• Welcome to งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน โรงเรียนวารินชำราบ สพม. เขต 29.
 

ข่าว:

พืชพรรณต่างๆ มีภาพประกอบ และจัดเป็นหมวดหมู่ตามลักษณะวิสัย ค้นหาได้ง่าย

Main Menu
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - ศักรินทร์ แก้วบุญเรือง

#1
คอมพิวเตอร์กราฟิกพรรณไม้ / ดอกบัว
09 กรกฎาคม 2013, 12:54:05 หลังเที่ยง
นายศักรินทร์ แก้วบุญเรือง ม.5/1 เลขที่4
#2
ไม้ล้มลุก / พุทธรักษา รหัส 7-34190-001-096
22 มิถุนายน 2013, 14:37:13 หลังเที่ยง
พุทธรักษา รหัส 7-34190-001-096 
ชื่อสามัญ    Butsarana
ชื่อวิทยาศาสตร์     Canna indica Linn.
วงศ์   CANNACEAE
ชื่ออื่น -
ลักษณะทั่วไป
  พุทธรักษาเป็นพรรณไม้ล้มลุก เนื้ออ่อนอวบน้ำ ลำต้นสูงประมาณ 1–2 เมตร มีลำต้นอยู่ใต้ดินเรียกว่า เหง้า เจริญเติบโตโดยแตกหน่อเป็นกอคล้ายกล้วย ใบมีขนาดใหญ่สีเขียวโคนใบและปลายใบรีแหลม ขอบใบเรียบ กลางใบเป็นเส้นนูนเห็นชัด ใบมีก้านใบยาวเป็นกาบใบหุ้มลำต้นซ้อนสลับกัน ออกดอกเป็นช่อตรงส่วนยอดของลำต้น ช่อดอกยาวประมาณ 15–20 เซนติเมตร ประกอบด้วยดอก 8–10 ดอก และมีกลีบดอกบางนิ่ม ขนาดของดอกและสีสรรแตกต่างกันไปตามชนิดพันธุ์
#3
ไม้ล้มลุก / พลับพลึงแดง รหัส 7-34190-001-095
22 มิถุนายน 2013, 14:34:08 หลังเที่ยง
พลับพลึงแดง รหัส 7-34190-001-095
ชื่อวิทยาศาสตร์: Crinum amabile Donn.
ชื่อวงศ์
: AMARYLLIDACEAE
ชื่อสามัญ: Red Crinum,Giant Lily
ถิ่นกำเนิด: มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปแอฟริกา
ลักษณะวิสัย: ไม้ล้มลุก
ลักษณะทั่วไป:  เป็นพรรณไม้ขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง  ซึ่งมีลำต้นอวบใหญ่  เนื้อในขาวและอ่อนนุ่ม  ลำต้นโตเต็มที่  จะมีความสูง 3- 4 ฟุต  ใบจะขึ้นรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่  ลักษณะของใบเป็นรูปหอก  ตรงปลายใบจะแหลม  ขอบใบเรียบไม่มีจัก  เป็นสีเขียว  ตรงโคนใบจะเป็นกาบ  ซึ่งทำหน้าที่เป็นก้านใบห่อหุ้มเปลือกของลำต้น  อยู่ผิวเนื้อใบ
จะอ่อนนุ่มและหนาเหนี่ยว  ดอกจะออกเป็นช่อใหญ่   กลีบดอกด้านล่างจะเป็นสีแดงเข้ม  หรือสีแดงเลือดหมู  ดอกมีกลิ่นหอม  จะออกปีละครั้ง
ประโยชน์:ใบ  นำเอามาย่างไฟ พันแก้ฟกช้ำ บวม เคล็ด ขัดยอก ใช้อยู่ไฟ หลังคลอดต้มรับประทานทำให้อาเจียนหัว มีรสขม ในอินเดียใช้เป็นยาระบาย ขับเสมหะ รักษาโรคเกี่ยวกับ น้ำดี เมล็ด เป็นยาระบาย ขับปัสสาวะ เป็นยาบำรุง


#4
ไม้ล้มลุก / ผักเป็ด รหัส 7-34190-001-094
22 มิถุนายน 2013, 14:31:01 หลังเที่ยง
ผักเป็ด รหัส 7-34190-001-094
ชื่ออื่น ๆ : ผักเป็ดแดง, ผักเป็ดขาว (ภาคกลาง), ผักเปี๋ยวแดง (ภาคเหนือ)
ชื่อสามัญ : -
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Alternanthera sessilis (Linn.) R. Br.
