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าในองค์ประกอบของส่วนต่างๆ ของธูปฤาษีจะมีแร่ธาตุอาหารชนิดต่างๆ ที่เกิดจากการดูดซึมเข้าไปเพื่อใช้ในการเจริญเติบโต และเมื่อธูปฤาษีตายลง หรืออาจแก่ตาย หรือเกิดจากการกำจัดก็ตาม ก็จะมีการย่อยสลาย (decomposition) จะทำให้แร่ธาตุอาหารกลับสู่ดิน ทำให้สามารถเพาะปลูกได้
- ซากของธูปฤาษี สามารถนำมาใช้เป็นวัสดุคลุมผิวดิน (mulching) เพื่อลดการสูญเสียความชื้นออกจากผิวดิน หรือลดการปะทะของน้ำฝนที่ตกลงมาก วิธีเป็นการปฏิบัติในแปลงปลูกพืชยืนต้น พวกไม้ผลชนิดต่างๆ
- ธูปฤาษีที่ขึ้นตามธรรมชาติ อาจนำมาใช้เลี้ยงสัตว์ได้
- ธูปฤาษีช่วยเพิ่มอินทรียวัตถุในดิน สามารถให้ประโยชน์แก่ดินในแง่ของอินทรียวัตถุ (organic matter) ได้ การไถกลบเศษซากธูปฤาษี
ประโยชน์ของธูปฤาษีนอกเหนือการเกษตร
- ใช้ธูปฤาษีเป็นวัสดุเชื้อเพลิง
- ใช้เป็นวัตถุดิบในการทำเครื่องใช้ต่าง เช่น นำมามุงหลังคาบ้าน ทำฝาบ้าน การสานชนิดต่างๆในทางหัตถกรรมพื้นบ้าน อุตสาหกรรมครัวเรือน
- ใช้ทำเยื่อกระดาษ - ใช้เป็นปุ๋ยพืชสด หรือทำปุ๋ยหมักบำรุงดินได้
- ใช้เป็นอาหารเลี้ยงสัตว์เคี้ยวเอื้อง

#2
ไม้ต้น / ประดู่บ้าน รหัส 7-34190-001-223
22 มิถุนายน 2013, 14:45:14 หลังเที่ยง
ประดู่บ้าน  รหัส  7-34190-001-223
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pterocarpus indicus Willd.
วงศ์ PAPILIONACEAE
ชื่ออื่น  ประดู่ลาย, ประดู่กิ่งอ่อน,ประดู่อังสนา
ลักษณะวิสัย : ไม้ต้น
ไม้ต้น  สูง 15-25 เมตร  เรือนยอดแผ่กว้างเป็นทรงกลมหนาทึบ 
เปลือกสีน้ำตาลแตกเป็นสะเก็ดทั่วๆ ไป 
ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ เรียงสลับใบย่อย แผ่นใบย่อยรูปรี  โคนใบมนกว้าง ค่อยๆ สอบเข้าหาปลายใบ  ขอบใบเรียบ 
ช่อดอกเกิดตามง่ามใบใกล้ปลายกิ่ง ดอกสีเหลือง 
ผลเป็นฝักแบน ตรงกลางนูนแล้วลาดออกเป็นครีบบางๆ โดยรอบ มี 1 เมล็ด ผลแก่เดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 
พบทั่วไปตามป่าดิบชื้นและป่าเบญจพรรณ 
ขยายพันธุ์ :เมล็ด และใช้กิ่งปักชำ
ต้น เป็นไม้ผลัดใบขนาดใหญ่ สูง 20 เมตร เปลือกนอกสีน้ำตาลเทา หนาแตกหยาบๆ เป็นร่องลึก เรือนยอดรูปคล้ายทรงกระบอก
ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนกมีใบย่อย 7-13 ใบ รูปขอบขนานแกมรูปไข่ ผิวใบเกลี้ยงโคนใบกว้าง กลมมน และเรียวไปทางปลายใบ
