แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - ครูสุรพล กิ่มเกลี้ยง

หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 9
76
 :yoyox32: :newe11: :l52:

แก้การถูก tag ภาพหรือข้อความใน Facebook

บางที่เรื่อง ไม่เป็นเรื่องของคนอื่นๆ ก็ทำให้ปวดหัว เช่น การนำชื่อ ไป tag ลงในภาพ ในเว็บที่ไม่พึ่งประสงค์
อาจจะด้วยเรื่องอะไรก็แล้วแต่ แต่เเราไม่ต้องการ

นี้คือวิธีแก้ขอรับ  :30:

http://www.hackublog.com/2010/11/tag-facebook.html

77
 :yoyo_71: :yoyo_71: :yoyo_71: :yoyo_71:

สำหรับมือใหม่ หรือมือเก่า บางเรื่องบางราว ทำให้ปวดหัวได้เหมือนกัน แต่เราสามารถช่วยกันแก้ปัญหาเหล่านั้นได้ เพียงท่าน
นำเรื่องราว ข่าวสาร ทิป เทคนิค วิธีการต่างๆ มาบอกกล่าว เล่าแจ้งไว้ ณ ที่นี่

ด้วยความขอบคุณ

ครูสุรพล

 >:D >:D >:D

78
 :newe11: :newe11: :newe11: :newe11: :newe11:

ebay.com ที่มา ประวัติการก่อตั้ง

 คุณรู้หรือไม่... เรื่องเล่า ตลาด ebay ตอน เกือบจะไม่ใช่ ebay.com article
“หนึ่งเว็บไซต์ ล้านผลิตภัณฑ์” คงเป็นคำกล่าวที่แสดงถึงเว็บไซต์ ebay.com ได้เป็นอย่างดี เพราะนี่ที่ใครใคร่ค้า ค้า ใครใคร่ซื้อ ซื้อ ถามมีสินค้าให้เลือกมากมาย หลากหลายอย่างจนบางครั้งมีสินค้าแปลก ๆ แบบที่ทำให้เรานึกไม่ถึงเลยทีเดียว
 
Auctionweb ภาคแรกของ ebay
 
ebay ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1995 โดยนายปิแอร์ โอมิดยาร์ (Pierre Omidyar) ลูกครึ่งชาวฝรั่งเศส ในตอนแรกนั้น โอมิดยาร์ ต้องการเพียงแค่เขียนโปรแกรมประมูลสินค้าบนอินเตอร์เน็ทสักโปรแกรมเพื่อขายหลอดลูกอมยี่ห้อ Pez ของสะสมของแฟนสาว (Pam Omidyar) โดยโปรแกรมนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ Auctionweb เว็บส่วนตัวของเขาเอง แต่เจ้าของตัวจริง คือ บริษัท Echo Bay Technology Group บริษัทให้คำแนะนำเกี่ยวกับเทคโนโลยี ที่ โอมิดยาร์เป็นเจ้าของอยู่ เพียงแค่ปีแรก Auctionweb เว็บประมูลที่ตอนยังยังเป็นภาพขาว-ดำ สามารถสร้างรายได้ถึง 4.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ค่าเงินเมื่อสมัย 11 ปีก่อน)
 
  โฉมหน้าผู้ก่อตั้งเว็บประมูลชื่อดังของโลก ปิแอร์ โอมิดยาร์ (Pierre Omidyar)
 
เกือบจะไม่ใช่ ebay.com
 
ต่อมา โอมิดยาร์ เริ่มมองเห็นช่องทางของธุรกิจ จึงขอจดชื่อโดเมนอย่างเป็นทางการเมื่อปี 1997 ในตอนแรกเขาต้องการตั้งชื่อเป็น EchoBay.com ตามชื่อบริษัท แต่โชคไม่ดีที่ชื่อนี้มีคนใช้งานแล้ว เขาจึงหันมาเปลี่ยนใช้ชื่อ ebay.com ซึ่งเป็นชื่อสำรองที่มาจากการตัดชื่อ EchoBay ให้สั้นลงแทน
 
เมื่อปัญหามาพร้อมการเติบโต
 
เมื่อธุรกิจเติบโตขึ้นปัญหายิ่งเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ในตอนนั้นมีเพียงพนักงานประมาณ 20 ชีวิต และ โอมิดยาร์ ที่คอยแก้ไขปัญหา ซึ่งไม่เพียงพอหากเขาต้องการขยายธุรกิจต่อไป แม้ว่าโอมิดยาร์เองจะเพิ่มค่าธรรมเนียมการใช้งานมากกว่าเท่าตัวจาก 0.10 US$ เป็น 0.25 US$ และห้ามประกาศขายสินค้าเกิน 1 หมื่นชิ้น ต่อวัน เพื่อลดปัญหาการประกาศขายสินค้าที่มากเกินไป จนประสบปัญหา Server ไม่เพียงพอ แต่แทนที่จะลดจำนวนผู้ขายลง กลับมีผู้ขายจำนวนไม่น้อยที่ยินดีจ่ายเพิ่ม และยิ่งกว่านั้น ต่างแย่งกันตื่นแต่เช้าเพื่อเป็นหนึ่งในหมื่นคนแรกที่ได้ประกาศขายสินค้า

 :newe12: :newe12: :newe12: :newe12:

79
รายวิชา เครือข่ายสังคมออนไลน์ / ประวัติของ twitter
« เมื่อ: วันที่ 08 มิถุนายน 2011, 13:54:49 »


ประวัติของ twitter

Twitter (มาจากรากศัพท์คำว่า tweet ที่แปลว่า เสียงนกร้อง) หมายถึง Unified Message ชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็น Microblogging ที่ให้บริการเพื่อการติดต่อสื่อสารระหว่าง เพื่อน ครอบครัวและเพื่อนร่วมงาน สามารถเชื่อมต่อเป็นเครือข่าย และแลกเปลี่ยนข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว แบบ Real Time เพื่อเป็นคำตอบสำหรับคำถามที่ว่า "คุณกำลังทำอะไรอยู่" ซึ่ง Twitter ก่อตั้งขึ้นโดยบริษัท Obvious Corp เมื่อเดือน มีนาคม ค.ศ. 2006 ที่เมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา พัฒนาขึ้นโดย Evan Williams และ Meg Hourihan Evan Williams คือคนเดียวกับที่สร้างบริการบล็อก ที่นิยมมากที่สุดในโลก ในขณะนี้ นั่นคือ Blogger.com นั่นเอง หลายคนคงพอทราบกันนะค่ะ ว่า Blogger.com ตั้งแต่แรกเริ่มเดิมทีนั้น อยู่ภายใต้การดูแลของบริษัทเล็กๆ ที่ชื่อว่า Pyra Labs ก่อร่างสร้างตัวขึ้นตั้งแต่สิงหาคม ปี 1999
twitter

และหลังจากนั้น 3 ปี ทาง Google ก็เข้ามาขอซื้อกิจการไปในปี 2002 เพื่อไปเติมเต็มบริการ อีกทั้งขยายกลุ่มผู้ใช้ให้ได้มากขึ้น แต่ Williams ถอนตัวออกจาก Google มาร่วมงานกับ Odeo เมื่อ ปี 2004 และเมื่อไม่นานมานี้ Williams ได้ออกมาร่วมงาน กับ Obvious Corp ,ในปี 2006 ซึ่งมี Twitter เป็น Product หลักของบริษัท เป้าหมายของ Obvious Corp คือ สร้างสรรค์สิ่งที่น่าสนใจและมีความสำคัญ ต่อโลก Meg Hourihan คือผู้ร่วมก่อตั้งอีกหนึ่งคน ซึ่งเป็นคู่หูของ Evan Williams นั่นเอง ภาพพจน์ของเธอก็ยังเป็นบล็อกเกอร์ อยู่ต่อไป และตอนนี้เธอก็แต่งงานแล้วกับ Jason Kottke ซึ่งนับแล้วก็เป็นบล็อกเกอร์เหมือนกัน ทั้งสองเคยเป็นบุคคลแห่งปี ที่ทาง PC Magazine มอบให้ในปี 2004 และตอนนั้นเอง

