• Welcome to งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน โรงเรียนวารินชำราบ สพม. เขต 29.
 

ข่าว:

โรงเรียนได้รวบรวม พืชพรรณ นานาชนิดกว่า 600 ชนิด ที่ถูกรวบรวม เรียบเรียงไว้อย่างเป็นระบบ สืบค้นได้ง่าย

Main Menu
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - นายพลวัฒน์ ภาเรือง

#1
ไม้ล้มลุก / ตะไคร้หอม รหัส 7-34190-084
22 มิถุนายน 2013, 14:45:16 หลังเที่ยง
ชื่อวิทยาศาสตร์   Cymbopogon nardus Rendle. Syn.:    Andropogon nardus Linn.
ชื่อวงศ์   POACEAE
ชื่ออื่นๆ   นครศรีธรรมราช  :   ตะไคร้แดง (Ta-khrai- daeng)
ถิ่นกำเนิด   ศรีลังกา  อินเดีย  อินโดนีเซีย  มาเลเซีย  พม่า  ฟิจิ         
รูปลักษณะ   เป็นต้นไม้ที่ขึ้นเป็นกอใหญ่ๆ  ลำต้นสีแดง  ใบยาว  ดอกออกเป็นพวง  เป็นช่อฝอย คล้ายดอกอ้อหรือแขม  ใบและต้นมีกลิ่นฉุนจัด

สรรพคุณและส่วนที่นำมาใช้เป็นยา   
ใบและต้น – น้ำมันจากใบและต้น ใช้ปรุงกับน้ำหอมทาตัวป้องกันยุงกัด  แก้ปากแตกระแหง  แผลในปาก    สตรีมีครรภ์รับประทาน มีฤทธิ์บีบรัดมดลูก ทำลายโลหิต ทำให้แท้งได้  ใช้ปรุงเป็นยาขับลมในลำไส้
#2
ไม้ล้มลุก / บานชื่น 7-34190-001-425
22 มิถุนายน 2013, 14:12:09 หลังเที่ยง
ชื่อวิทยาศาสตร์   Zinnia elegans
ชื่อวงศ์    COMPOSITAE
ชื่อสามัญ    Zinnia
ชื่ออื่นๆ บานชื่น , Poorhouse flower, Everybody flower
ถิ่นกำเนิด  ประเทศเม็กซิโก
การขยายพันธุ์   เพาะเมล็ด, ปักชำยอด
ประวัติและข้อมูลทั่วไป
บานชื่นนิยมปลูกเป็นไม้ประดับบ้านเรือนและปลูกเป็นกระถาง เนื่องจากบานชื่นเป็นไม้ดอกที่ปลูกง่ายเลี้ยงง่าย ไม่ต้องพิถีพิถันในการดูและรักษา มากมายแต่ให้ดอกที่สวยงาม สีสันสดชื่น เป็นการสร้างสภาพแวดล้อมโดยไม่ต้องลงทุนมากมาย
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์บานชื่นเป็นไม้ดอกฤดูเดียว ลำต้นสูงประมาณ 2 ฟุต ลักษณะลำต้นมีขน ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ ใบติดกับลำต้น ดอกมีหลายสี เช่น แดง ชมพู ขาว ส้ม เหลือง ม่วงและแสด แล้วแต่ชนิดของพันธุ์ แต่ไม่มีกลิ่น
การปลูกและดูแลรักษา
บานชื่นเป็นไม้ที่ต้องการแสงแดดจัด ต้องปลูกกลางแจ้งให้ได้รับแสงแดดโดยตรงอย่างน้อยวันละ 6 ชั่วโมง สามารถเจริญเติบโตได้ในดินทุกชนิด แต่ถ้าได้มีการเตรียมดินให้ดีมีธาตุอาหารครบครัน มีการระบายน้ำดี กักเก็บความชื้นไว้พอควร ก็จะได้บานชื่นที่มีพุ่มต้นสวยสมบูรณ์ ดอกดก คุณภาพดอกดี ควรรดน้ำประจำทุกเช้า

#3
ไม้ล้มลุก / บานไม่รู้โรย รหัส 7-34190-001- 424
22 มิถุนายน 2013, 14:08:54 หลังเที่ยง
ชื่อวิทยาศาสตร์       Gomphrena globosa Linn.
วงศ์                     AMARANTHACEAE
ชื่อสามัญ -            Bachalor's Button,Button Agaga,Globe Amaranth,Pearly Everlasting
ชื่ออื่นๆ                 กะล่อม ตะล่อม (ภาคเหนือ) ดอกสามเดือน กุนหยี (ภาคใต้)