วงศ์ : AMARTHACEAE
ลักษณะทั่วไป : ต้น : เป็นพรรณไม้ล้มลุก มีลำต้นตั้งตรง หรืออาจจะเลื้อยก็แล้วแต่สภาพสิ่งแวดล้อม ตามข้อ ของต้นจะมีรากขึ้น ลำต้นสูงประมาณ 0.5-3 ฟุตมีทั้งสีแดง สีขาวอมเขียว
ใบ : ออกใบเดี่ยว จะออกตามข้อของต้น ซึ่งลักษณะของใบและขนาดของใบนั้นจะไม่เหมือนกันและไม่เท่ากัน มันจะขึ้นอยู่กับสภาพดินด้วย จะมีทั้งแบบใบแคบ ยาว เรียวแหลม ปลายแหลม ปลายมน และไข่กลับ ถ้าดินที่ปลูกแห้งแล้งใบก็จะเล็ก ถ้าแฉะหน่อยใบก็จะใหญ่สมบูรณ์ ใบมีสีเขียว ก้านใบสั้นมาก ประมาณ 1-5 มม.
ดอก : ออกเป็นช่อกลม ๆ อยู่ตามง่ามใบ ช่อดอกยาว 0.5-1 ซม. ไม่มีก้านดอก แต่เมื่อดอกร่วงโรยไป จะดูเหมือนกับมีก้านดอก ดอกสีขาวหรือม่วงแดง มี 5 กลีบในแต่ละดอกมีใบประดับเป็นเยื่อบาง ๆ สีขาว 2 อัน
ผล : มีรูปร่างคล้ายรูปไต แต่จะมีขนาดเล็กมากจะกว้างอยู่ประมาณ 2 มม. ยาว 3 มม. ซึ่งผลนี้จะร่วงโรยพร้อมกับกลีบดอก
ส่วนที่ใช้ : ต้น ใบ และราก
สรรพคุณ : ต้น ประเทศไทยเรานำมาปรุงเป็นยาฟอกเลือด บำรุงเลือด ดับพิษเลือด และเป็นยา
ระบายอ่อน ๆ ส่วนในเกาะมาดากัสการ์ ศรีลังกา มาเลเซีย ลาว กัมพูชา เวียดนาม ใช้เป็นยาขับน้ำนม เป็นผักชนิดหนึ่ง พอกแผล และรักษาโรคเกี่ยวกับลำไส้ ในอินโดนีเซียใช้เป็นยาแก้ท้องร่วง แก้บิด ลดไข้ และในประเทศอินเดีย ใช้แก้พิษงูกัด ขับน้ำนม เป็นยากระตุ้นการไหลของน้ำดี
ใบ ใช้แก้พิษงูกัด
ราก ใช้ปรุงเป็นยาฟอกเลือด แก้ประจำเดือนมาไม่ปกติ เป็นยาระบาย
#5
ไม้เลื้อย / บวบกลม รหัส 7-34190-001-093
22 มิถุนายน 2013, 14:24:07 หลังเที่ยง
บวบกลม รหัส 7-34190-001-093
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Luffa cylindrica (L.) M.Roem
วงศ์ : CUCURBITACEAE
ชื่อสามัญ :  Smooth loofah;
ชื่ออื่น :  มะนอยอ้ม (ภาคเหนือ; มะนอยขม; บวบอ้ม; บวบขม; บวบกลม; กะตอร่อ (มลายู – ปัตตานี);
ลักษณะทางพฤกศาสตร์
ลำต้น ไม้เถาเลื้อย ไม่มีเนื้อไม้ อายุเพียงปีเดียว ลำต้นและกิ่งก้านมีขน จะค่อยหลุดร่วงเมื่อแก่ ตามข้อมีมือเกาะเป็นเส้นยาว มักแยกเป็น 3 แขนง
ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงสลับ กว้างและยาว 12-20 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบเว้ารูปหัวใจ ขอบใบหยักเล็กน้อย มีรอยเว้าลึกเป็น 5 แฉก ก้านใบยาว 6-10 เซนติเมตร เป็นเหลี่ยม
ดอก ดอกแยกเพศอยู่บนต้นเดียวกัน ออกเดียวๆหรือเป็นช่อ ดอกเพศผู้เป็นช่อยาว 10-15 เซนติเมตร ก้านดอกยาว 1-2 เซนติเมตร กลีบเลี้ยงส่วนโคนเชื่อมติดกันเป็นท่อสั้นๆ ปลายแยกเป็นกลีบเล็กเรียว 5 กลีบ มีขน กลีบดอก 5 กลีบ รูปไข่กลับหรือรูปรี สีเหลือง ขอบกลีบมีรอยย่นเป็นคลื่น ดอกเพศเมีย มักออกเป็นดอกเดี่ยว ก้านดอกยาว 1-7 เซนติเมตร กลีบเลี้ยงและกลีบดอกเหมือนเพศผู้ ที่ฐานดอกมี่รังไข่ทรงกระบอกยาว
ผล รูปทรงกระบอก เส้นผ่าศูนย์กลาง 4-10 เซนติเมตร ยาว 15-30 เซนติเมตร ปลายผลยังมีกลีบเลี้ยงติดอยู่ เนื้อในมีเส้นใยสานเป็นร่างแห เมล็ดแบนรี เมื่อแก่มีสีดำ
ส่วนที่ใช้และสรรพคุณ   ผลอ่อนกินเป็นยาระบาย ขับลม ขับน้ำนม และแก้อาการเลือดออกตามทางเดินอาหาร และจากกระเพาะปัสสาวะ
#6
ไม้ล้มลุก / ต้อยติ่ง รหัส 7-34190-001-090
22 มิถุนายน 2013, 14:07:30 หลังเที่ยง
ต้อยติ่ง รหัส 7-34190-001-090
ชื่ออื่นๆ ต้อยติ่ง  อังกาบ
ชื่อสามัญ Waterkanon, Watrakanu, Minnieroot, Iron root, Feverroot, Popping pod, Trai-no, Toi ting
ชื่อวิทยาศาสตร์ Ruellia tuberosa Linn.
วงศ์   Acanthaceae
ลักษณะพฤษศาสตร์ เป็นพืชล้มลุกมีอายุยืน ลำต้นสูงประมาณ 25 - 50 เซนติเมตร ใบเดี่ยวรูปรีและไข่กลับ การเกาะติดของใบบนกิ่งเป็นคู่สลับ ดอกออกที่ซอกใบบริเวณปลายยอด ดอกสีม่วงน้ำเงิน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 - 5 เซนติเมตร ผลเป็นฝัก เมื่อแก่สีน้ำตาลเข้มยาว 2 - 3 เซนติเมตร แห้งแล้วแตกเป็น 2 ซีก เมล็ดกลมแบนมีจำนวนมาก  ราก พองเป็นหัวสะสมอาหาร ปลายเรียวแหลมยาว ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 5 - 10 เซนติเมตร
สรรพคุณด้านสมุนไพร
ราก  ทำให้อาเจียน ใช้ดับพิษ แก้ปัสสาวะพิการเมล็ด  ใช้พอกห้ามเลือด ผื่นคัน
#7
ไม้ล้มลุก / เทียนฝรั่ง รหัส 7-34190-001-440
22 มิถุนายน 2013, 13:35:33 หลังเที่ยง
เทียนฝรั่ง รหัส 7-34190-001-440
ชื่อ Impatiens walleriana Hook. f.