ค.ศ. 2009 ทวิตเตอร์ได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างมาก จนนิตยสาร “ไทม์” ฉบับวันที่ 15 มิ.ย. 2009 ได้นำเอาทวิตเตอร์ขึ้นปก เป็นเรื่องเด่นประจำฉบับ และบทบรรณาธิการกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงการนำเสนอข่าว ที่มีที่มาจากเทคโนโลยีใหม่อย่างทวิตเตอร์ “บริการของ Twitter นั้น ถึงจะเป็นแค่บริการเล็กๆ แต่ตอนนี้ บริการเล็กๆ ที่ว่านี้ ประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม มีผู้ใช้งานหลายล้านคนทั่วโลก ทั้งหมดทั้งมวลนี้ สานต่อจากการเป็นบล็อกเกอร์แค่คนๆหนึ่งจริงๆ”

 :l29: :l29: :l29: :l29:

80
 [PZ03] [PZ03] [PZ03] [PZ03]

MySpace



MySpace ก่อตั้งในปี 2002 โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก Friendster บริการ Social Network ลักษณะเดียวกัน ภายหลัง MySpace ใช้กลยุทธ์ด้านดนตรีเป็นจุดขาย สนับสนุนให้วงดนตรีอินดี้สร้างหน้าประวัติของวงบน MySpace เพื่อพูดคุยกับแฟนๆ และพัฒนาระบบให้ผู้ใช้เข้ามาฟังเพลงออกใหม่ผ่านอินเทอร์เน็ต
          การตลาดด้วยดนตรีนั้นประสบความสำเร็จมาก MySpace เติบโตอย่างรวดเร็วในหมู่วัยรุ่น จนเป็นที่ต้องตาต้องใจของ News Corporation ธุรกิจสื่อขนาดยักษ์ของ Rupert Murdoch เจ้าของหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal สถานีโทรทัศน์เครือ Fox และบริษัทภาพยนตร์ 20th Century Fox ส่งผลให้ News Corporation ซื้อกิจการ MySpace เมื่อปี 2005 เป็นมูลค่า 580 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นตำนานอีกบทหนึ่งของธุรกิจไฮเทค ที่สร้างจากเด็กหนุ่มโนเนมไม่กี่คน แต่สุดท้ายแล้วเป็นเศรษฐี
          แต่จากนั้นเป็นต้นมา MySpace ดูเหมือนจะมีแต่ขาลง
          การขายกิจการให้ MySpace อาจทำให้ทีมผู้ก่อตั้งขาด “ความกระหาย” ต่อความสำเร็จอย่างที่เคยมีในช่วงแรกเริ่มสร้างกิจการ ระยะหลัง MySpace แทบไม่มีความสามารถใหม่ๆ เพิ่มเข้ามา ในขณะที่ปัญหาเดิมๆ อย่างความรกรุงรังของหน้า Profile ที่หลายคนไม่ชอบ กลับไม่ถูกแก้ไข (เป็นปัญหาเดียวที่เกิดกับ Hi5 ในเมืองไทย) เมื่อมีคู่แข่งอย่าง Facebook ที่หน้าตาสะอาดสะอ้าน แต่ในขณะเดียวกันก็มีความสามารถมากมาย ผู้ใช้จึงเริ่มหันไปหา Facebook แทน)News Corporation เห็นปัญหานี้แต่อาจตอบสนองช้าไป Rupert Murdoch แต่งตั้ง Jon Miller อดีตผู้บริหารของ AOL มาคุมงานสายอินเทอร์เน็ตทั้งหมด Miller ให้โอกาสทีมบริหารเดิมของ MySpace ทำงานต่อ แต่เมื่อไม่ประสบความสำเร็จ ก็ได้เวลาโละทีมผู้ก่อตั้งเดิมเกือบยกชุดในช่วงต้นปี 2009
          Miller แต่งตั้ง Owen Van Natta อดีตผู้บริหารของ Facebook ขึ้นมารับตำแหน่งแทนในเดือนเมษายน 2009 โดยมีเป้าหมายเพื่อกอบ...้กิจการ Owen Van Natta ยอมรับว่า MySpace ไม่สามารถแข่งขันกับ Facebook ในด้านจำนวนได้อีกแล้ว และเปลี่ยนยุทธศาสตร์ไปเน้นด้านดนตรี ซึ่งเป็นจุดแข็งของ MySpace มาตั้งแต่ต้น ในปี 2009 เขาได้ซื้อกิจการเพลงออนไลน์ชื่อดัง 2 แห่งคือ iLike และ imeem รวมถึงประกาศแผนการ MySpace Music อย่างเต็มที่
          แต่ความพยายามของ Van Natta ก็ไม่ประสบความสำเร็จเช่นกัน ในเดือนกุมภาพันธ์ 2010 เขาประกาศลาออกจากตำแหน่งแบบฉับพลันโดยที่ยังทำงานมาไม่ครบปีดี ไม่มีใครทราบว่าทำไม Van Natta ถึงลาออก แต่ก็มีข่าวลือออกมามากมายว่าเขาขัดแย้งกับ Jon Miller ซึ่งถือเป็นผู้บังคับบัญชาของเขาที่ News Corporation
          คำถามที่น่าสนใจคือ บริษัทที่เคยเป็นที่หนึ่งในตลาด Social Network ของสหรัฐฯ มีผู้ใช้กว่า 75 ล้านคน มีรายได้จากค่าโฆษณาเฉพาะหน้าแรกของเว็บฯ หน้าเดียว วันละ 1 ล้านดอลลาร์ และมีธุรกิจสื่อขนาดยักษ์คอยหนุนหลัง ปัจจุบันกลับมีผู้ใช้เหลือแค่ 58 ล้านคน และโดน Facebook คู่แข่งรุ่นน้องแซงห่างแบบไม่เห็นฝุ่นภายในเวลาแค่ 3 ปี (ปัจจุบัน Facebook มีผู้ใช้รวมทั่วโลกเกิน 400 ล้านคน) ได้อย่างไร เพราะเหตุใด MySpace ถึงได้ตกต่ำขนาดนี้
          คำตอบอาจอยู่ที่ทัศนคติของบริษัทแม่ News Corporation และตัว Rupert Murdoch เอง
          Rupert Murdoch โตมาจากธุรกิจหนังสือพิมพ์ ปัจจุบันเขามีอายุ 78 ปีแล้ว แต่ยังปกครองอาณาจักร News Corporation อย่างมั่นคง เขาถูกวิจารณ์อย่างหนักว่ายังใช้มุมมองและสัญชาตญาณของอุตสาหกรรมสื่อและสิ่งพิมพ์เดิม มาใช้กับธุรกิจเว็บฯ ที่มีธรรมชาติแตกต่างกันมาก แม้เขาจะได้รับคำชม ในช่วงแรกที่เข้าซื้อ MySpace ว่าเป็นการซื้อกิจการที่ทันสมัย แต่ในช่วงที่ผ่านมา Murdoch พยายามเก็บเงินค่าอ่านเนื้อหา บนเว็บฯ ของสื่อในเครือ และเปิดสงครามน้ำลายอย่างเผ็ดร้อนกับ...เกิล ซึ่ง Murdoch มองว่าดูดข้อมูลจากสื่อของเขามาใช้งานโดยไม่ยอมเสียเงิน
          Michael Wolff ผู้เขียนหนังสือชีวประวัติของ Murdoch วิจารณ์เขาว่า “Murdoch นั้นไม่รู้จริงๆ ว่าอินเทอร์เน็ตทำงานอย่างไร”
          Miller ตั้งผู้บริหารระดับสูงของ MySpace อีกสองคนมา รับตำแหน่งซีอีโอร่วมแทน Van Natta ซึ่งยังไม่มีใครรู้ว่า ผลจะออกมาเป็นอย่างไร MySpace ยังไม่ถึงขั้นล้มละลายง่ายๆ แต่วันเวลาอันรุ่งโรจน์ก็ผ่านไปแล้วเช่นกัน