ดอก ดอก เป็นช่อตามซอกใบ ใกล้ยอดกลีบของกลีบดอก 1 – 15 เซนติเมตร ผล ผลเป็นแผ่นกลมแบนมีปีกโดยรอบ มีเมล็ดเดี่ยวอยู่กลางผลขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 – 10 เซนติเมตร เมื่อแก่จะเป็นสีน้ำตาล
เมล็ด อยู่ในผลตรงกลางผลมีประมาณ 1 – 2 เมล็ด พบในป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรังทั่วไปยกเว้นในภาคใต้ในระดับความสูงจากน้ำทะเล 100-600 เมตร จากน้ำทะเล 100-600 เมตร เพาะเมล็ด ตอนกิ่ง
ข้อมูลจากเอกสาร เนื้อไม้แข็งสีขาวอมเหลือง แก่นสีน้ำตาลแกมแดงมีลวดลายสวยงามทนทาน ไสกบตกแต่งและชักเงาได้ดี ใช้ในการก่อสร้าง ทำพื้นบ้าน เสา รอด ทำเกวียน เครื่องเรือน และด้ามเครื่องมือเครื่องใช้ เปลือกและแก่นให้สีน้ำตาลใช้ย้อมผ้า
ข้อมูลจากภูมิปัญญาไทย ใช้เนื้อไม้ในการก่อสร้าง ทำฝาบ้าน พื้นบ้าน ทำเสา ทำคาน
เปลือกให้น้ำฝาดสำหรับฟอกหนัง และให้สีน้ำตาลสำหรับย้อมผ้า แก่นให้สี สีแดงคล้ำ

#3
ไม้พุ่ม / หูปลาช่อน รหัส 7-34190-001-221
22 มิถุนายน 2013, 14:32:40 หลังเที่ยง
หูปลาช่อน  รหัส  7-34190-001-221     
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Acalypha wilkesiana Mull. Arg.
ชื่อวงศ์ : EUPHORBIACEAE         
ชื่อสามัญ : Copper beef-steak, Copper leaf,
Painted copperleaf, Jacob's coat
ชื่อพื้นเมือง : ใบเงิน โพเงิน โพด่าง โพแดง โพทอง
โพสาย  แสงทอง หูกระต่าย
ชนิดพืช [Plant Type] : ไม้พุ่ม
ลักษณะทั่วไป (Characteristic) : ไม้พุ่มขนาดเล็ก ลำต้นสีน้ำตาล ตั้งตรง มีขนนุ่ม
ใบ (Foliage) :  ใบเดี่ยว เรียงสลับ ใบมีรูปร่างหลายแบบทั้งเเบบใบรูปกลม รูปไข่ รูปรีหรือรูปหัวใจ กว้าง 7-9 เซนติเมตร  ยาว 12-14 เซนติเมตร ปลายใบมนหรือแหลมเรียวยาวคล้ายหาง โคนใบเว้า ขอบใบหยักหรือจักแบบฟันเลื่อย แผ่นใบมีหลายสีแล้วแต่พันธุ์ เข่น สีเหลืองอ่อน น้ำตาลแดง หรือมีจุดประสีต่างๆ
ดอก (Flower) : สีขมพู ออกเป็นข่อแบบช่อเชิงลดที่ปลายกิ่ง ช่อดอกตั้งขึ้น ดอกย่อยมีขนาดเล็ก โคนกลีบดอกเชื่อมกันเป็นหลอด
ผล (Fruit) : ผลแห้งแตก
การใช้งานด้านภูมิทัศน์ (Landscape Used) : ปลูกเป็นกลุ่มประดับสวน ปลูกเป็นรั้ว ริมถนน ทางเดิน  ตัดเเต่งทรงพุ่ม ปลูกริมทะเลได้
ประโยชน์ :  ใบมีสรรพคุณใช้คั้นหยอดแก้เจ็บตา แก้เจ็บหู ดอกใช้สมานแผล ห้ามเลือด



#4
ไม้พุ่ม / อังกาบ รหัส 7-34190-001-217
22 มิถุนายน 2013, 14:28:52 หลังเที่ยง
อังกาบ รหัส   7-34190-001-217
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Barleria cristata L.