Suitana, Busy Lizzie, Plant
วงศ์ Balsaminaceae
มีถิ่นกำเนิดใน แทนซาเนียถึงโมซัมบิก มีอายุหลายปี พุ่มสูง 15-60 เซนติเมตร ลำต้นอวบน้ำ ใบรูปไข่หรือรูปรี ปลายแหลม ขอบหยักมน สีเขียวเข้ม บางครั้งก้านใบมีสีแดง ดอกออกเป็นช่อที่ปลายยอด มีทั้งดอกชั้นเดียวและดอกซ้อน ขนาด 5-6 เซนติเมตร กลีบดอกมี 5 กลีบขึ้นไปโคนกลีบล่างมีเดือยเล็กๆยื่นออกมา ดอกมีหลายสี เช่น สีขาว ชมพู ส้ม แดง ม่วง หรือสองสีในต้นเดียวกัน ขยายพันธุ์ด้วยการ เพาะเมล็ด ปักชำ
http://www.kittisopongarden.com/index1.php?fg=showplant&id=9
เทียนบ้าน ชื่อวิทยาศาสตร์ Impatiens balsamina Linn. วงศ์ Balsaminaceae ชื่อท้องถิ่น เทียนดอก เทียนไทย เทียนสวน (ภาคกลาง) ลักษณะของพืช เป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่งลำต้นอวบน้ำและมีขนเล็กน้อย ใบเรียวแหลม ขอบใบเป็นหยักละเอียด ดอกมีทั้งใบเดี่ยวและเป็นดอกรวม 2-3 ดอก มีหลากสี ผลรูปรีมีเมล็ดกลมอยู่ข้างในแก่แล้วจะแตกออกมา การปลูก ปลูกได้โดยใช้เมล็ด ขึ้นง่าย ส่วนที่ใช้เป็นยา ใบสด ดอกสด ช่วงเวลาที่เก็บยา เก็บใบขนาดกลางที่สมบูรณ์ รสและสรรพคุณยาไทย ใช้ใบตำพอกเล็บขบและอาการปวดเมื่อยตามนิ้วมือนิ้วเท้า ถอนพิษ ปวดแสบปวดร้อน ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ใบมีส่วนประกอบชื่อ 2-hydroxy-1,4 naphthaquinoneซึ่งมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อราในพืช ได้ดีนอกจากนี้ยังมีกรดอินทรีย์หลายชนิดในดอกก็พบว่ามีชื่อ harands, anthocyanin และอื่นๆ มีการ สกัดด้วยแอลกอฮอล์จากใบสามารถฆ่าเชื้อจำพวก dermatophytesที่เป็นสาเหตุสำคัญของโรตผิวหนัง กลาก ฮ่องกงฟุตได้ วิธีใช้ ใช้ใบสดและดอกประมาณ 1 กำมือตำให้ละเอียดแล้วเอามาพอกบริเวณที่เป็นแผลพุพองวันละ 3 ครั้ง ชื่อท้องถิ่น เทียนดอก, เทียนบ้าน, เทียนสวน (ภาคกลาง) ; จึงกะฮวย, ห่งเซียง, จี๋กะ เช่า, เซียงถ่ออั้ง (จีน) ชื่อวิทยาศาสตร์ Impatiens balsamina Linn ลักษณะ เป็นพืชล้มลุก ต้นสูง 20 - 60 ซม. ลำต้นสีเขียวอ่อน อุ้มน้ำ เนื้อใสและโปร่งแสง ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงสลับเวียนรอบลำต้น รูปยาวเรียว โคนใบและปลายเรียวแหลม ขอบใบหยักแบบฟันเลื่อย กว้าง 2 - 3 ซม. ยาว 8 - 10 ซม. ก้านใบสั้น มีตุ่มเรียงเป็นแนวยาว 2 ข้าง ดอก ออกเดี่ยวๆ หรือออกหลายดอกอยู่รวมกัน กลีบรองดอก 3 กลีบ รูปไข่ป้อม เล็ก สีเขียว กลีบดอก 5 กลีบ กลีบบนรูปกลม ปลายเว้าเล็กน้อย กลีบข้าง 2กลีบกว้าง กลีบล่างงอเป็นกระเปาะ ก้นกระเปาะมี จงอยยื่นออกมาเป็นหลอดเล็กๆ ยาวๆ ปลายโค้งงอขึ้นเล็กน้อย กลีบดอกมีหลายสี เช่น ขาว ชมพู แดง หรือ หลายสีผสมกัน เกสรผู้ 5 อัน ติดอยู่รอบเกสรเมีย เกสรเมียมี 5 ช่อง ปลายท่อเกสรเมียมี 5 แฉก ผล รูปไข่ หรือ รูปรี มีขนสีขาว แก่จัดจะแตกเป็นริ้วๆ ตามยาวของผลและม้วนขมวด แต่ละช่องมีเมล็ดจำนวนมาก เมล็ดกลม สีน้ำตาล กว้าง ยาว ประมาณ 2 - 3 มม ขยายพันธุ์ ใช้เมล็ดหยอดลงในดินลึก 2 - 3 กลบดินให้เรียบ รดน้ำให้ชุ่มทุกวัน เมื่อต้นงอกแล้วยาวพอสมควร ให้ถอนต้นที่ไม่แข็งแรงออกเหลือเพียง 1 - 2 ต้นต่อหลุม สรรพคุณทางยาและวิธีใช้ รักษาฝี แผลพุพองและเล็บขบ ใช้ใบสด 1 กำมือ ตำให้ละเอียดนำมาพอก บริเวณที่เป็นวันละ 3 ครั้ง
#8
กล้วยไม้ / กล้วยไม้หวาย รหัส 7-34190-001-439
22 มิถุนายน 2013, 13:31:17 หลังเที่ยง
เด็นโดรเบี้ยม             : Dendrobium
ชื่อวิทยาศาสตร์           : Dendrobium.