www.myspace.com

 :yoyo_71: :yoyo_71: :yoyo_71:

81
 :newe11: :newe11: :newe11: :newe11:

Wikipedia  คือ   สารานุกรมเสรีหลายภาษาบนอินเทอร์เน็ต ที่ทุกคนสามารถอ่านและปรับปรุงเพิ่มเติมเนื้อหาซึ่งทำให้วิกิพีเดียกลายเป็นสารานุกรมที่ได้รับการแก้ไขรวบรวมและดูแลรักษาจากอาสาสมัครหลายแสนคนทั่วโลกผ่านซอฟต์แวร์ ชื่อ มีเดียวิก
ที่มา Wikipedia     วิกิพีเดียเริ่มต้นเมื่อ 15 มกราคม พ.ศ. 2544 โดยเริ่มต้นโครงการจาก ชื่อสารานุกรมนูพีเดียที่เขียนโดย ผู้เชี่ยวชาญในหลายสาขา และในปัจจุบันดำเนินงานโดยมูลนิธิวิกิมีเดีย ซึ่งก่อตั้งโดยจิมมี เวลส์ และแลร์รี แซงเจอร์ ในปัจจุบันวิกิพีเดียมีทั้งหมดมากกว่า 250 ภาษรวมทุกภาษามีบทความมากกว่า 9, 000,000 บทความโดยในทั้งหมดมี 16 ภาษา ที่มีบทความมากกว่า 100,000 บทความ และปัจจุบันวิกิพีเดียไทยมีทั้งหมด  31,140  บทความ วิกิพีเดียมีเซิร์ฟเวอร์ตั้งอยู่ 3 ที่ ได้แก่ใน รัฐฟลอริดา (สหรัฐอเมริกา) เซิร์ฟเวอร์ใหญ่ที่เก็บเนื้อหาทั้งหมดและเป็นที่ตั้งของมูลนิธิวิกิมีเดีย และเซิร์ฟเวอร์สำหรับช่วยในการจัดเก็บฐานข้อมูลตั้งอยู่ที่ อัมสเตอร์ดัม (เนเธอร์แลนด์)และโซล(เกาหลีใต้)

รายละเอียดเพิ่มเติมโปรดดาวน์โหลดได้จากไฟล์ที่แนบด้านล่างนี้

Wikipedia.org

 :newe1: :newe1: :newe1:

82
 :newe9: :yoyox32: :newe11:

YouTube พลิกโฉมโลกออนไลน์
เสาวนีย์ พิสิฐานุสรณ์ Positioning Magazine กุมภาพันธ์ 2550 0 Comments  
Added on: 26/2/2550



YouTube เป็นเว็บไซต์ที่สร้างปรากฏการณ์และความฮือฮาบนโลกอินเทอร์เน็ตตลอดทั้งปีที่แล้ว โดยเฉพาะเมื่อ Google ยักษ์ใหญ่เว็บเครื่องมือค้นหาบนอินเทอร์เน็ตชื่อดัง ตัดสินใจทุ่มเงินถึง 1.65 พันล้านดอลลาร์ ซื้อเว็บแห่งนี้ หลังจากที่เว็บนี้เพิ่งก่อตั้งมาได้เพียง 21 เดือน  

YouTube เป็นเว็บรวมคลิปวิดีโอ ที่ใครๆ ก็สามารถจะอัพโหลดคลิปวิดีโอขึ้นไปไว้บนบนเว็บดังกล่าว เพื่อให้ทุกคนได้ดูฟรี ผู้ใช้ YouTube สามารถเปิดดูวิดีโอบนเว็บดังกล่าวได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องมีการดาวน์โหลดซอฟต์แวร์เพื่อดูวิดีโอใดๆ ทั้งสิ้น และไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนหรือสมัครเข้าใช้บริการแต่อย่างใด
YouTube จึงนับเป็น “สื่อใหม่” อีกประเภทหนึ่ง แต่ยังมีความเป็น “สื่อสารมวลชน” แบบดั้งเดิม และเป็นสื่อที่สามารถใช้ได้ทุกเพศทุกวัย

เนื่องจากใครๆ ก็สามารถจะอัพโหลดไฟล์วิดีโอขึ้นไปฝากไว้บน YouTube ได้ โดยไม่ต้องผ่านการตรวจคัดกรองใดๆ ทำให้เว็บนี้เต็มไปด้วยคลิปวีดีโอทั้งดีเด่นและแปลกประหลาดมากมาย ทั้งยังสามารถดูกันได้ฟรีๆ ทำให้ YouTube กลายเป็นเว็บยอดฮิตที่โด่งดังสุดขีด ในฐานะของเว็บที่ติดดิน และมีลักษณะเป็นชุมชนออนไลน์อย่างแท้จริง คลิปวิดีโอที่เผยแพร่อยู่ในเว็บแห่งนี้ แพร่หลายในหมู่คนดูนักท่องเว็บอย่างรวดเร็ว ราวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส

ส่วนคลิปวิดีโอโฆษณาที่อยู่ในหน้าโฮมเพจของ YouTube ก็ดูไม่เหมือนโฆษณาเอาเลย เว็บนี้ยังไม่มีวิดีโอลามกอนาจารให้ต้องร้อนใจ เพราะหากมีใครอัพโหลดคลิปลามกอนาจารขึ้นไปที่ YouTube ผู้ใช้ YouTube จะรีบแจ้งให้ผู้ดูแลเว็บทราบทันที และสามารถลบคลิปที่ไม่เหมาะสมออกได้โดยเร็ว

นักโฆษณารายใหญ่ๆ ต่างหันมาสนใจที่จะลงโฆษณาบน YouTube ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ Google ยอมจ่ายแพงขนาดนั้นเพื่อซื้อเว็บนี้ เพราะขอเพียงแค่ให้ YouTube ได้รับเม็ดเงินโฆษณา เพียงร้อยละ 10 ของงบโฆษณาทางโทรทัศน์ ที่จำนวน 54,000 ล้านดอลลาร์ต่อปีเท่านั้น เงินที่ Google ลงทุนไปในการซื้อ YouTube เพียง 1.65 พันล้านดอลลาร์ ก็จะเป็นการลงทุนที่คุ้มแสนจะคุ้ม