ชื่อวงศ์ : Acanthaceae
ชื่อสามัญ : Philippine violet
ชื่อพื้นเมือง : ก้านชั่ง คันชั่ง อังกาบเมือง ลืมเฒ่าใหญ่
ทองระอา อังกาบกานพลู
ชนิดพืช [Plant Type] : ไม้ดอกล้มลุก
ลักษณะทั่วไป (Characteristic) : ไม้ดอกล้มลุก ลำต้นและกิ่งก้านมีขน
ใบ (Foliage) :    ใบเดี่ยว   เรียงตรงข้าม  ใบรูปรีถึงรูปรีแกมรูปขอบขนาน  กว้าง 1-4 เซนติเมตร  ยาว 3-12 เซนติเมตร  ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ แผ่นใบสีเขียวเข้ม
ดอก (Flower) :  สีขาว ม่วง หรือม่วงแถบขาว ออกเป็นดอกเดี่ยวหรือเป็นช่อแบบข่อเชิงลดตามซอกใบ  ใกล้
ปลายกิ่ง   ช่อละ 2-3 ดอก   กลีบเลี้ยงสีเขียวสั้น   ใบประดับสีขาวปนเขียว  รูปเรียวยาวปลายเเหลม  ขอบเป็น
หนาม    โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอด   ปลายแยกอยู่ชิดกันด้านบน 4 แฉก   รูปไข่ อยู่ด้านล่าง 1 แฉก รูปเกือบกลม ดอกบานเต็มที่กว้างประมาณ 3 เซนติเมตร
ผล (Fruit) : ผลแห้งแตก รูปรียาว
การใช้งานด้านภูมิทัศน์ (Landscape Used) : ดอกสวย ปลูกเป็นกลุ่มประดับสวนหย่อม ทำเป็นรั้ว ริมทางเดิน
ริมน้ำตก ลำธาร ริมทะเล ไม่ทนน้ำท่วมขัง
ประโยชน์ : รากมีสรรพคุณเป็นยาขับปัสสาวะและฟอกโลหิต
แหล่งที่พบ  หน้าห้องสมุด

#5
ไม้ล้มลุก / พลับพลึงตีนเป็ด รหัส 7-34190-001-219
22 มิถุนายน 2013, 14:24:56 หลังเที่ยง
พลับพลึงตีนเป็ด  รหัส  7-34190-001-219
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Hymenocallis littoralis Salisb.