ลักษณะทั่วไป
บานไม่รู้โรยเป็นไม้ที่กำเนิดอยู่ในแถบร้อนของทวีปเอเชีย ทนต่อความร้อนความแห้งแล้งได้ดี เป็นไม้ล้มลุก ทรงพุ่มสูงประมาณ 100-150 ซ.ม ออกดอกเดี่ยวขนาดเล็กกลม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ3/4นิ้ว กลีบดอกแข็งเล็กจัดเรียงตัวรวมกันอยู่อย่างหนาแน่น มีสีชมพู ขาว ม่วงอมฟ้า และส้ม ดอกใช้ประโยชน์ได้ทั้งสดและแห้ง

การปลูก
เนื่องจากบานไม่รู้โรย เป็นดอกไม้ที่ปลูกง่ายและไม้ต้องการพื้นดินที่อุดมสมบูรณ์มากนักหรือปลูกในดินชนิดใดก็งอก
แต่ทั้งนี้ควรใส่ปุ๋ยคอกและปุ๋ยเคมีลงไปในดินบ้าง เพื่อการเจริญเติบโตและดอกจะได้มีคุณภาพดีดียิ่งขึ้น
การเก็บดอกมาทำแห้งไม่ควรเก็บช้าเกินไป เพราะดอกจะไม่ได้ขนาดและสีซีด การตัดก็ควรให้มีก้านดอกติดไปด้วยยาวประมาณ
5-12 นิ้ว ลิดใบออก มัดรวมกันไว้ในที่ร่ม

