• Welcome to งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน โรงเรียนวารินชำราบ สพม. เขต 29.
 

ข่าว:

โรงเรียนได้รวบรวม พืชพรรณ นานาชนิดกว่า 600 ชนิด ที่ถูกรวบรวม เรียบเรียงไว้อย่างเป็นระบบ สืบค้นได้ง่าย

Main Menu
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - ณรงค์ สิงทองทัศน์

#1
ไม้ต้น / หูกระจง รหัส 7-34190-001-485
22 มิถุนายน 2013, 10:56:07 ก่อนเที่ยง
    ชื่อวิทยาศาสตร์ : Terminalia ivoriensis A. Chev.
    ชื่อวงศ์ : Combretaceae
    ชื่อสามัญ : -
    ชื่อพื้นเมือง : หูกวางแคระ
        ชนิดพืช [Plant Type] : ไม้ต้น
        ขนาด [Size] : สูง 15-20 เมตร
        สีดอก [Flower Color] : สีขาว
        ฤดูที่ดอกบาน [Bloom Tiem] : เกือบตลอดปี
        อัตราการเจริญเติบโต [Growth Rate] : เร็ว
        ลักษณะนิสัย [Habitat] : ขึ้นได้ในดินทั่วไป
            ความชื้น [Moisture] : ปานกลาง
            แสง [Light] : แดดเต็มวัน

    ลักษณะทั่วไป (Characteristic) : ไม้ต้นขนาดกลาง ผลัดใบ เรือนยอดรูปไข่ หนาทึบ เปลือกสีน้ำตาลแตกเป็นร่อง
สีน้ำตาลอมเหลือง แตกกิ่งในแนวราบเป็นชั้นๆคล้ายฉัตร 
        ใบ (Foliage) : ใบเดี่ยว เรียงเวียนสลับถี่ที่ปลายกิ่ง ใบรูปไข่กลับ กว้าง1-1.5 เซนติเมตร ยาว1.5-3 เซนติเมตร
ปลายใบเป็นติ่งแหลมอ่อน   โคนใบสอบแคบ เว้า  มีต่อม 1 คู่  ขอบใบเรียบ  แผ่นใบหนา  ผิวใบด้านบนสีเขียว
เป็นมัน
        ดอก (Flower) :   สีขาว   ออกเป็นช่อแบบช่อแยกแขนงตามซอกใบที่ปลายกิ่ง  ดอกสมบูรณ์เพศ  มีขนาดเล็ก
        ผล (Fruit) :  ผลสด รูปไข่หรือป้อมรี ขนาดเล็ก เมล็ดมีปีก 2-5 ปีก มีเมล็ดเดียว
    การใช้งานด้านภูมิทัศน์ (Landscape Used) :   ทรงพุ่มสวย   พุ่มใบละเอียดเป็นชั้นๆสวยงาม   ปลูกประดับสวน อาคาร ให้ร่มเงา ริมถนน ลานจอดรถ ปลูกในพื้นที่กว้าง เช่น สวนสาธารณะ
[/font][/size]
#2
ไม้พุ่ม / ขลู่ รหัส 7-34190-001-484
22 มิถุนายน 2013, 10:54:10 ก่อนเที่ยง
ขลู่
ต้นขลู่ ใบขลู่ ขลู่ ชื่อวิทยาศาสตร์ รอบรู้เรื่อง สมุนไพรต้นขลู่
ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Pluchea indica  (L.) Less.