วงค์                        : ORCHIDACEAE
ชื่ออื่น                      : หวาย

        สกุลหวาย กล้วยไม้สกุลหวายนับว่าเป็นกล้วยไม้ดอกสวยสกุลใหญ่ที่สุดที่พบในประเทศไทย คือพบในป่าธรรมชาติ ซึ่งมีรูปร่างลักษณะทั้งดอก ใบ และลำลูกกล้วยแตกต่างกันออกไปอย่างกว้างขวาง กล้วยไม้สกุลหวายมีกลีบชั้นนอกที่มีขนาดยาวไล่เลี่ยกัน กลีบนอกคู่ล่างจะเชื่อมติดกับฐานของเส้าเกสรและที่รอยต่อนี้จะปูดออกมา เรียกกันว่าเดือยมีเรณู 4 ก้อนติดอยู่ที่ปลายของเส้าเกสร จำนวนก้อนเรณูนี้เป็นลักษณะสำคัญที่นักพฤกษศาสตร์ใช้แบ่งกล้วยไม้สกุลหวายกับสกุลอีเรียออกจากกัน เพราะอีเรียมีเรณู 8 ก้อน กล้วยไม้สกุลหวายเป็นกล้วยไม้ที่เข้าสู้สังคมกล้วยไม้ของเมืองไทยเป็นอันดับสองรองจากคัทลียา กล้วยไม้สกุลหวาย (Dendrobium) เป็นกล้วยไม้สกุลใหญ่ที่สุด มีการแพร่กระจายพันธุ์ออกไปในบริเวณกว้างทั้งในทวีปเอเชียและหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก นักพฤกษศาสตร์ได้จำแนกออกเป็นหมู่ประมาณ 20 หมู่ และรวบรวมกล้วยไม้ชนิดนี้ที่ค้นพบแล้วได้ประมาณ 1,000 ชนิดพันธุ์
กล้วยไม้สกุลหวาย มีลักษณะการเจริญเติบโตแบบซิมโพเดียล คือ มีลำลูกกล้วย

        เมื่อลำต้นเจริญเติบโตเต็มที่แล้วจะแตกหน่อเป็นลำต้นใหม่และเป็นกอ ใบแข็งหนาสีเขียว ดอกมีลักษณะทั่วไปของกลีบชั้นนอกคู่บนและคู่ล่างขนาดยาวพอๆ กันโดยกลีบชั้นนอกบนจะอยู่อย่างอิสระเดี่ยวๆ ส่วนกลีบชั้นนอกคู่ล่างจะมีส่วนโคน ซึ่งมีลักษณะยื่นออกไปทางด้านหลังของส่วนล่างของดอกประสานเชื่อมติดกับฐาน หรือสันหลังของเส้าเกสร และส่วนโคนของกลีบชั้นนอกคู่ล่างและส่วนฐานของเส้าเกสรซึ่งประกอบกันจะปูด ออกมา มีลักษณะคล้ายเดือยที่เรียกว่า "เดือยดอก" สำหรับกลีบชั้นในทั้งสองกลีบมีลักษณะต่างๆ กันแล้วแต่ชนิดพันธุ์ของกล้วยไม้นั้นๆ กล้วยไม้หวายป่าของไทยมีสีสวยงาม ก้านช่อสั้น สำหรับกล้วยไม้สกุลหวายที่เป็นกล้วยไม้อยู่ในป่าของไทย มีหลายชนิดอันได้แก่พวก "เอื้อง" ต่าง

#9
ไม้ล้มลุก / ผักขมหนาม รหัส 7-34190-001-438
22 มิถุนายน 2013, 13:25:28 หลังเที่ยง
ชื่อวิทยาศาสตร์:   Amaranthus spinosus L.