การขยายพันธุ์
นิยมขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด ซึ่งง่าย สะดวก รวดเร็ว การเพาะควรนำเมล็ดมาแช่น้ำประมาณ 3-4 ชม.
แล้วนำไปเพาะในกระบะ กลบด้วยวัสดุเพาะ จากนั้นประมาณ 8-10 วัน เมล็ดจะเริ่มงอกเป็นเริ่มต้นอ่อน
โรคและแมลง
ส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่ใบและต้น ได้แก่ โรคใบจุดและโรคแอนแทรกโนส โรคทั้งสองชนิดเกิดจากเชื้อราและระบาดในช่วงฤดูฝน
ฉะนั้นผู้ปลูกควรฉีดพ่นยาป้องกันเชื้อราไว้ก่อนเป็นครั้งคราว
   ลักษณะทั่วไป (Characteristic) :   ไม้ดอกล้มลุก  ลำต้นตั้งตรงหรือทอดเลื้อย  แตกกิ่งก้านจากโคนต้น  มีขนนุ่ม
สีขาวหนาแน่น
  ใบ (Foliage) : ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม ใบรูปใบหอกหรือรูปขอบขนานแกมรูปรี กว้าง 2-4 เซนติเมตร  ยาว 5-7 เซนติเมตร  ปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบเรียบ แผ่นใบสีเขียวมีขนปกคลุมทั้งสองด้าน
  ดอก (Flower) :    สีขาว ชมพู แดง และม่วง  ออกเป็นช่อแบบช่อเชิงลดไร้ก้านเป็นกระจุกแน่นตามซอกใบที่ปลายกิ่ง  ดอกย่อยมีใบประดับ 2 ใบ   กลีบเลี้ยง 5 กลีบ   ตรงกลางดอกมีเกสรเพศผู้แทรกอยู่ ช่อดอกบานเต็มที่กว้าง 1.5-2 เซนติเมตร
  ผล (Fruit) :   ผลแห้ง เป็นกระเปาะรูปไข่แกมขอบขนาน ขนาดประมาณ 2.5 มิลลิเมตร เมล็ด รูปไข่  สีน้ำตาล
เป็นมัน
การใช้งานด้านภูมิทัศน์ (Landscape Used) :   ปลูกเป็นแปลงประดับสวน ดอกมีหลายสี ตัดแต่งทรงพุ่มได้  ปลูกริมทางเดิน ริมถนน ปลูกริมทะเล
  ประโยชน์ :  ตัดดอกทำดอกไม้แห้งหรือบุหงารำไป ต้นชนิดดอกขาวต้มดื่มรักษากามโรค ขับปัสสาวะ
#4
ไม้ล้มลุก / ดาวเรือง รหัส 7-34190-001-423
22 มิถุนายน 2013, 14:00:33 หลังเที่ยง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Tagetes erecta L.
ชื่อวงศ์ : Compositae
ชื่อสามัญ : African marigold, Aztec marigold, Big marigold, American marigold
ชื่อพื้นเมือง : ดอกคำพู่จู้ คำปูจู้หลวง ดาวเรืองใหญ่ พอทู ดาวเรืองอเมริกัน   
ชนิดพืช [Plant Type] : ไม้ดอกล้มลุก   
ดาว เรืองเป็นพืชที่อยู่ในสกุล Tagetes ซึ่งเป็นชื่อเทพ ของชาว Etruscan ดาวเรืองเป็นดอกไม้ที่นิยมอย่างมากในเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ เม็กซิโก ในเอเชียใต้จะใช้ดาวเรืองสำหรับพิธีกรรมทางศาสนาฮินดู ส่วนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นิยมใช้บูชาทางศาสนาพุทธและพิธีมงคลต่างๆ ในเม็กซิโกจะใช้ดอกดาวเรืองในเทศกาลวันแห่งความตายเพื่อระลึกถึงวิณญาณบรร พบุรุษ
พืชในจีนัสเดียวกับดาวเรืองมีประมาณ 50 Species มีทั้งพวกล้มลุก และ พวกยืนต้นอยู่ได้หลายฤดู พืชสกุล Tagetes ในธรรมชาติ พบแพร่กระจายพันธุ์ตามพื้นที่ร้อน และแห้งแล้ง ตามพื้นที่ลาดชัน และก้นหุบเขา แถบ New Mexico ไปจนถึงประเทศอาร์เจนติน่าและมี 1 Species พบที่แอฟริกา
Tagetes erecta (ดาวเรืองอเมริกัน), Tagetes patula (ดาวเรืองฝรั่งเศส) และ Tagetes tenuifolia (ดาวเรือง signet) โดยทั้งหมดมาจากทวีปอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากเม็กซิโก ดาวเรืองอเมริกัน สามารถผสมเข้ากับดาวเรืองฝรั่งเศสได้ และให้ลูกผสมที่เป็นหมัน
Tagetes erecta ถูกซื้อจากแถวชายฝั่งทะเล แอฟริกา โดยนักบวชชาวสเปนใน ศตวรรษที่ 17 เมื่อมาถึงแอฟริกาแล้วได้ปลูกในธรรมชาติ และพบในป่าโดยพ่อค้าชาวอังกฤษแล้วเขาก็นำไปที่อังกฤษ ดังนั้นจึงถูกเรียกว่า ดาวเรืองแอฟริกัน ดาวเรืองฝรั่งเศสก็มีที่มาเหมือนกัน แต่เมื่อมาจากแอฟริกาแล้วมาที่ฝรั่งเศส จากนั้นก็มาที่อังกฤษ ดังนั้นจึงเรียกว่า ดาวเรืองฝรั่งเศส
ในประเทศไทย มีการปลูกดาวเรืองทั่วทุกภาคของประเทศมานาน จนคล้ายกับว่าเป็นพืชพื้นเมือง ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย แต่ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่ามีการนำเข้ามาปลูกครั้งแรกเมื่อไหร่ ชื่อของดาวเรืองจะเรียกแตกต่างกันไป ในแต่ละภาค แต่มีความหมายคล้ายกัน โดยเรียกตามสีและลักษณะดอก ภาคกลางเรียกว่า ดาวเรือง ภาคเหนือเรียกว่า คำปู้จู้ โดยที่คำแปลว่า ทอง ส่วน ปู้จู้แปลว่า กระจุกแน่น ส่วนดาวเรืองลูกผสม
