• Welcome to กระดานข่าว...โรงเรียนวารินชำราบ.
 

ข้อมูลเกี่ยวกับการขอทุนการศึกษา

เริ่มโดย ieeintern, วันที่ 01 กุมภาพันธ์ 2011, เวลา 08:11:48 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ieeintern

20 คำถามเกี่ยวกับทุนในเมืองไทย

* ทุนไทยพัฒน์คืออะไร

ทุนนี้เป็นทุนการศึกษาที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัวภูมิพลอดุลยเดช มหาราชพระราชทานชื่อทุน "ไทยพัฒน์" ซึ่งเป็นทุนที่ได้จัดสรรเพื่อนักเรียนที่กำลังศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอน ปลายกระจายทั่วทุกภาคของประเทศ เพื่อให้มีโอกาสไปศึกษาต่อในต่างประเทศ เพื่อเตรียมกำลังคนในการกลับมาพัฒนาประเทศในสาขาวิชาต่าง ๆ

* ทุนไทยพัฒน์กับทุนเล่าเรียนหลวงแตกต่างกันอย่างไร

แตกต่างกันตรงที่การจัดสรรทุน เนื่องจากที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มมีการให้ทุนเล่าเรียนหลวง ผู้ที่ได้รับทุนส่วนใหญ่เป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ แทบทั้งสิ้น ดังนั้น ผู้ที่อาศัยอยู่ในต่างจังหวัด และเรียนในต่างจังหวัดจึงมีโอกาสได้รับทุนเล่าเรียนน้อยกว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราพระองค์ทรงเล็งเห็นว่านักเรียนทั่วทุกภาค ของประเทศควรได้รับสิทธิ์ในการรับทุนไปศึกษาต่อต่างประเทศเช่นกันพระองค์จึง ทรงพระราชทานชื่อทุนนี้ขึ้น โดยทุนนี้มีการกำหนดจำนวนนักเรียนผู้มีสิทธิ์รับทุนไว้อย่างเท่าเทียมทั่ว ทุกภาคของประเทศ

* ทุนรัฐบาลมีข้อผูกพันกับผู้ขอทุนอย่างไร

สำหรับทุนรัฐบาลทุกประเภทมีข้อผูกพันในเรื่องของการกลับมาทำงานใช้ทุนใน ประเทศไทย ส่วนมากแล้วต้องกลับมาทำงานรับราชการเพื่อชดใช้ทุนเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 2 เท่าของระยะเวลาที่ไปศึกษาต่อ เช่น ขอทุนจาก ก.พ. ไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกา เป็นเวลา 2 ปี เราต้องกลับมาทำงานในหน่วยงานราชการที่ให้ทุนในเมืองไทยเป็นเวลา 4 ปี เป็นต้น

* เมื่อได้รับทุนรัฐบาลไปเรียนจนจบแล้ว ไม่กลับมาทำงานใช้ทุนที่เมืองไทยได้หรือไม่

ได้ แต่ถ้าผู้ที่ได้รับทุนไปแล้วไม่สามารถปฏิบัติตามข้อผูกพันของทุนรัฐบาลได้ นั้น ต้องชำระค่าปรับเต็มจำนวนกับทุนที่ได้รับแล้วและต้องจ่ายเพิ่มค่าปรับเพิ่ม อีก 2 เท่าของทุนที่ได้รับไป แต่ทางที่ดีก่อนสมัครรับทุนควรคิดอย่างรอบคอบเสียก่อนว่าต้องการกลับมาทำงาน รับราชการ หรือต้องการกลับมาช่วยทำงานพัฒนาประเทศไทยหรือไม่ ซึ่งถ้าตอบว่าไม่ ก็ไม่ควรสมัครขอรับทุนรัฐบาลตั้งแต่ต้น