วงศ์: AMARANTHACEAE
ชื่อสามัญ:   Spiny amaranth ;Spiny ppigweed.
ชื่ออื่น:  กะเหม่อลอมี;ปะตึ (เขมร);ผักโหมหนาม (ภาคใต้);แม่ล้อดู่;หมั่งลั้งดุ่ (กระเหรี่ยง – แม่ฮ่องสอน)
ลักษณะทางพฤกศาสตร์
ลำต้น: ไม้ล้มลุก อายุเพียงปีเดียว แตกกิ่งก้านสาขา สูง 15-100 เซนติเมตร ลำต้นอวบน้ำ กลมหรือมีเหลี่ยมมนๆ สีเขียวหรือม่วงแกมเขียว ลำต้นมีหนามยาว มักพบตามข้อ
ใบ: เป็นใบเดี่ยว ออกสลับบกัน รูปไข่หรือรูปหอก กว้าง 1-3 เซนติเมตร ยาว 3-8 เซนติเมตร ก้านใบยาว 1.5-8 เซนติเมตร โคนใบแหลม ปลายใบแหลมหรือเว้าเล็กน้อย บางครั้งปลายใบเปลี่ยนเป็นหนามสั้นๆ ใบเกลี้ยง แต่ใบอ่อนอาจมีขนเล็กน้อยตามเส้นใบ
ดอก: เป็นดอกช่อ ดอกตอนล่างออกเป็นกระจุกตามง่ามใบ และมีหนามตรงๆ 2 อัน ดอกตอนบนออกเป็นช่อตามยอดหรือง่ามใบไม่มีก้านดอก เป็นดอกแยกเพศอยู่ในช่อเดียวกัน
สรรพคุณตามตำรับยาไทย
ส่วนที่ใช้และสรรพคุณ:
ราก : อินเดียรากเป็นยาแก้ตกเลือด รักษากามโรค หนองใน อาการจุกเสียดและเรื้อนกวาง ,ใบ : อินเดียใบและรากต้มเป็นยาระบายเด็กและใช้อาบแก้อาการคันที่ผิวหนัง ใบและต้นตำพอกปิดแผลที่เป็นหนองฝีและแผลที่เกิดจากถูกไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
#10
ไม้เลื้อย / ส้มกบ 7-34190-001-437
22 มิถุนายน 2013, 13:22:27 หลังเที่ยง
ชื่อวิทยาศาสตร์:   Oxalis acetosella L.
วงศ์:   OXALIDACEAE
ชื่อสามัญ:   Creeping lady's sorrel;Creeping lady's sorrelIndian sarrel;Wood;Yellow wood sorrel
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลำต้น: พืชขนาดเล็ก ชอบขึ้นที่ชื้นแฉะ ขึ้นปกคลุมผิวดินเป็นกลุ่ม มีอายุหลายปี ลำต้นเป็นไหลเลื้อยทอดไปตามพื้นดิน ส่วนของต้นมีขนปกคลุม
ใบ: เป็นใบประกอบ มีใบย่อย 3 ใบ เกิดจากจุดเดียวกัน ที่ปลายก้านใบ ใบย่อยรูปหัวใจ ปลายใบเว้า โคนใบแหลม ก้านใบยาว 10 เซนติเมตร
ดอก: เป็นดอกเดี่ยว ออกตามซอกใบ กลีบดอก สีเหลือง ส่วนโคนเชื่อมติดกันเป็นรูปกรวย ปลายแยกเป็น 5 กลีบ ก้านดอกยาว 3-10 เซนติเมตร ออกดอกตลอดปี
ผล: เป็นฝัก 5 เหลี่ยม มีขนปกคลุม ยาว 4-6 เซนติเมตร ผลแก่แห้งและดีดเมล็ดออก
สรรพคุณตามตำรับยาไทย
ส่วนที่ใช้และสรรพคุณ:
เหง้า : เป็นยาเย็นช่วยเจริญอาหาร ใช้ทาภายนอกขจัดตาปลา หูด
#11
ไม้ล้มลุก / เทียนบ้าน รหัส 7-34190-001-436
22 มิถุนายน 2013, 13:17:54 หลังเที่ยง
ชื่อวิทยาศาสตร์ :Impatiens balsamina L.