อย่างไรก็ตาม 2 ผู้บริหาร YouTube คือ Chad Hurley ในฐานะ CEO และ Steve Chen ซึ่งดูแลด้านเทคโนโลยี ยังต้องพิสูจน์ว่า เว็บของพวกเขา ซึ่งยังคงไม่มีกำรี้กำไรมากนัก จะสามารถสร้างรายได้มหาศาลได้จริงๆ และยังจะต้องพิสูจน์ด้วยว่า เว็บของพวกเขาจะไม่ประสบชะตากรรมเดียวกับ broadcast.com เว็บวิดีโอออนไลน์ ซึ่งเคยถูก Yahoo! ซื้อไปด้วยเงิน 5.7 พันล้านดอลลาร์ในปี 1999 แต่บัดนี้ได้สิ้นชื่อไปแล้ว

สิ่งที่น่าติดตาม YouTube ยังอาจจะพังทลาย จากการถูกรุมฟ้องร้องข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ จากเจ้าของคลิปวิดีโอที่ถูกนำมาลงใน YouTube โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของ
Chad Hurley วัย 29 ปี CEO ของ YouTube เกิดและเติบโตในเมือง Birdsboro รัฐ Pennsylvania เขาเป็นลูกชายคนกลางของพ่อซึ่งเป็นที่ปรึกษาการเงิน และแม่ซึ่งเป็นครู ตั้งแต่เด็กมาแล้ว เขาใช้เวลาหลายชั่วโมงฝังตัวเองอยู่กับการเรียนรู้เรื่องการออกแบบเว็บ การเล่นเกมออนไลน์ และการทดลองทำภาพแอนิเมชั่น


ปี 1999 ทันทีที่ Hurley จบจาก Indiana University of Pennsylvanai ซึ่งเขาได้เปลี่ยนวิชาเอกจากคอมพิวเตอร์ศาสตร์ ไปเป็นกราฟิกดีไซน์และงานพิมพ์ เขาก็ได้เข้าทำงานกับ PayPal บริษัทตั้งใหม่ในขณะนั้น ซึ่งกำลังพยายามคิดค้นวิธีที่จะทำให้ผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์มือถือ PDA สามารถโอนเงินระหว่างกันได้

งานชิ้นแรกของ Hurley ในบริษัทแรกที่เขาเข้าทำงานคือ ออกแบบโลโก้ของบริษัท ซึ่งยังคงเป็นโลโก้ที่ PayPal ยังคงใช้อยู่จนถึงทุกวันนี้ ผลงานการออกแบบโลโก้ดังกล่าว ทำให้ Hurley ได้รับตำแหน่งนักออกแบบมือหนึ่งของบริษัทในทันที ส่วน PayPal ซึ่งขณะนี้กลายเป็นบริษัทดูแลระบบรักษาความปลอดภัยธุรกรรมการเงินออนไลน์ ไปเข้าตา eBay เว็บประมูลชื่อดัง ซึ่งได้ทุ่มซื้อบริษัทนี้ไปในปี 2002 ด้วยเงิน 1.54 พันล้านดอลลาร์

การทำงานที่ PayPal ทำให้ Hurley ได้พบเพื่อน 2 คนคือ Steve Chen และ Jawed Karim 2 วิศวกรคอมพิวเตอร์ของ PayPal ทั้งสามมักคุยกันถึงเรื่องการก่อตั้งธุรกิจใหม่เสมอๆ
อย่างไรก็ตาม Karim วัย 27 ได้เกิดขัดแย้งกับ Hurley และ Chen และขณะนี้เขาได้แยกตัวไปเรียนต่อปริญญาโทคอมพิวเตอร์ศาสตร์ที่มหาวิทยาลัย Stanford ตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว แม้ว่า Karim จะยังคงมีชื่ออยู่บนเว็บ YouTube ในฐานะ 1 ใน 3 ผู้ก่อตั้งเว็บนี้ แต่ในประวัติความเป็นมาของเว็บแห่งนี้ กลับไม่มีชื่อของ Karim

ประวัติของเว็บ YouTube ซึ่งเป็นที่แพร่หลายโดยทั่วไปเล่าว่า Hurley กับ Chen เกิดไอเดียที่จะทำเว็บที่สามารถแลกเปลี่ยนคลิปวิดีโอออนไลน์ หลังจากที่พวกเขาเจอปัญหาในการพยายามที่จะส่งคลิปวิดีโองานปาร์ตี้ ซึ่งจัดที่อพาร์ตเมนต์ของ Chen ในซานฟรานซิสโก ที่เพิ่งถ่ายเสร็จสดๆ ร้อนๆ ขึ้นไปไว้บนเน็ต เพื่อให้คนอื่นๆ ได้ชม
ในตอนแรก ทั้งสามเพียงคิดอยากจะทำเว็บแบบ HOTorNOT.com เว็บหาคู่รักออนไลน์ แต่ต้องการให้มีภาพวิดีโอ แทนที่จะมีแต่ภาพนิ่ง ซึ่งคล้ายๆ กับที่มีใน MySpace เว็บรวม webblog ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอย่างสูงในหมู่วัยรุ่นยุคนี้

อย่างไรก็ตาม ความคิดที่จะทำ HOTor NOT เวอร์ชั่นวิดีโอ ก็พับไปภายในเวลาไม่กี่เดือน ก่อนที่จะเปลี่ยนไปเป็นการคิดทำเว็บ ที่จะช่วยให้ใครๆ สามารถนำวิดีโอมาฝากบนเว็บเพื่อประมูลขาย ซึ่งก็คือกำเนิดของ YouTube ในปี 2005

แต่ปรากฏว่า ผู้ใช้ต่างอัพโหลดวิดีโอทุกอย่างขึ้นไปไว้บน YouTube ตามแต่ใจต้องการ นอกจากนี้ ยังพบว่า วัยรุ่นจำนวนมากทำ link มาที่ YouTube จาก blog ของตนที่อยู่ใน MySpace ซึ่งทำให้ YouTube พลอยเติบโตตามไป MySpace ไปด้วย
สุดท้าย ผู้ก่อตั้ง YouTube ก็ต้องยอมแพ้ และปรับแนวคิดของ YouTube ใหม่ และนั่นก็คือการถือกำเนิดขึ้นอย่างแท้จริงของ YouTube ในฐานะเว็บรับฝากคลิปวิดีโอทุกชนิด ที่ทุกคนสามารถดูได้ฟรี

ภายในเวลาไม่กี่เดือนต่อจากนั้น ก่อนหน้าที่คลิปวิดีโอช่วง Lazy Sunday ของรายการ Saturday Night Live จะเป็นคลิปที่ทำให้ยอดผู้เข้าเว็บ YouTube พุ่งกระฉูดถึงร้อยละ 83 ในเดือนธันวาคมปีที่แล้วด้วยซ้ำ นักลงทุนอย่าง Time Warner และ Sequoia Capital บริษัทลงทุนจาก Menlo Park ก็เริ่มสนใจที่จะลงทุนใน YouTube

ขณะที่บริษัทโฆษณารายใหญ่ๆ ก็เริ่มสนใจ YouTube หลังจากที่โฆษณาของ Nike ที่ไม่มีอะไรเหมือนโฆษณาเลย ที่เป็นภาพของ Ronaldinho นักฟุตบอลชื่อก้องโลกของบราซิล ได้กลายเป็นคลิปวิดีโอยอดฮิตบน YouTube ทำให้ Sequoia ซึ่งเคยลงทุนใน Apple, Google และบริษัทไฮเทคอีกหลายแห่งมาก่อน เริ่มเข้ามาลงทุนใน YouTube เป็นครั้งแรกในปีที่แล้ว ด้วยเม็ดเงิน 8.5 ล้านดอลลาร์