ชื่อสามัญ :  Indian Marsh Fleabane
วงศ์ :   Asteraceae (Compositae)
ชื่ออื่น :  หนวดงั่ว หนวดงิ้ว หนวดงัว หนาดวัว (อุดรธานี) ขี้ป้าน (แม่ฮ่องสอน) คลู ขลู (ภาคใต้)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ พุ่ม สูง 1-2.5 เมตร เปลือกต้นเรียบ สีน้ำตาล ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงเวียน รูปรี ปลายใบเรียวแหลม โคนใบสอบ ขอบใบจักเป็นฟันเลื่อยห่างๆ สีเขียว ก้านใบสั้น ดอก ออกเป็นช่อแยกขนงตามปลายยอด ช่อย่อยเป็นช่อกระจุกแน่น ดอกสีม่วงอ่อน ดอกย่อยมี 2 แบบ ตรงกลางเป็นดอกสมบูรณ์เพศ ดอกที่เหลืออยู่รอบๆ เป็นดอกเพศเมีย กลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 5 แฉก ผล เป็นผลแห้งเมล็ดล่อน รูปทรงกระบอก เป็นสันเหลี่ยม 10 สัน
ส่วนที่ใช้ :  ทั้งต้นสด หรือแห้ง เปลือก ใบ เมล็ด ดอก (นิยมใช้เฉพาะใบ)
สรรพคุณ :
•   ทั้งต้นสด หรือแห้ง - ปรุง เป็นยาต้มรับประทานขับปัสสาวะ แก้โรคนิ่วในไต แก้ปัสสาวะพิการ แก้วัณโรคที่ต่อมน้ำเหลือง เป็นยาช่วยย่อย แก้ริดสีดวงทวารหนัก ริดสีดวงจมูก
•   เปลือก ใบ เมล็ด  - แก้ริดสีดวงทวาร ริดสีดวงจมูก แก้กระษัย เป็นยาอายุวัฒนะ
•   ใบ - มี กลิ่นหอม ต้มน้ำดื่ม แทนเป็นน้ำชา เพื่อลดน้ำหนัก แก้ปวดเมื่อย ขับระดูขาว แก้แผลอักเสบ และต้มน้ำอาบบำรุงประสาท สำหรับแก้แผลอักเสบ อาจใช้ใบสดตำพอกบริเวณที่เป็น แก้ริดสีดวงทวาร ยาอายุวัฒนะ
•   ใบและราก - รับประทานเป็นยาฝาดสมาน แก้บิด แก้ไข้ ขับเหงื่อ แก้แผลอักเสบ ใช้รากสดตำพอกบริเวณที่เป็น
•   ดอก - แก้โรคนิ่ว
•   วิธีและปริมาณที่ใช้ :
•   เป็นยาแก้อาการขัดเบา
ใช้ ทั้งต้นขลู่ 1 กำมือ (สดหนัก 40- 50 กรัม แห้งหนัก 15- 20 กรัม ) หั่นเป็นชิ้นๆ ต้มกับน้ำดื่ม ครั้งละ 1 ถ้วยชา (75 มิลลิลิตร) วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร
•   เป็นยาริดสีดวงทวาร ริดสีดวงจมูก
ใช้เปลือกต้น ต้มน้ำ เอาไอรมทวารหนัก และรับประทาน แก้โรคริดสีดวงทวาร หรือใช้เปลือกต้น (ขูดเอาขนออก) แบ่งเป็น 3 ส่วน
ส่วนที่ 1 นำมาตากแห้ง ทำเป็นยาสูบ
ส่วนที่ 2 นำมาต้มน้ำรับประทาน
ส่วนที่ 3 ต้มน้ำเอาไปรมทวารหนัก
เปลือกบางของต้นขูดขนออกให้สะอาด ทำเป็นเส้นตากแห้ง คล้ายเส้นยาสูบ แก้ริดสีดวงจมูก
•   การใช้ขลู่ในใบชาลดความอ้วน !
การใช้ยาขับปัสสาวะในทางการแพทย์นั้น มักใช้เพื่อลดความดันโลหิต และเพื่อลดอาการบวมน้ำ อาจ มีที่ใช้ในกรณีอื่นอีกบ้าง แต่แพทย์ไม่ใช้ยาขับปัสสาวะ เพื่อลดความอ้วน สมุนไพรที่ใช้ชื่อว่า ใบชาลดความอ้วน ทั้งหลาย มักมีสมุนไพรที่มีฤทธิ์ขับปัสสาวะอยู่ด้วย เมื่อแพทย์ไม่ใช้ยาขับปัสสาวะเพื่อลดความอ้วน ทำไมผู้ที่มิใช้แพทย์จึงใช้สมุนไพรขับปัสสาวะเพื่อลดความอ้วน ? (ข้อนี้โปรดใช้วิจารณญาณ)
#3
ไม้ต้น / บุนนาค รหัส 7-34190-001-483
22 มิถุนายน 2013, 10:51:52 ก่อนเที่ยง
บุนนาค    (Bun-nak)  Iron wood, Indian rose chestnut
ชื่อวิทยาศาสตร์        Mesua ferrea Linn.
วงศ์    GUITTIFERAE
ชื่ออื่นๆ  ภาคใต้ : นาคบุตร (Nakbut) มลายู ปัตตานี : ปะนาคอ (Pa-na-kho)
ถิ่นกำเนิด       มาเลเซีย อินโดนีเซีย อินเดีย
รูปลักษณะ      ไม้ต้นขนาดกลางออกดอกเดี่ยวตามง่ามใบ  ดอกขาวนวลงามสะดุดตา ใบเขียวแก่ขนาดย่อมเป็นพุ่มทึบ รูปเจดีย์ สวยงามมาก
สรรพคุณและส่วนที่นำมาใช้เป็นยา
ดอกแห้ง - ใช้เข้ายาหอม บำรุงธาตุ เข้ายาแก้ลม บำรุงหัวใจ เป็นยาขับเสมหะ
ดอกสด - กลั่นให้น้ำมันหอมระเหย ใช้แต่งกลิ่นสบู่
ผล -ขับเหงื่อ ฝาดสมาน
เนื้อในเมล็ด - ตำพอกแผล
#4
ไม้ต้น / ตะขบฝรั่ง รหัส 7-34190-001-482
22 มิถุนายน 2013, 10:42:18 ก่อนเที่ยง
ตะขบฝรั่ง รหัส 7-34190-001-482
ชื่อวงศ์ : TILIACEAE
ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Muntingla calabura L.