* ทุนการศึกษาในเมืองไทยมีกี่ประเภท อย่างใดบ้าง

ทุนที่ให้โดยองค์กรในประเทศไทยนั้นแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทด้วยกันคือ ทุนรัฐบาลและเอกชน โดยทุนทั้ง 2 ประเภทนี้มีทุนที่เป็นแบบมีข้อผูกพัน และเป็นทุนให้เปล่ากล่าวคือ ผู้ที่ขอทุนนั้น ๆ ไม่ต้องกลับมาทำงานชดใช้ทุนหรือปฏิบัติตามข้อกำหนดหลังจากได้รับทุนจนจบการ ศึกษาแล้ว

* อยากสอบถามข้อมูลเรื่องทุนสามารถสอบถามได้ที่ไหนบ้าง

ถ้าเป็นทุนรัฐบาลสามารถสอบถามข้อมูลโดยละเอียดได้ที่ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ถนนพิษณุโลก (ตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล) โทร. 0-2281-3333 และศูนย์แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ สำนักงานก.พ. ที่ สยามสแควร์ ซอย 7 โทร. 0-2252-9737-8 หรือสายด่วน 1786 หรือที่เว็บไซต์ www.ocsc.go.th, www.studyabroad.ocsc.go.th

* หากต้องการจะหาข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับทุน ควรเริ่มได้ที่ไหนบ้าง

นอกจากสำนักงาน ก.พ. หรือตามเว็บไซต์ขององค์กรต่าง ๆ ที่เราต้องการขอทุนแล้ว ก็ยังมีวิธีทางอื่นในการเข้าถึงข้อมูลทุนการศึกษาอีก เช่น เว็บไซต์วิชาการดอทคอม (www.vchakarn.com), นิตยสารการศึกษาวันนี้, หนังสือทุนเรียนฟรีมีทั่วโลก เป็นต้น

* ตอนนี้มีศูนย์ที่ดูแลนักเรียนไทยในต่างประเทศที่ไหนบ้าง

สำหรับศูนย์ดูแลนักเรียนไทยในต่างประเทศของรัฐบาล (ก.พ.) มีอยู่ในประเทศต่าง ๆ ดังนี้ ประเทศอังกฤษ (ลอนดอน), ประเทศสหรัฐอเมริกา (วอชิงตัน ดี.ซี.), ประเทศออสเตรเลีย (แคนเบอร์รา), ประเทศญี่ปุ่น (โตเกียว), ประเทศฝรั่งเศส (ปารีส) นักเรียนไทยสามารถเข้าไปปรึกษาและให้ความช่วยเหลือเรื่องราวต่าง ๆ ในขณะที่เรียนอยู่ในประเทศนั้น ๆ ได้

* ทุนสำหรับนักศึกษาแพทย์และพยาบาลมีบ้างไหม

ทุนกองทัพ, ทุนวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า,วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก, วิทยาลัยพยาบาลทหารอากาศ รวมถึงทุนไฟเชอร์ (Pfizer) ที่มีข้อแม้ว่าต้องเป็นนักศึกษาหรือนิสิตในคณะแพทยศาสตร์ สาธารณสุขศาสตร์เภสัชศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์ ที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยมหิดล ขอนแก่น เชียงใหม่ และสงขลานครินทร์ และทุน GSK (เพื่อพยาบาลโดยเฉพาะ) เป็นทุนที่ต้องการสนับสนุนทางด้านการศึกษาในสาขาพยาบาลศาสตร์และกลับมาทำงาน เป็นพยาบาลชุมชน ทั้งสองทุนหลังนี้เป็นทุนเอกชนที่มอบให้สำหรับนักเรียนแพทย์และพยาบาล เพื่อการเรียนระดับปริญญาภายในประเทศ

* ศูนย์แนะแนวของ ก.พ. กับศูนย์แนะแนวการศึกษาของเอกชนต่างกันอย่างไร

แตกต่างกันตรงที่ศูนย์แนะแนวการศึกษาต่อต่างประเทศของ ก.พ. ไม่ได้ดูแลนักเรียนที่ไปเรียนต่อต่างประเทศโดยทุนส่วนตัวโดยตรง และการไปขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการเรียนต่อ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น และไม่ได้เป็นตัวแทนของสถาบันการศึกษาใด ๆ โดย ก.พ. จะให้ข้อมูลทั่วไป ในขณะที่เอกชนเป็นตัวแทนของสถาบันการศึกษาต่าง ๆ