ชื่อวงศ์ : AMARYLLIDACEAE
ชื่อสามัญ : Spider lily
ชื่อพื้นเมือง : -
ชนิดพืช [Plant Type] : ไม้พุ่ม
ลักษณะทั่วไป (Characteristic) : ไม้พุ่มขนาดเล็ก มีหัวใต้ดินลักษณะเป็นกลีบๆเรียงเวียนเป็นวงซ้อนอัดแน่นเป็นลำต้นเทียม เจริญเติบโตเป็นช่อชูส่วนของใบขึ้นมาเหนือดิน แตกกอ
ใบ (Foliage) :   ใบเดี่ยว  เรียงเวียนสลับถี่รอบต้น ใบรูปใบหอกแกมรูปขอบขนาน กว้าง 4-5 เซนติเมตร  ยาว 100-120 เซนติเมตร   ปลายเรียวมนถึงแหลมทู่ โคนใบแผ่เป็นกาบหุ้มลำต้น ขอบใบเรียบ แผ่นใบหนา  สีเขียว
เป็นมัน ปลายใบอ่อนโค้งลง
ดอก (Flower) : สีขาว มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ออกเป็นช่อแบบช่อซี่ร่มที่กลางต้น ก้านช่อดอกแข็งและค่อนข้างแบนยาว 30-45เซนติเมตร  ช่อละ 4-8 ดอก  ดอกย่อยเกิดเดี่ยวๆ บนปลายก้านดอกย่อย กลีบเลี้ยง 5 กลีบ  รูปเรียวยาว    กลีบดอกโคนกลีบดอกติดกันเป็นหลอด  ปลายแยกเป็น 6 แฉก   มีส่วนที่ยื่นออกมาเป็นรูปแถบเรียวเล็ก ดอกบานเต็มที่กว้าง 8-10 เซนติเมตร
ผล (Fruit) : ผลแห้งแตก เมล็ดรูปกลม สีดำ
การใช้งานด้านภูมิทัศน์ (Landscape Used) :  ดอกมีกลิ่นหอม  นิยมปลูกประดับสวน ริมน้ำตก ลำธาร ริมถนน ทางเดิน ปลูกในอาคาร ริมทะเล ทนน้ำขังแฉะ



#6
ไม้พุ่ม / ซองออฟอินเดีย รหัส 7-34190-001-220
22 มิถุนายน 2013, 14:21:06 หลังเที่ยง
ซองออฟอินเดีย รหัส  7-34190-001-220
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dracaena reflexa (Decne.) Lam.
ชื่อวงศ์ : AGAVACEAE   
ชื่อสามัญ : Song of India
ชื่อพื้นเมือง : -
ชนิดพืช [Plant Type] : ไม้พุ่ม
ลักษณะทั่วไป (Characteristic) :  ไม้พุ่มขนาดกลาง ลำต้นกลม ทรงพุ่มทึบบริเวณยอด แตกกิ่งตามข้อ แตกหน่อ
จากโคนต้น กิ่งอ่อนโน้มลงเล็กน้อย เปลือกสีน้ำตาลอมเทา
ใบ(Foliage) : ใบเดี่ยว เรียงเวียนสลับถี่ๆ ที่ปลายกิ่ง ใบรูปใบหอกกว้าง 1.5-2 เซนติเมตร ยาว 5-8 เซนติเมตร
ปลายใบแหลม  โคนใบเป็นกาบหุ้มลำต้น  ขอบใบเรียบ  ผิวใบด้านบนสีเขียว  ขอบใบเป็นสีเหลือง
ดอก (Flower) :    สีขาวนวล  ออกเป็นช่อแบบช่อกระจะที่ปลายกิ่ง  โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอด  ยาว
ประมาณ 0.5 เซนติเมตร  ไม่พบว่ามีดอกในประเทศไทย
ผล (Fruit) : ผลสด ค่อนข้างกลม เมื่อสุกสีแดงอมส้ม มีหลายเมล็ด
การใช้งานด้านภูมิทัศน์ (Landscape Used) :   ทรงพุ่มสวย  นิยมปลูกประดับเป็นไม้ประธานสวนหย่อม  ริมสระ
ว่ายน้ำ  ริมทะเล มุมอาคาร ในอาคาร ตัดแต่งพุ่มได้

#7
ไม้พุ่ม / ไคร้หอม รหัส 7-34190-001- 385
22 มิถุนายน 2013, 14:13:37 หลังเที่ยง
ชื่อวิทยาศาสตร์ Sauropus thorelii Beille
วงศ์ EUPHORBIACEAE
ลักษณะ