ความสำเร็จของ YouTube เกิดจากความสามารถที่เป็นส่วนเสริมซึ่งกันและกันของ Hurley กับ Chen ชื่อเว็บที่ฟังดูย้อนยุคนิดๆ โลโก้ง่ายๆ และการที่เว็บให้ความรู้สึกที่แปลกแตกต่าง แต่รวดเร็วและง่ายที่สุด

แม้จะถูกกดดันจากนักโฆษณา แต่ทั้งสองกลับยืนหยัดในจุดยืน ที่จะไม่ยอมให้ผู้ใช้ต้องถูกบังคับให้ดูโฆษณา ในขณะที่รอดูวิดีโอบน YouTube ทำให้ YouTube สามารถรักษาภาพลักษณ์การเป็นชุมชนออนไลน์ที่แท้จริงเอาไว้ได้ โดยไม่กลายไปเป็นเพียงแค่สื่อแบบยุคเก่า ที่ไม่ได้เป็นของชุมชนอย่างแท้จริง

แต่ YouTube จะรักษาภาพลักษณ์เว็บใต้ดินอย่างนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน ในเมื่อขณะนี้มีฐานะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของอาณาจักร Google อันยิ่งใหญ่เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ผู้บริหาร Google รีบส่งสัญญาณต่อภายนอกทันทีว่า YouTube จะยังคงเป็นอิสระจาก Google

นอกจากนี้ ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของ YouTube ยังคงเป็นเรื่องการที่อาจจะถูกฟ้องร้องเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ จากเจ้าของคลิปวิดีโอที่ถูกละเมิดสิทธิ์บน YouTube ซึ่งแม้แต่ Google เองก็ยอมรับว่า หาก YouTube ถูกรุมฟ้องร้อง ก็อาจสร้างความเสียหายทางการเงินได้ไม่น้อย

YouTube จะรอดสันดอนทางด้านกฎหมายนี้ไปได้หรือไม่ หรือจะเจอปัญหาแบบเว็บ Napster ในอดีต หรืออาจจะต้องสิ้นชื่อไปอย่าง Broadcast.com หรือไม่นั้น ยังเป็นเรื่องที่จะต้องรอดูกันต่อไปด้วยความระทึกใจ ไม่ผิดกับการดูคลิปวิดีโอบนเว็บยอดฮิตแห่งนี้

เสาวนีย์ พิสิฐานุสรณ์ แปลและเรียบเรียง
ไทม์ 25 ธันวาคม 2549

http://www.youtube.com/

รายละเอียดเพิ่มเติมและคู่มือดาวน์โหลดได้จากไฟล์ที่่แนบด้านล่างนี้

 :yoyo_71: :yoyo_71: :yoyo_71:

83
 :newe9: :l29: :yoyo_71: :newe10: :l21:

มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้สร้าง Facebook.com

    รวยระดับโลกตั้งแต่หนุ่มโดยไม่โกงใคร  แต่ยังเช่าอพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ  และขี่จักรยานหรือไม่ก็เดินไปทำงานทุกวันในทุกวันนี้

    ความเป็นอัจฉริยะเหนือมนุษย์ทั่วไป  ปรากฏให้เห็นตั้งแต่วัยหนุ่มด้วยอายุเพียง  ๒๐ ปี  เท่านั้น 

    เขาสร้างเนื้อสร้างตัวรวยเร็วที่สุด  เท่าที่นิตยสาร  Forbesเคยทำการสำรวจมาในหมู่ผู้ที่สร้างความร่ำรวยด้วยตนเอง  !! 

    ราคาหุ้นมีมูลค่าสูงกว่า  ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท  ขึ้นแท่นเป็นมหาเศรษฐีอายุน้อยที่สุดอันดับหนึ่งของโลก  ที่สร้างฐานะด้วยลำแข้งของตนเอง  โดยใช้เวลาเพียงแค่  ๖ ปี เท่านั้นเอง !!

    หนุ่มผู้ที่กล่าวถึงนี้  คือ   มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก !!    ผู้สร้าง   Facebook.com  ให้โลกได้รู้จัก  และเป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ที่มีผู้ใช้กันมากที่สุดในโลกขณะนี้

    มารู้จักกับ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก  สักเล็กน้อย  :30: :30: :30:

    รายละเอียดเพิ่มเติมโปรดดาวน์โหลดจากไฟล์ที่แนบด้านล่างนี้

   


84
 :l29: :yoyo_71: :newe10:

ข้อดีของ Social Network
-   สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ในสิ่งที่สนใจร่วมกันได้
-   เป็นคลังข้อมูลความรู้ขนาดย่อมเพราะเราสามารถเสนอและแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนความรู้ หรือตั้งคำถามในเรื่องต่างๆ เพื่อให้บุคคลอื่นที่สนใจหรือมีคำตอบได้ช่วยกันตอบ
-   ประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสารกับคนอื่น สะดวกและรวดเร็ว
-   เป็นสื่อในการนำเสนอผลงานของตัวเอง เช่น งานเขียน รูปภาพ วีดิโอต่างๆ เพื่อให้ผู้อื่นได้เข้ามารับชมและแสดงความคิดเห็น
-   ใช้เป็นสื่อในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ หรือบริการลูกค้าสำหรับบริษัทและองค์กรต่างๆ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า
-   ช่วยสร้างผลงานและรายได้ให้แก่ผู้ใช้งาน เกิดการจ้างงานแบบใหม่ๆ ขึ้น

ข้อเสียของ Social Network
-   เว็บไซต์ให้บริการบางแห่งอาจจะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป หากผู้ใช้บริการไม่ระมัดระวังในการกรอกข้อมูล อาจถูกผู้ไม่หวังดีนำมาใช้ในทางเสียหาย หรือละเมิดสิทธิส่วนบุคคลได้
-   Social Network เป็นสังคมออนไลน์ที่กว้าง หากผู้ใช้รู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือขาดวิจารณญาณ อาจโดนหลอกลวงผ่านอินเทอร์เน็ต หรือการนัดเจอกันเพื่อจุดประสงค์ร้าย ตามที่เป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์
-   เป็นช่องทางในการถูกละเมิดลิขสิทธิ์ ขโมยผลงาน หรือถูกแอบอ้าง เพราะ Social Network Service เป็นสื่อในการเผยแพร่ผลงาน รูปภาพต่างๆ ของเราให้บุคคลอื่นได้ดูและแสดงความคิดเห็น
-   ข้อมูลที่ต้องกรอกเพื่อสมัครสมาชิกและแสดงบนเว็บไซต์ในรูปแบบ Social Network ยากแก่การตรวจสอบว่าจริงหรือไม่ ดังนั้นอาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่กำหนดอายุการสมัครสมาชิก หรือการถูกหลอกโดยบุคคลที่ไม่มีตัวตนได้

 :yoyo_71: :newe10: :l21:

85
รายวิชา เครือข่ายสังคมออนไลน์ / ตัวอย่างเว็บ Social Network
« เมื่อ: วันที่ 08 มิถุนายน 2011, 10:22:40 »
 :0012393: :0012398: :0012392: :0012394:

10 อันดับ Social Network ที่ได้รับความนิยมในขณะนี้
    1. FaceBook.com
    2. MySpace.com
     3. Orkut.com
     4. Hi5.com
     5. Vkontakte.ru
     6. Friendster.com
    7. SkyRock.com
    8. PerfSpot.com
    9. Bebo.com
     10. Studivz.net