* ก.พ. มีหน้าที่อะไรบ้าง

สำนักงาน ก.พ. เป็นหน่วยงานของรัฐแห่งเดียวที่มีหน้าที่ดูแลจัดการการศึกษาแก่นักเรียนที่ ไปเรียนต่อยังต่างประเทศตามกฎหมาย และโดยหลักการแล้ว ก.พ. มีหน้าที่จัดการการศึกษาให้ความช่วยเหลือแก่นักเรียนที่เรียนต่อในต่าง ประเทศ และมีบทบาทสำคัญในการจัดสรรทุนต่าง ๆ ของรัฐบาลด้วย

* สามารถดูมาตรฐานของแต่ละสถาบันของประเทศต่าง ๆ ได้ที่ไหน

การตรวจสอบมาตรฐานสถาบันต่าง ๆ ที่เราต้องการไปเรียนต่อนั้น มีความสำคัญในเรื่องของการกลับมาใช้วิทยฐานะในการทำงาน ดังนั้นก่อนไปควรตรวจสอบให้ดีกว่าสถาบันเหล่านั้นได้รับการรับรองจากทาง ก.พ. หรือไม่สามารถตรวจสอบได้ที่ www.ocsc.go.th/structure/structure_assure_inter.asp

* นอกจากสำนักงาน ก.พ. ที่ถนนพิษณุโลกแล้ว ยังมีที่อื่น ๆ อีกไหมที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องทุนและการศึกษาต่อต่างประเทศ

เกี่ยวกับทุนต่าง ๆ สามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับทุนรัฐบาลได้ที่ ศูนย์แนะแนวการศึกษาต่อต่างประเทศของสำนักงาน ก.พ. ได้ที่สยามสแควร์ ซอย 7 โทร. 0-2252-9737

* นอกจากทุนระยะยาวแล้ว มีทุนระยะสั้นบ้างหรือเปล่า

นอกเหนือไปจากทุนเพื่อไปศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี-เอกแล้ว ยังมีการให้ทุนประเภทฝึกอบรมดูงานอีก เช่น ทุนสำหรับผู้บริหาร, ทุนพัฒนาอาจารย์ เป็นต้น โดยทุนเหล่านี้ผู้ที่ขอรับทุนจะได้ศึกษาเพียงระดับประกาศนียบัตรเท่านั้น แต่จำนวนของทุนก็มีมากกว่าทุนที่ไปศึกษาต่อในระดับปริญญา

* ทางรัฐบาลมีทุนสำหรับผู้พิการบ้างหรือเปล่า

ปัจจุบันทางรัฐบาลมีการจัดสรรทุนเพื่อผู้พิการไว้ด้วย เพื่อเปิดโอกาสให้ไปศึกษาต่อในต่างประเทศ โดยใน ปี พ.ศ. 2550 ได้มีการจัดสรรทุนดังนี้ ทุนสำหรับผู้พิการทางการเห็น ในสาขาวิชา Linguistic จำนวน 2 ทุน ระดับปริญญาโทที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และทุนสำหรับผู้พิการทางการได้ยิน ในสาขา ICT in Education ระดับปริญญาโท จำนวน 2 ทุน ที่ประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกา

* ทุน ก.พ. เปิดรับสมัครช่วงไหน

ทุนรัฐบาลที่ทางสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ได้ประกาศเปิดรับสมัครแบ่งออกเป็น 2 ระดับ คือ ระดับมัธยมศึกษา เพื่อรับทุนในการศึกษาต่อระดับปริญญาตรี จะเปิดรับสมัครในช่วงเดือนพฤศจิกายน เช่น ทุนเล่าเรียนหลวง, ทุนไทยพัฒน์, ทุนกลาง, ทุน ODOS เป็นต้น ส่วนทุนรัฐบาลที่มอบให้สำหรับที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีเพื่อรับทุนศึกษา ต่อในระดับที่สูงขึ้น จะเปิดรับสมัครรับทุนช่วงเดือนมีนาคมของทุกปี สามารถตรวจสอบรายละเอียดได้ที่ www.ocsc.go.th และ www.scholar.ocsc.go.th