"ใคร่หอม" เป็นไม้ยืนต้นขนาดย่อม สูงเต็มที่ไม่เกิน 6.8 เมตร ลำต้นเดี่ยวตั้งตรง เนื้อไม้แข็ง กิ่งแขนงแตกเป็นพุ่มทึบและกิ่งอ่อนจะพันกันเหมือนไม้เถาเลื้อยเปลือกบาง ผิวเรียบ สีน้ำตาลแดง ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ ออกเรียงสลับ 6-8 คู่ รูปใบหอบแกมรูปรี ปลายและโคนแหลม ก้านใบยาว 1-1.5 ซ.ม. ขอบใบเป็นคลื่น เวลาใบดกจะเป็นพุ่มแน่นให้ร่มเงาดี
ดอก จะโดดเด่นเป็นพิเศษคือ เป็นสีแดงอมม่วงขนาดเล็กมาก ออกเป็นช่อกระจุกคล้ายช่อดอก "มะเฟือง" หรือ "มะยม" ตามลำต้นและตามกิ่ง ตามซอกใบ แต่ละช่อ 50-100 ดอก มีกลิ่นหอมเย็นคล้ายกลิ่นเครื่องยาจีน เป็นที่น่าประหลาดใจยิ่ง เวลาได้สูดดมจะรู้สึกกระปรี้กระเปร่าหายเหนื่อย มีกำลังวังชาขึ้นมาอย่างเหลือเชื่อ ลักษณะดอกมีกลีบดอก 5 กลีบ มีเกสรตัวผู้สีม่วงโผล่พ้นกลีบดอก 2-3 อัน ผลสดสีเขียวรูปกลมแบนคล้ายผล "มะยม" แต่จะโตกว่า แบ่งเป็น 3-5 พู ภายในมีเมล็ด ดอกมีตลอดปี ขยายพันธุ์ด้วยวิธีเพาะเมล็ดกับตอนกิ่ง "ใคร่หอม" เหมาะจะปลูกทั้งแบบลงดินกลางแจ้งหรือปลูกลงกระถางตั้งวางในที่มีแดดส่องถึง รดน้ำบำรุงปุ๋ยสม่ำเสมอจะเติบโตเร็วและมีดอกไม่ขาดต้น โดยเฉพาะกลิ่นหอมของดอกจะเพิ่มพลังอย่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่ง
สรรพคุณ  ไล่ยุงไล่แมลง   แก้โรคกระเพาะ  ไซนัสอักเสบ  ผื่นคัน
#8
ไม้พุ่ม / หนุมานประสานกาย รหัส 7-34190-001- 384
22 มิถุนายน 2013, 13:47:33 หลังเที่ยง
ชื่อวิทยาศาสตร์  Schefflera leucantha R. Vig.
วงศ์    ARALIACEAE
ชื่ออื่นๆ(Other Name):ว่านอ้อยช้าง
หนุมานประสานกายเป็นไม้พุ่มแกมเถา  สูง 1-4 เมตร  ใบ ประกอบแบบนิ้วมือ เรียงสลับ  ใบย่อยรูปวงรี หรือรูปใบหอก กว้าง 1-3 ซม. ยาว 5-8 ซม.  ดอกช่อ  ช่อออกที่ปลายกิ่ง กลีบดอกสีนวล  ผล  สด รูปทรงกลม  การขยายพันธุ์  ปักชำต้น
ประโยชน์  ใบ แก้โรคในสมอง แก้โรคต่อมทอนซิลอักเสบ คออักเสบ  แก้วัณโรคปอด  ขยายหลอดลม  แก้ภูมิแพ้  แก้พิษต่างๆ และสมานแผล

วิธีและปริมาณที่ใช้ :
รักษาโรคหืด แพ้อากาศ ขับเสมหะ และโรคหลอดลมอักเสบ
ใช้ใบสดเล็กๆ 9 ใบ ต้มกับน้ำ 3 ถ้วยแก้ว เคี่ยวให้เหลือ 1 ถ้วยแก้ว รับประทานวันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหาร เช้า-เย็น เป็นเวลา 49 วัน หืดควรจะหาย
ยาแก้อาเจียนเป็นเลือด
ใช้ใบสด 12 ใบย่อย ตำคั้นน้ำ 2 ถ้วยตะไล รับประทานครั้งละ 1 ถ้วยตะไล ติดต่อกัน 5-7 วัน
ใช้รักษาวัณโรค
ใช้เหมือนวิธีที่ 1 ติดต่อกัน 60 วัน แล้ว x-ray ดู ปอดจะหาย แล้วให้รับประทานต่อมาอีกระยะหนึ่ง

#9
ไม้พุ่ม / ชบาสีฟ้า รหัส 7-34190-001- 383
22 มิถุนายน 2013, 13:45:06 หลังเที่ยง
ชบาสีฟ้า  รหัส  7-34190-001- 383
ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Hibiscus rosa-sinensis L.