 :laugh: :laugh: :laugh:

86
 [PZ01] [PZ02] :newe12: :yoyo_89:

             ในยุคที่เทคโนโลยีการสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต กำลังเป็นที่นิยมและมีผลกระทบในทุกๆด้านในปัจจุบัน ทำให้ทุกคน ทุกสังคมต้องมีการปรับตัว และพัฒนาให้ทันต่อการเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงในโลกของการสื่อสาร และการพัฒนาของโลกเวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web; WWW) จากยุคแรก คือ Web 1.0 ซึ่งมีลักษณะเป็น Static Web คือมีการนำเสนอข้อมูลทางเดียว (one-way communication) ด้วยการแปลงข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่รอบตัวเราให้อยู่ในรูปของดิจิตอล (Digital) เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือการโฆษณาตามหน้าเว็บไซต์ โดยผู้ใช้สามารถอ่านได้ แต่ไม่สามารถเข้าร่วมในการสร้างข้อมูลได้แต่เมื่อก้าวเข้าสู่ยุคที่ 2 ของเทคโนโลยีคือ WWW หรือ Web 2.0 เป็นยุคที่ทำให้อินเทอร์เน็ตมีศักยภาพในการใช้งานมากขึ้น เน้นให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ (Co- Creation) ลงบนเว็บไซต์ร่วมกันและสามารถโต้ตอบกับข้อมูลที่อยู่บนเว็ปไซท์ได้ (Interactivity) มีลักษณะเป็น Dynamic Web ที่ผู้ใช้สามารถสร้างเนื้อหา (Content) แลกเปลี่ยน และกระจายข้อมูลข่าวสารเพื่อแบ่งปันถึงกันได้ทั้งในระดับบุคคล กลุ่ม และองค์กร จะเห็นได้ว่า Web 2.0 เป็นยุคของการสื่อสารสองทาง (Two-way Communication) ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงการรับส่งอีเมล์ (E-mail) รูปภาพ หรือการดาวน์โหลดข้อมูลผ่าน Search Engine หรือใช้เว็บบอร์ด (Web board) ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเท่านั้น Web 2.0 ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ (Relationship) ระหว่างผู้ใช้ในกลุ่มต่างๆ จนเกิดเป็นเครือข่ายทางสังคม (Social Network) บนโลกออนไลน์ที่สามารถเชื่อมโยงถึงกันได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด กลายเป็นสังคมเสมือนจริง (Virtual Communities) ซึ่งเป็นสังคมหนึ่งในโลกของอินเทอร์เน็ต ที่ปัจจุบันยังคงผูกพันและซ้ำซ้อนกับการดำเนินชีวิตของผู้คนในโลกของความเป็นจริง

             จุดกำเนิดของ Web 2.0 และการพัฒนาก้าวผ่านเข้าสู่ยุค Web 3.0 หรือ Semantic Web ทำให้กระแสความนิยมขอ Social Network มีการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง เป็นไปตามผลการสำรวจของประเทศสหรัฐอเมริกาที่พบว่า มีผู้เข้าใช้บริการ Social Network เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี และมีแนวโน้มของผู้ใช้บริการทั่วโลกมากกว่า 1,200 ล้านคน ปัจจุบัน Social Network Website ต่าง ๆ ก็มีการพัฒนา และเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการใช้ประโยชน์เชิงสังคมกันมากขึ้น ทั้งเว็บไซต์ในตระ...ลของ Wiki, YouTube, Hi5, My space Face book และอีกมากมาย ซึ่งในแต่เว็บไซต์จะมีลักษณะเฉพาะสำหรับการใช้งานแตกต่างกันออกไปโดยเว็บไซต์ที่มีจำนวนผู้เข้าชมสูงสุดทั่วโลกในขณะนี้คือ My space รองลงมา คือ Facebook และ Orkut แต่ถ้าดูจากจำนวนสมาชิกในเว็บไซต์ ผลการสืบค้นข้อมูลในปี 2008 จะเห็นว่า Facebook เป็นเว็บที่มีจำนวนสมาชิกสูงสุดถึง 90 ล้านคน รองลงมาคือ Hi5 80 ล้านคน Friendster 75 ล้านคน Myspace 72 ล้านคน และ LinkedIn 5ล้านคน

              สำหรับกระแสความนิยมของ Social Network ในประเทศไทยนั้น ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือ เนคเทค (NECTEC) ได้ทำการสำรวจกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยผ่านออนไลน์ จำนวน 14,809 คน ในช่วงเดือน สิงหาคม-กันยายน 2551 ที่ผ่านมา พบว่า Hi5 เป็นเว็บที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีผู้ใช้งานสูงถึง 47.5% เฉลี่ย 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ และ 69.7% มีบล็อก (Blog) เป็นของตัวเอง ส่วนวิกีพีเดีย (Wikipedia) เป็นเว็บไซต์ที่มีการใช้งานรองลงมาคือ 14.4% You Tube 12.6% และMyspace 3.8% ตามลำดับ จากข้อมูลทางสถิติเบื้องต้น เราคงต้องยอมรับว่า Hi5 เป็น Social Network Website ที่ติดอันดับของโลกรวมถึงในสังคมไทยเรา ดังนั้นเราคงต้องจับตามองกันต่อไปในฐานะที่เป็นสื่อสองคมบนสังคมออนไลน์และมีผลกระทบมากมายซึ่งผู้ใช้ในสังคมควรต้องรู้ให้เท่าทัน

              รูปแบบการสื่อสารในลักษณะสังคมเครือข่ายที่เรานิยมเรียกกันว่า Community Network หรือSocial Network กำลังได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในฐานะผู้ใช้ทั่วไปและองค์กรธุรกิจ เพราะเป็นสังคมออนไลน์ที่เปิดโอกาสให้เข้าไปใช้เผยแพร่ข้อมูลส่วนตัว บทความ รูปภาพ ผลงาน พบปะ แสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความสนใจร่วมกัน และกิจกรรมอื่น ๆ รวมไปถึงเป็นแหล่งข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ผู้ใช้สามารถช่วยกันสร้างเนื้อหาขึ้นได้ตามความสนใจของแต่ละบุคคล