ชื่อสามัญ : Garden Balsam
วงศ์ : BALSAMINACEAE
ชื่ออื่น : เทียนดอก เทียนไทย เทียนสวน (ภาคกลาง)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ ล้มลุกสูง 30-80 ซม. ลำต้นอวบน้ำและค่อนข้างโปร่งแสง ออกดอกออกผลแล้วต้นจะตาย ใบเดี่ยวเรียงสลับรอบลำต้น รูปวงรี ขอบใบหยักฟันเลื่อย ดอกเดี่ยวหรือเป็นกระจุก ออกที่ซอกใบ กลีบดอกมีสีชมพู แดง ม่วง ขาว ผลเป็นผลแห้ง เมื่อแก่จัดจะแตกออก เปลือกผลม้วนขมวดขึ้น และดีดเมล็ดที่ค่อนข้างกลมสีน้ำตาลออกมา เพื่อช่วยกระจายพันธุ์
ส่วนที่ใช้ : ใบทั้งสดและแห้ง ยอดสด ต้นและรากสด เมล็ดแห้ง
สรรพคุณ :
•   ใบสด แก้ปวดข้อ ยารักษากลากเกลื้อน แก้ฝีและแผลพุพอง ยากันเล็บถอด
•   ใบแห้ง แก้แผลอักเสบ ฝีหนอง แผลเน่าเปื่อย รักษาแผลเรื้อรัง
•   ยอดสด แก้จมูกอักเสบ บวมแดง
•   ต้นสด แก้แผลงูสวัด
•   รากสด แก้บวมน้ำ ตำพอกแผลที่ถูกเสี้ยนหรือแก้วตำ
•   เมล็ดแห้ง แก้ประจำเดือนไม่มา ขับประจำเดือน
ขนาดและวิธีใช้ -แก้ปวดข้อ ใช้ใบสดต้มกับน้ำผสมเหล้าดื่ม
- ยารักษากลากเกลื้อน ใช้ใบสด 1 กำมือ ตำให้ละเอียด ตำทั้งน้ำและเนื้อบริเวณที่เป็น ทาบ่อยๆ จนกว่าจะหาย
- แก้ฝีและแผลพุพอง ใช้ใบสด 5-10 ใบ ล้างให้สะอาด ตำให้ละเอียด นำมาพอกที่เป็นแผล วันละ 3 ครั้ง จนกว่าจะหาย
- ยากันเล็บถอด ใช้ใบ ยอดสด 1 กำมือ ล้างให้สะอาด ตำให้ละเอียด เติมน้ำตาลทรายแดง 1/2 ช้อนชา พอกตรงเล็บ เปลี่ยนยาเช้า-เย็น
- แก้แผลอักเสบ ฝีหนอง แผลเน่าเปื่อย? ใช้ใบแห้ง 10- 15 กรัม ต้มกับน้ำดื่ม เช้า-เย็น
- รักษาแผลเรื้อรัง ใช้ใบแห้งบดเป็นผงผสมพิมเสนใส่แผล
- แก้จมูกอักเสบ บวมแดง ใช้ยอดสดตำกับน้ำตาลแดง พอกบริเวณที่เป็น เปลี่ยนเช้า-เย็น
- แก้แผลงูสวัด ใช้ต้นสดตำ คั้นเอาน้ำดื่ม เอากากพอกแผล
- แก้บวมน้ำ ใช้รากสด 4-5 ราก ต้มกับเนื้อรับประทาน 3-4 ครั้ง
- แก้ประจำเดือนไม่มา ขับประจำเดือน ใช้เมล็ดแห้งของต้นเทียนบ้านชนิดดอกสีขาว 60 กรัม บดเป็นผงรวมกับตังกุย 10 กรัม ผสมกับน้ำผึ้ง ปั้นเป็นยาเม็ด รับประทานครั้งละ 3 กรัม วันละ 3 เวลา หลังอาหาร