ชื่อวงศ์ : MALVACEAE
ชื่อสามัญ  Hibiscus Blue
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง เนื้ออ่อน เปลือกค่อนข้างเหนียว ลำต้นสูงประมาณ 8 ฟุต  ใบ เดี่ยว ลักษณะของใบมนรี ปลายแหลม โคนใบมน ฐานใบกว้าง ขอบใบหยัก สีเขียวเข้ม ชบามีรูปดอกอยู่หลายชนิด จะแตกต่างกันตามพันธุ์ มีทั้งชนิดดอกซ้อนและดอกรา มีทั้งดอกเล็กและดอกใหญ่ สีก็จะต่างกันด้วย เช่น สีชมพู แดง แสด ขาว เหลือง ม่วง และดอกจะมีเกสรอยู่ตรงกลาง ออกดอกในหน้าร้อน
เป็นดอกไม้ที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โปรดสี ไม้ชนิดนี้นำเข้าจากต่างประเทศ เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ไปทรงเยือนรัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา อย่างเป็นทางการ เมื่อปี 2503 และศาสตราจารย์พิเศษ ประชิด วามานนท์ ได้เขียนเล่าไว้ว่าใน 2509 ได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ณ วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  ทรงรับสั่งให้ ศ.ดร.ประชิด ทำการขยายพันธุ์ชบาสีฟ้าให้มากๆ
ประโยชน์ : ปลูกเป็นไม้ประดับ พันธุ์แท้ รากตำสดพอกฝี รับประทานช่วยขับน้ำย่อย ทำให้เจริญอาหาร ดอกสดใช้ขัดรองเท้าให้มัน
#10
ประทัดฟิลิปปินส์  ประทัดไต้หวัน  รหัส  7-34190-001- 382  
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Hamelia patens Jacq.
ชื่อวงศ์ : RUBIACEAE
ชื่อสามัญ : Scarlet bush, Fire bush, Coloradillo
ชื่อพื้นเมือง : ประทัดฟิลิปปินส์ ประทัดทอง ประทัดเล็ก
ลักษณะทั่วไป (Characteristic) : ไม้พุ่มขนาดกลาง ลำต้นแตกกิ่งก้านเป็นพุ่มกลม กิ่งก้านมีสีน้ำตาลแดงเรื่อ
ใบ (Foliage) : ใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามหรือรอบข้อประมาณ 3 ใบ ใบรูปรีถึงรูปไข่ กว้าง 5-7 เซนติเมตร  ยาว
5-10 เซนติเมตร   ปลายใบแหลม  โคนใบมน ขอบใบเรียบ แผ่นใบเป็นคลื่นเล็กน้อย   ผิวใบด้านบนสีเขียวอม
เหลือง เป็นมัน
ดอก (Flower) :    สีส้มแดง   ออกเป็นช่อแบบช่อกระจุกตามซอกใบและปลายกิ่ง   โคนกลีบดอกเชื่อมติดกัน
เป็นหลอดแคบเล็ก ปลายแยก 4 แฉก หยักเป็นแฉกเล็กๆ
ผล (Fruit) :   ผลสดแบบมีเนื้อ  รูปไข่  กว้างประมาณ 6 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 8 มิลลิเมตร เมื่อแก่มีสีดำ