* เรียนไม่เก่งมีสิทธิ์ขอทุนไหม

สำหรับผู้ที่เรียนไม่เก่งมากนัก แต่ต้องการทุนการศึกษา ถ้าเป็นทุนรัฐบาลรับสมัครเป็นประจำทุกปี คิดว่าคงหมดสิทธิ์เนื่องจากทางรัฐบาลได้กำหนดเกรดเฉลี่ยสะสมไว้เกือบทุกทุน ว่าต้องได้ 3.00 ขึ้นไป หรือบางทุนต้องไม่ต่ำกว่า 3.50 แต่ถ้าเป็นคนที่มีความสามารถทางด้านกีฬาดนตรีหรืออื่น ๆ ในระดับยอดเยี่ยมก็สามารถสมัครรับทุนได้ในบางมหาวิทยาลัยที่มีทุนสนับสนุน ทางการศึกษาในส่วนนี้อยู่บ้าง

* ทุน ODOS คืออะไร

ทุน One Dicstrict One Scholarship หรือ ODOS เป็นทุนการศึกษาของรัฐบาลที่เปิดโอกาสให้แก่นักเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอน ปลายที่ได้รับคัดเลือกจากทุกอำเภอ และกิ่งอำเภอที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ทางการศึกษา แต่มีผลการเรียนและมีความประพฤติดี ได้มีโอกาสศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีทั้งในและต่างประเทศ สำหรับการศึกษาในต่างประเทศต้องเป็นประเทศกลุ่มที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษ อาทิ เยอรมนี, ฝรั่งเศส, เนเธอร์แลนด์, จีน, ญี่ปุ่น, อิตาลี เป็นต้น ปัจจุบันมีนักเรียนทุน ODOS จำนวน 2 รุ่นแล้ว

* นักเรียนทุน ODOS มีการฝึกอบรมกันก่อนเดินทางไปเรียนต่างประเทศบ้างหรือเปล่า

ปัจจุบันทาง ก.พ. มีการจัดอบรมทางภาษาและมีการเรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศที่นักเรียนทุนได้ เลือกไปกันก่อนเป็นเวลา 3 เดือน ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒองครักษ์ ยกเว้นผู้ที่เดินทางไปประเทศจีนจะได้ไปฝึกอบรมที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ซึ่งการฝึกอบรมนี้จะช่วยลดปัญหาทางด้านภาษาเมื่อไปถึงในประเทศนั้น ๆ ได้

* ทุนเล่าเรียนหลวงกับทุนรัฐบาลต่างกันอย่างไร

ทุนเล่าเรียนหลวงกับทุนรัฐบาล (ก.พ.) เป็นทุนที่ได้รับการจัดสรรจากรัฐบาลเช่นเดียวกัน แต่แตกต่างกันตรงที่วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งทุนนี้ขึ้น ทุนเล่าเรียนหลวงเป็นทุนที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าได้จัดตั้งขึ้นเพื่อ พระราชทานแก่ผู้ที่มีผลการเรียนยอดเยี่ยมเพื่อไปศึกษาต่อในต่างประเทศ ซึ่งต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นทุนที่มอบให้ผู้สมัครทุนที่มีผลการเรียนยอดเยี่ยมเช่นเดียวกันเพื่อ ศึกษาต่อในต่างประเทศระดับปริญญาตรี โดยต้องกลับมาทำงานที่เมืองไทยในระยะเวลาที่ทุนได้กำหนดไว้ แต่ไม่จำเป็นต้องทำงานในสังกัดในหน่วยงานของราชการเหมือนกับทุนรัฐบาลอื่น ๆ ที่มีสังกัดการทำงานไว้ในข้อผูกพัน