ชื่อสามัญ   : Calabura ,Jamalcan ,cherry ,jam tree
ชื่อพื้นเมืองอื่น :  ครบฝรั่ง (สุราษฏร์ธานี)ตะขบ , ตะขบฝรั่ง(ภาคกลาง)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์   ไม้ต้นขนาดเล็ก (ExST) สูงประมาณ 5-7 เมตร เปลือกสีเทา กิ่งแผ่สาขาขนานกับพื้นดิน ตามกิ่งมีขนปกคลุม ขนนุ่ม และปลายเป็นตุ่ม ยอดอ่อนเมื่อจับดูรู้สึกเหนียวมือเล็กน้อย
ใบ เป็นใบเดียว เรียงสลับแบบทแยงกัน ลักษณะใบรูปขอบขนานแกรมรูปไข่ ปลายใบเรียวแหลม โคนใบข้างหนึ่งมน ข้างหนึ่งแหลม ขอบใบหยัก มีขนปกคลุมหนาแน่ เส้นใบมี 3-5 เส้น ด้านบนสีเขียวด้านล่างสีนวล ก้านใบยาว มีขน โคนก้านเป็นปม ๆ
ดอก ดอกเดี่ยว ๆ หรือเป็นคู่ เหมือนง่ามใบ เวลาบานมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 เซนติเมตร ก้านดอกยาว มีขน กลีบรองกลีบดอก 5 กลีบ ไม่ติดกัน สีเขียว รูปหอก ปลายแหลมเป็นหางยาว โคลนกลีบตัดด้านนอกมีขน ด้านในเกลี้ยง กลีบดอก 5 กลีบ สีขาว รูปไข่กลับป้อม ๆ ย่น เกลี้ยง
ผล ลักษณะลูกทรงกลม ผิวบางเรียบ ขนาด 1.5 เซนติเมตร เมื่อสุกมีสีแดง รสหวาน
เมล็ด มีลักษณะเล็ก ๆ จำนวนมาก
นิเวศวิทยา มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้ ขึ้นทั่วไปตามพื้นที่ในเขตร้อน เกิดตามที่รกร้างว่างเปล่า หรือตามป่าโปร่งทั่วไป นิยมปลูกเป็นไม้ร่มเงาตามบ้านเรือน การปลูกและขยายพันธุ์เป็นไม้กลางแจ้งที่ปลูกง่ายโตเร็ว เจริญเติบโตได้ดีในดินทั่ว ๆ ไปขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด หรือต้นที่เกิดขึ้นใหม่
ประโยชน์ทางยา
รสและสรรพคุณในตำรายา
เปลือกต้น รสฝาด เป็นยาระบาย เพราะมีสารพวก Mucilage มากใบ รสฝาดเอียน ใช้ในการขับเหงื่อ ดอก รสฝาด แก้ปวดศีรษะ แก้หวัด ปวดเกร็งในทางเดินอาหาร ลดไข้ ต้มรวมกับสมุนไพรอื่น ๆ เอาน้ำดื่มเป็นยาขับระดู และแก้โรคตับอักเสบ ผล รสหวานเย็น มีกลิ่นหอมบำรุงกำลัง ทำให้ชุ่มชื่นหัวใจ ราก รสฝาด กล่อมเสมหะและอาจม
วิธีใช้และปริมาณที่ใช้
1. เป็นยาระบาย โดยใช้เปลือกต้นสด หรือแห้ง ประมาณ 1 ฝ่ามือสับเป็นชิ้นต้มในน้ำเดือด 1 ลิตร ประมาณ 15 นาที กรองเอาน้ำดื่ม ซึ่งในเปลือกจะมีสารพวก Mucilage มาก ซึ่งเป็นยาระบายที่ดี
2. แก้ปวดศีรษะ แก้หวัด ปวดเกร็งในระบบทางเดินอาหาร และลดไข้โดยใช้ดอกแห้ง 3-5 กรัม ชงเป็นน้ำชาดื่ม
ข้อควรทราบ
ผลสุกจะมีรสหวานเย็น กลิ่นหอม รับประทานแล้วจะเป็นยาบำรุงกำลังทำให้ชุ่มชื่นหัวใจ

#5
ไม้รอเลื้อย / สายหยุด รหัส 7-34190-001-481
22 มิถุนายน 2013, 10:08:51 ก่อนเที่ยง
สายหยุด รหัส 7-34190-001-481
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Desmos chinensis Lour.