มีเมล็ดจำนวนมาก
การใช้งานด้านภูมิทัศน์ (Landscape Used) : ปลูกประดับสวน ตัดแต่งเป็นรูปทรงได้ดี แนวรั้ว เกาะกลางถนน ริมทางเดิน บังกำแพง ริมสระว่ายน้ำ ปลูกริมทะเล ไม่ทนน้ำท่วมขัง
#11
ไม้ล้มลุก / หญ้าละออง รหัส 7-34190-001- 381
22 มิถุนายน 2013, 13:39:17 หลังเที่ยง
หญ้าละออง  รหัส  7-34190-001- 381   
ชื่อวิทยาศาสตร์: Vernonia cinerea (L.) Less. (Compositae)
ชื่อสามัญ: Iron weed
ชื่อวงศ์  ASTERACEAE
ชื่ออื่นๆ ก้านธูป เซียวซัวเฮา ถั่วแฮะดิน ฝรั่งโคก เสือสามขา หญ้าดอกขาว  หญ้าสามวัน หมอน้อย ash-coloured fleabane
ไม้วงศ์เดียวกับทานตะวันสาบเสือเป็นพืชพันธุ์ล้มลุกอายุฤดูเดียวต้นสูง15-60 เซนติเมตรตามลำต้นเป็นร่องและมีขนใบเป็นใบเดียวเกิดแบบสลับใบล้างๆ มักจะมีลักษณะป้อมและโคนใบจะสอบเข้าหาเส้นกลางใบทั้งสองข้างส่วนใบ ตอนบนๆจะมีรูปเรียวยาวดอกออกเป็นช่อสีม่วงปนแดงเมื่อดอกแก่จะเปลี่ยน เป็นสีขาวเมล็ดเล็กมีขนยาวสีขาวช่วยในการกระจายพันธุ์ออกดอกตลอดป ีพบขึ้นทั่วไปตามที่รกร้างในบางท้องที่เรียกหญ้าดอกขาว หรือหมอน้อย
ประโยชน์  ใช้เป็นสมุนไพร  ช่วยลดความดันโลหิต  แก้ไข้  ปวดท้อง  แผลบวมอักเสบ ช่วยลดการสูบบุหรี่ได้  ใบสดตำพอกสมานแผลหรือรักษากลากเกลื้อน  รากสดต้มน้ำดื่มขับพยาธิ  เมล็ดตำพอก
#12
ไม้ต้น / ฝรั่ง รหัส 7-34190-001-218
22 มิถุนายน 2013, 13:23:54 หลังเที่ยง
ฝรั่ง  รหัส  7-34190-001-218 
ชื่อวิทยาศาสตร์ :    Psidium guajava  L.
ชื่อสามัญ :  Guava
วงศ์ :    MYRTACEAE
ชื่ออื่น :  สุราษฎร์ธานี จุ่มโป่, ปัตตานี ชมพู่, เชียงใหม่ มะก้วย, เหนือ มะก้วยกา มะมั่น, แม่ฮ่องสอน มะกา, ตาก มะจีน, ใต้ ยามู ย่าหมู, นครพนม สีดา, จีนแต้จิ๋ว ปั๊กเกี้ย
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ต้น ขนาดกลาง สูง 3-5 เมตร ผิวเปลือกต้นเรียบเกลี้ยง กิ่งอ่อนเป็นสี่เหลี่ยม ใบ หนา หยาบ ใต้ท้องใบเป็นริ้ว เห็นเส้นใบชัดเจน ขนขึ้นนวลบาง ใบยาวประมาณ 10 ซม. กว้างประมาณ 6 ซม. ดอกช่อ ช่อหนึ่งมีดอกย่อย 3 - 5 ดอก ดอกเล็ก สีขาวอมเขียวอ่อน กลีบเลี้ยงแข็ง ผล รูปทรงกลม รูปไข่ หรือรูปรี ผิว เกลี้ยง สีเขียว เนื้อในขาว รสหวาน กรอบ ผลสุกสีเหลือง- เขียว มีเมล็ดเล็กๆ แข็งอยู่ภายใน
ส่วนที่ใช้ : ใบเพสลาด ผลอ่อนสด ผลสุก เปลือกต้นสดๆ ราก