              Social Networking มีจุดเริ่มต้นจากเว็บไซต์ Classmates.com (1995) และเว็บไซต์ SixDegrees.com(1997) ซึ่งเป็นเว็บที่จำกัดการใช้งานเฉพาะนักเรียนที่เรียนในโรงเรียนเดียวกันเพื่อสร้างประวัติ ข้อมูลติดต่อสื่อสาร ส่งข้อความ และแลกเปลี่ยนข้อมูลที่สนใจร่วมกันระหว่างเพื่อนในลิสต์เท่านั้น ต่อมาเว็บไซต์Epinions.com (1999) ซึ่งเกิดขึ้นจากการพัฒนาของ Jonathan Bishop โดยได้เพิ่มในส่วนของการที่ผู้ใช้สามารถควบคุมเนื้อหาและติดต่อถึงกันได้ไม่เพียงแต่เพื่อนในลิสต์เท่านั้น นับได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของ SocialNetworking ทั้งหลายที่ก่อกำเนิดต่อมาในยุคปัจจุบัน เช่น MySpace, Google, Facebook เป็นต้นเนื่องจากมีเว็บไซต์ในลักษณะ Social Network เป็นจำนวนมากมาย จึงเป็นการยากที่จะจำแนกประเภทของ Social Network ได้อย่างเจาะจงชัดเจน หากจะลองจัดเข้าหมวดหมู่ตามที่เราพบเห็นทั่วไป อาจแบ่งได้ 6 ประเภท ดังนี้
1.   ประเภทแหล่งข้อมูลหรือความรู้ (data/knowledge) ที่เห็นได้ชัดเจนเช่น wikipedia, google, earth, answers, digg, bittorrent ฯลฯ เป็นต้น
2.   ประเภทเกมส์ออนไลน์ (online games) ที่นิยมมาก เช่น SecondLife, Audition, Ragnarok,Pangya ฯลฯ เป็นต้น
3.   ประเภทสร้างเครือข่ายทางสังคม (community) เพื่อเป็นการหาเพื่อนใหม่ สร้างและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกัน เช่น Hi5, Facebook, MySpace, MyFriend ฯลฯ เป็นต้น
4.   ประเภทฝากภาพ (photo management) สามารถฝากภาพออนไลน์ได้โดยไม่เปลืองฮาร์ดดิสก์ส่วนตัว อีกทั้งยังสามารถแชร์ภาพหรือซื้อขายภาพกันได้อย่างง่ายดาย เช่น Flickr, Photoshop Express, Photobucket ฯลฯ เป็นต้น
5.   ประเภทสื่อ (media) ไม่ว่าจะเป็นฝาก โพสท์ หรือแบ่งปันภาพ คลิปวีดีโอ ภาพยนตร์ เพลงฯลฯ เช่น YouTube, imeem, Bebo, Yahoo Video, Ustream.tv ฯลฯ เป็นต้น
6.   ประเภทซื้อ-ขาย (business/commerce) เป็นการทำธุรกิจทางออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากเช่น Amazon, eBay, Tarad, Pramool ฯลฯ แต่เว็บไซต์ประเภทนี้ยังไม่ถือว่าเป็น Social Network ที่แท้จริง เนื่องจากมิได้เปิดโอกาสให้ผู้ใช้บริการแชร์ข้อมูลกันได้หลากหลาย นอกจากการสั่งซื้อและคอมเมนท์สินค้าเป็นส่วนใหญ่
7.   ประเภทอื่น ๆ คือ เว็บไซต์ที่ให้บริการคอนเทนท์ซึ่งไม่สามารถจัดเข้าใน 6 ประเภทได้ นั่นเอง

               พลังของเครือข่ายสังคม (Power of Social Network) อิทธิพลของ Social Network ได้สร้างปรากฏการณ์ให้เห็นเชิงประจักษ์ทั้งด้านบวกและด้านลบมา อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Hi5 หรือ MySpace และ Facebook ที่คนไทยอาจจะไม่คุ้นเคยด้วยข้อจำกัดเรื่องการ สื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ ซึ่งก็สร้างปรากฏการณ์ให้ “บารัค โอบามา” ได้เป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของ สหรัฐอเมริกาไปเรียบร้อยแล้วเมื่อปลายปี 2551 นั่นเป็นเพราะเขารู้จักการใช้สื่อใหม่ (new media) ให้เกิดประโยชน์และมีการเรียนรู้พฤติกรรมของผู้รับสารได้เป็นอย่างดี หรืออย่าง YouTube เว็บไซต์ที่เปิดโอกาสให้คนทั้งโลก และนักการตลาดได้ใช้เป็นแหล่งแพร่คลิปวีดิโอไปสู่คนทั่วโลก ทำให้เราได้พบเห็นเหตุการณ์แปลกใหม่หรือเรื่องมหัศจรรย์ต่าง ๆ จากคลิปทั่วทุกมุมโลก

               จากการแตกกระจายตัวของสื่อดิจิทัล (Digital media fragmentation) ที่สามารถผลิตได้อย่างรวดเร็วและส่งต่อกันได้อย่างง่ายดาย จึงเป็นผลให้สำนักข่าวต่างประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น CNN, BBC ได้อ้างอิงข่าวสารและภาพเคลื่อนไหวจากเครื่อข่ายทางสังคมเช่น YouTube (www.youtube.com) ได้โดยตรง โดยไม่ต้องอาศัยนักข่าวของตนเอง ด้วยการรายงานข่าวแบบ Real time บนเว็ปไซท์และกระจายข่าวสารผ่าน Blog ของสมาชิกทั่วโลก จึงทำให้ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในด้านภาพลักษณ์เชิงลบต่อสังคมโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และจะเป็นการจารึกประวัติศาสตร์ของชาติไว้ในรูปแบบดิจิทัลอย่างมิอาจลบเลือนได้เช่นกัน

               แนวโน้มของ Social network ที่เริ่มมีผลกระทบต่อสังคมอย่างชัดเจน คือ การพัฒนาระบบเว็ปไซท์ของสำนักข่าวต่างๆให้เป็นพื้นที่สาธารณะมากขึ้น เช่น เว็ปไซท์ iReport ของ CNN (www.ireport.com) โดยจากเดิมผู้บริโภคสื่ออย่างพวกเราเป็นผู้นั่งอยู่เฉยๆ รอรับข้อมูลข่าวสารที่ผ่านการกลั่นกรอง คัดเลือกจากนักข่าวหรือกองบรรณาธิการข่าว กลายสภาพเป็นผู้ที่สามารถเขียนหรือนำเสนอข้อมูลข่าวสาร เปิดประเด็นข่าว รวมทั้งแสดงความคิดเห็นกลับไปยังสื่อหรือส่งสารไปถึงนักข่าว ขณะเดียวกันยังสามารถส่งข้อมูลข่าวสารไปยังสาธารณชน(Public) หรือชุมชน (Community) ได้ร่วมรับรู้ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันอีกด้วย หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นการเปลี่ยนสภาพจากคนอ่านข่าว ฟังข่าว ดูข่าว เป็นนักข่าว นักวิเคราะห์ และนักวิจารณ์ โดยปรากฏการณ์ลักษณะนี้กำลังกลายเป็นแนวโน้มใหม่ของแวดวงสื่อสารมวลชนทั่วโลก ซึ่งนักวารสารศาสตร์ยุคใหม่ เรียกปรากฏการณ์การรับสาร ส่งสาร และการสร้างข่าวสารในลักษณะนี้ว่า “วารสารศาสตร์พลเมือง (CitizenJournalism)”

              จากสถานการณ์ความไม่สงบที่มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วในประเทศของเราขณะนี้ มีข้อสังเกตุจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายเหตุการณ์ เช่น การปลุกระดมชึ􀃊นำมวลชนให้ต่อต้านอำนาจรัฐจากแกนนำที่อยู่นอกประเทศด้วยเทคโนโลยี VDO Link ด้วยการใช้การสื่อสารผ่านระบบ Broadband Internet การรายงานเหตุการณ์และการกระจายข่าวสารที่เกิดขึ้นในรูปแบบดิจิทัล (VDO clip) สู่เว็ปไซท์สังคมเครือข่าย (Social network)อย่างเช่น YouTube และ Blog ต่างๆอย่างทันที่ทันใดจากประชาชนผู้เห็นเหตุการณ์ที่บันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยโทรศัพท์เคลื่อนที่ รวมถึงการสื่อสารในกลุ่มประชาชนที่ใช้อินเทอร์เน็ตในเรื่องที่เกี่ยวข้องผ่านสังคมเครือข่ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Hi5 หรือ IM (Instant Messaging) เป็นต้น จนส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความมั่นคงของชาติอย่างทันทีทันใด (Real time)