ชื่อวงศ์ : Annonaceae
ชื่อสามัญ : Sai-Yood
ชื่อพื้นเมือง : กล้วยเครือ, สาวหยุด, เสลาเพชร
ถิ่นกำเนิด : ทางตอนใต้ของประเทศจีน
ประโยชน์ : ดอกใช้ เข้ายาหอม บำรุงหัวใจ ลำต้นและรากใช้เข้ายาอาบ อบรักษาผู้ติดยาเสพติด
ลักษณะทั่วไป : ไม้พุ่มรอเลื้อย เลื้อยได้ไกลนับสิบเมตร
ฤดูการออกดอก : ออกดอกตลอดปี แต่มีดอกดกมากในช่วงต้นฤดูฝน
เวลาที่ดอกหอม : ส่งกลิ่นหอมตั้งแต่เย็น หอมแรงในตอนกลางคืน และหยุดส่งกลิ่นหอมในช่วงสาย
การขยายพันธุ์ : ขยายพันธุ์โดยเพาะเมล็ดและตอนกิ่ง บางต้นมีลักษณะเป็นไม้พุ่มและไม้เลื้อย ถึงแม้ว่าจะมีอายุหลายปีก็ตาม แต่ส่วนใหญ่เป็นไม้พุ่มรอเลื้อยควรคัดเลือกพันธุ์ที่มีดอกใหญ่ ดอกดก สีเหลืองส้ม ซึ่งมีลักษณะไม่เลื้อยมากนักเพื่อปลูกเป็นไม้กระถาง แล้วให้ตั้งต้นได้เองโดยไม่ต้องใช้ไม้ปักพยุงลำต้น ชอบดินชื้นระบายน้ำดี และอยู่ในที่ร่มรำไร หากปลูกกลางแจ้งควรเป็นบริเวณที่มีความชื้นในอากาศค่อนข้างสูง การตัดแต่งกิ่งแก่จะช่วยให้แตกกิ่งใหม่และมีดอกขนาดใหญ่
ข้อมูลอื่น ๆ : ใบ  เป็นใบเดี่ยว เรียงสลับสองด้านในระนาบเดียวกันของกิ่ง รูปใบหอกแกมขอบขนาน กว้าง 3-7 เซนติเมตร ยาว 6-18 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบมนหรือใหญ่กว่ากลีบชั้นใน กลีบดอกแต่ละพันธุ์มีขนาดแตกต่างกันมากมาย มีความกว้างตั้งแต่ 0.3-3 เซนติเมตร และยาวตั้งแต่ 2.5-10 เซนติเมตร ดอกอ่อนมีสีเขียว เมื่อบานเปลี่ยนเป็นสีเหลือง สีเหลืองส้ม หรือสีส้ม
ผล  เป็นผลกลุ่ม มีผลย่อย 8-12 ผล แต่ละผลรูปทรงกระบอก กว้าง 0.5-0.7 เซนติเมตร ยาว 3-5 เซนติเมตร ผลคอดรัดเมล็ดเป็นช่วง ๆ ผลละ 3-6 เมล็ด
สายหยุด : จากป่ามาสู่สวน
สายหยุดออกดอกได้ตลอดทั้งปี  ขึ้นอยู่กับดินฟ้าอากาศและความสมบูรณ์ของต้น จึงมักมีดอกมากช่วงฤดูฝนและต้นฤดูหนาว (ปลายฝนต้นหนาว)
ประโยชน์ของสายหยุด
ในด้านสมุนไพร   รากของสายหยุดใช้เป็นยาแก้บิด ดอกสายหยุดนำไปสกัดน้ำมันหอม ซึ่งอาจใช้บำบัด โรคตามวิธีอะโรมาเทอราปี (Aroma therapy) หรือใช้ทำน้ำหอมสำหรับเครื่องสำอางต่างๆ
ในด้านไม้ดอกไม้ประดับ  นั้นสายหยุดเหมาะสำหรับปลูกในสวนไม้ดอก หรือในบริเวณบ้าน โดยทำนั่งร้านให้สายหยุดเลื้อยขึ้นไปปกคลุมอยู่ด้านบน เช่นเดียวกับเล็บมือนาง