สรรพคุณ :
          ฝรั่งมีสารแทนนินอยู่มาก สารนี้มีฤทธิ์ฝาดสมานน้ำมันหอมระเหยในใบฝรั่ง    สารแทนนินในฝรั่งยังยับยั้งการลุกลามของเชื้อโรค ช่วยสมานท้องและลำไส้ โดยช่วยลดอาการอักเสบของกระเพาะลำไส้ และช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียน และยังช่วยอาการเกร็งตัวของลำไส้ ทำให้อาการปวดท้องบรรเทาลงได้ แก้ปวดเบ่ง
    ใบ  -   แก้ท้องเสีย ท้องร่วง ท้องเดิน (ที่ไม่ใช่บิด หรืออหิวาตกโรค)  เป็นยาห้ามเลือด ใส่แผลสด ใช้ใบ 2-3 ใบเคี้ยวๆ ระงับกลิ่นปาก แก้ฝี เป็นยาล้างแผล ดูดหนองและถอนพิษบาดแผล แก้เหงือกบวม แก้พิษเรื้อรัง แก้ปวดเนื่องจากเล็บขบ แก้แพ้ยุง
    ผลอ่อน - แก้ท้องเสีย ท้องร่วง ท้องเดิน ระงับกลิ่นปาก แก้บิดมูกเลือด มีไวตามินซีมาก เป็นกันหรือแก้โรคเลือดออกตามไรฟัน (ลักปิดลักเปิด) บำรุงเหงือกและฟัน บำรุงผิวพรรณ
    ผลสุก - มีสารเพ็กตินอยู่มาก ใช้รับประทานเป็นยาระบายได้
    ราก - แก้น้ำเหลืองเสีย เป็นฝี แผลพุพอง แก้เลือดกำเดาไหล
[/font][/size][/size]
#13
ไม้ต้น / กล้วยแดง รหัส 7-34190-001-216
22 มิถุนายน 2013, 13:06:37 หลังเที่ยง
กล้วยแดง รหัส   7-34190-001-216     
ชื่อวิทยาศาสตร์           Heliconia indica Lamarck cv     . Spectabilis.
ชื่อวงศ์            HELICONIACEAE
ชื่อสามัญ          -
ชื่ออื่น             กล้วยป่าอ่างขาง กล้วยแดง
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
        ต้น ลำต้นสูงประมาณ 2.5 - 4 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 15 เซนติเมตร กาบลำต้น ด้านนอกสีเขียวอมเหลือง มีประดำเล็กน้อย ด้านในสีเหลืองอ่อน ใบ ก้านใบสีเขียวอมเหลือง และมีประเล็กน้อยดอก ก้านดอกมีขน ปลีรูปไข่ ปลายมน ด้านบนสีเหลืองอมม่วงเข้ม ไม่มีนวล ด้านล่างมีสีครีม แต่ละใบเรียงซ้อมกันลึกและเมื่อกาบปลีหลุดมีสันตื้น ผล เครือหนึ่งมี 5 - 7 หวี หวีหนึ่งมี 9 - 13 ผล ผลป้อมปลายทู่ โดนเรียงก้านผลยาว เกือบเท่าความยาวของผล เนื้อสีเหลืองและมีเมล็ด
การขยายพันธุ์ :   แยกหน่อ เพาะเมล็ด
การใช้ประโยชน์
           ปลีนำมาปรุงอาหาร รากแห้ง ใช้ขับประจำเดือน กระจายลม บำรุงธาตุรักษาโรคริดสีดวงทวาร
นิเวศน์วิทยา
          มีถิ่นกำเนิดในอินโดจีน