 :newe9: :yoyox32: :newe11: :l52:

87
 :newe1: :newe3: [PZ04] [PZ06]

ลักษณะทั่วไปของ Social Network
Social Network หรือเรียกว่า “เครือข่ายสังคม” “เครือข่ายมิตรภาพ” “กลุ่มสังคมออนไลน์” คือ บริการผ่านเว็บไซต์ที่เป็นจุดโยงระหว่างบุคคลที่มีเครือข่ายสังคมของตัวเองผ่านเน็ตเวิร์ค internetรวมทั้งเชื่อมโยงบริการต่างๆ เช่น เมสเซ็นเจอร์ เว็บบอร์ด บล็อก ฯลฯ เข้าด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีก็กลุ่มย่อย เช่น กลุ่มคนขี่จักรยานเสือภูเขา โดยคนที่ลงทะเบียนสมัครจะกรอกข้อมูลส่วนตัว รูปภาพ อัลบั้มรูป โดยเชื่อมเครือข่ายสังคมและเครือข่ายมิตรภาพเข้าด้วยกัน ด้วยการแชร์รูป แชร์ไฟล์  ซึ่งเราจะเรียกเว็บไซต์เหล่านี้ว่า SNS (Social Network Sites)

เว็บไซต์อย่าง MySpace, Hi5, Facebook ภาษาในโลกออนไลน์ยุค Web2.0 เค้าจะเรียกกันว่า “Social Networking”  ซึ่ง Social Networking นี้ เรียกได้ว่าเป็นรูปแบบของสังคมประเภทหนึ่ง ที่มาออนไลน์อยู่บนอินเตอร์เน็ต (หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นสังคมเสมือน “Virtual Communities) หรืออาจจะเรียกว่า Online Community โดยที่สังคมที่เราใช้ชิวิตตอนนี้จะเรียกว่า Offline (ให้มันคู่กัน)
       สังคมดังกล่าว มีการขยายตัวแบบ Network หรือเครือข่าย (บางท่านอาจจะคุ้นเคยกับ Amway ซึ่งนั่นก็เป็น Network แบบหนึ่งเช่นกัน คือ มีการขยายตัวแบบต่อๆกันไป)          Social Networking เป็นสังคมที่เราสามารถรู้จักเพื่อนๆของเพื่อน และทำให้เป็นเพื่อนของเราได้ อีกด้านหนึ่ง เพื่อนของเรา อยากรู้จักเพื่อนๆของเรา  ก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยเป็นการรู้จักกันต่อไปเป็นทอดๆ คล้ายเครือข่ายใยแมงมุม ที่โยงกันไปมาได้ แต่การที่จะสร้าง Social Networking นี้ไม่ง่าย ที่จะประสบความสำเร็จ  เพราะเบื้องหลังการมีสังคมประเภท Social Networking มันมีอะไรมากกว่านั้น
               หลักการพื้นฐานของสังคมทั่วไป ที่จะทำให้สังคมนั้นๆ น่าอยู่ อยู่ได้นานๆ และขยายตัวได้ มีการเจริญเติบโตตามสมควร นั่นคือ พื้นฐานของการให้และรับ (Give&Take) การแบ่งปัน (Sharing & Contribution) เป็นหลักการพื้นฐานของจิตวิทยาด้านสังคม (Social Psychology) และสามารถอธิบายได้ด้วยทฤษฏีทางเศรษฐศาสตร์
              Peter Kollock ได้ให้กรอบจำกัดความเรื่อง แรงจูงใจในการ Contribute ใน Online Communities มีอยู่ 4 เหตุผล คือ   
              1.) Anticipated Reciprocity  การที่คนๆ หนึ่งได้ให้ข้อมูล ความรู้ กับ Online Community นั้นบ่อยๆ มีแรงจูงใจมาจากการที่คนๆ นั้น เอง ก็ต้องการจะได้รับข้อมูล ความรู้ อื่นๆ กลับคืนมา  เช่น นาย roch มาโพสต์ข้อความตอบกระทู้บ่อยๆใน tlcthai.com จนคนรู้จัก มีความคุ้นเคยกัน ถ้ามีการถามกระทู้ใน tlcthai.com กระทู้ของนาย roch จะมีคนมาโพสต์ตอบเร็วกว่ากระทู้ของคนอื่นที่เป็นคนแปลกหน้ามาโพสต์
         2.) Increased Recognition  ความต้องการมีชื่อเสียง และเป็นที่จดจำของคนใน Online Community นั้นๆ เช่น การให้คะแนน ให้ดาว คนที่ตอบคำถามเก่งๆใน Community ทำให้คนคนนั้นดูมียศเหนือกว่าคนอื่น   
         3.) Sense of efficacy  ความรู้สึกภาคภูมิใจ คนที่ Contribute อะไรแล้วเกิด Impact กับ Community นั้น ย่อมทำให้คนๆนั้นมีความภาคภูมิใจ เช่น นาย pojinban ตั้งกระทู้ใน tlcthai.com และมีคนเข้ามาโพสต์ตอบตามมาเป็นหมื่นๆคน ย่อมรู้สึกดีกว่าตั้งกระทู้แล้วไม่มีคนเข้ามาตอบเลย         
         4.) Sense of Community  เช่น การมีปฏิสัมพันธ์กันหรือการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันระหว่างคนในสังคมนั้นๆ เหมือนมีคนมาตั้งกระทู้หรือเขียนบทความอะไร เรามาอ่านเจอเข้าก็คันไม้คันมือ อยากแสดงความคิดเห็นของตัวเอง การที่ความคิดคนหนึ่ง มีอิทธิพลเหนือคนกลุ่มหนึ่ง หรือ การมีอารมณ์ความรู้สึกบางอย่างร่วมกัน เช่น การรวมตัวกันเพื่อแสดงพลังทางการเมือง หรือ การรวมตัวกันเพื่อแสดงออกอะไรบางอย่างบน Online Community

 :yoyo_89: :newe12: :newe10:

88
รายวิชา เครือข่ายสังคมออนไลน์ / ความเป็นมา Social Network
« เมื่อ: วันที่ 08 มิถุนายน 2011, 09:52:50 »
 :newe9: :newe9: :newe9:

ความเป็นมาของ Social Network
   จุดเริ่มต้นของสังคมออนไลน์เกิดขึ้นจากเว็บไซต์ Classmates.com เมื่อปี 1995 และเว็บไซต์ SixDegrees.com ในปี 1997 ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่จำกัดการใช้งานเฉพาะนักเรียนที่เรียนในโรงเรียนเดียวกัน เพื่อสร้างประวัติ ข้อมูลการสื่อสาร ส่งข้อความ และแลกเปลี่ยนข้อมูลที่สนใจร่วมกันระหว่างเพื่อน นักเรียนในลิสต์เท่านั้น ต่อมาในปี 1999 เว็บไซต์ epinions.com ที่พัฒนาโดย Jonathan Bishop ก็ได้มีการเพิ่มฟังก์ชั่นในส่วนของการที่ผู้ใช้สามารถควบคุมเนื้อหาและติดต่อถึงกันได้ ไม่เพียงแต่เพื่อนในรายชื่อเท่านั้น

 >:D >:D >:D


89
รายวิชา เครือข่ายสังคมออนไลน์ / สวัสดีครับ
« เมื่อ: วันที่ 27 พฤษภาคม 2011, 09:48:30 »
 :l7: :l7: :l7: :l7:

สวัสดีครับ

 [PZ05] [PZ05] [PZ05]

หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 9