พบว่า ได้มีการสั่งเมล็ดพันธุ์จากประเทศเนเธอร์แลนด์เข้ามาปลูกที่มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ในปี พ.ศ. 2510 จำนวน 4 พันธุ์ คือ Hybrid, Toreador, Double Eagle, Doubloon และ Sovereign ซึ่งแต่ละพันธุ์มีการเจริญเติบโตดี เหมาะที่จะปลูกเป็นไม้ตัดดอกและไม้ประดับ ยกเว้นพันธุ์ Doubloon โดยที่ก้านไม่ค่อยแข็งแรง ต่อมาจึงมีการสั่งเมล็ดพันธุ์ลูกผสมจากต่างประเทศมาปลูกเรื่อยมา ส่วนใหญ่จะปลูกทางภาคกลางและภาคเหนือ โดยช่วงแรกนำมาปลูกทดลองในสถานศึกษา เช่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีการคัดพันธุ์ที่เหมาะสม ที่จะปลูกเป็นไม้ดอกไม้ประดับและใช้ผสมในอาหารเลี้ยงไก่ จากนั้นจึงได้มีการเผยแพร่การปลูกดาวเรือง ไปสู่เกษตรกรและบุคคลทั่วไปประมาณปี พ.ศ. 2522-2524 ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูง โดยเฉพาะการปลูกเป็นไม้ตัดดอก ได้รับการส่งเสริมให้ผลิตเป็นไม้ตัดดอก จำหน่ายตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 เป็นต้นมา
ลักษณะทั่วไป (Characteristic) : ไม้ดอกล้มลุก มีทั้งพันธุ์เตี้ยเเละพันธุ์สูง ลำต้นเป็นเหลี่ยม
  ใบ (Foliage) : ใบประกอบแบบขนนก เรียงตรงข้าม ใบย่อยรูปรีถึงรูปใบหอกแกมรูปขอบขนาน กว้าง 0.5-1.5 เซนติเมตร ยาว 1.5-5 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบสอบแคบ ขอบใบจักฟันเลื่อย ผิวใบด้านบนสีเขียวเข้ม
  ดอก (Flower) :   มีหลายสี   เข่น  สีขาว เหลือง เหลืองทอง และส้ม ออกเป็นช่อแบบช่อกระจุกเดี่ยวที่ปลายกิ่ง
ดอกวงนอกกลีบดอกเป็นรูปรางน้ำซ้อนกันแน่น   โคนกลีบดอกเป็นหลอดเล็ก ปลายแผ่เป็นรูปไข่กลับ ดอกวงในกลีบดอกเป็นหลอดสีเหลืองปลายจักเป็น 5 ซี่ ดอกบานเต็มที่กว้าง 5-8 เซนติเมตร
  ผล (Fruit) : ผลแห้งไม่แตก มีสีดำ
การใช้งานด้านภูมิทัศน์ (Landscape Used) : ดอกสวย ปลูกประดับเป็นจุดเด่นในสวนหรือปลูกเป็นกลุ่ม ริมถนน ทางเดิน
ประโยชน์ :   ใบมีสรรพคุณพอกแผลฝี  ทาแผลเน่าเปื่อย  น้ำคั้นจากใบแก้ปวดหู  ดอกแก้ริดสีดวงทวาร  ขับเสมหะ  แก้เจ็บตา เวียนศีรษะ ไอกรน คางทูม
#5
ไม้พุ่ม / แย้มปีนัง รหัส 7-34190-001-422
22 มิถุนายน 2013, 13:52:29 หลังเที่ยง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Strophanthus gratus Franch.
ชื่อวงศ์ : Apocynaceae
ชื่อสามัญ : Climbing oleander, Cream fruit 
ชื่อพื้นเมือง : บานทน หอมปีนัง   
ชนิดพืช [Plant Type] : ไม้พุ่ม   
ขนาด [Size] : สูง 3-4 เมตร   
สีดอก [Flower Color] : สีขาวอมม่วงชมพู   
ฤดูที่ดอกบาน [Bloom Time] : หมุนเวียนตลอดปี   
อัตราการเจริญเติบโต [Growth Rate] : เร็ว   
ลักษณะนิสัย [Habitat] : ดินร่วน ระบายน้ำได้ดี     
ความชื้น [Moisture] : ปานกลาง     
แสง [Light] : แดดเต็มวัน-ปานกลา
ลักษณะทั่วไป (Characteristic) : ไม้พุ่มขนาดกลาง ลำต้นตั้งตรง แตกกิ่งก้านจำนวนมาก พุ่มแน่นทึบ
  ใบ (Foliage) :    ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม ใบรูปรีแกมรูปขอบขนาน กว้าง 4-6 เซนติเมตร ยาว 9-13 เซนติเมตร ปลายใบเรียวแหลมและมีติ่ง   โคนใบสอบ  ขอบใบเรียบ   แผ่นใบหนาคล้ายแผ่นหนัง  ผิวใบด้านบนสีเขียวเข้มเป็นมัน
  ดอก (Flower) :  สีขาวอมม่วงชมพู มีกลิ่นหอม ออกเป็นช่อแบบช่อกระจุกที่ปลายกิ่ง ช่อละ 5-20 ดอก รูปแตร
โคนกลีบดอกเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 5 แฉก ขอบบิดโค้ง มีรยางค์เป็นเส้นสีม่วงเข้มยื่นออกมารอบปากหลอด
ดอกบานเต็มที่กว้าง 4-5 เซนติเมตร
  ผล (Fruit) :  ผลแห้งเป็นฝักคู่ติดกัน รูปเรียวยาว ยาว 40-45 เซนติเมตร เมื่อแก่แตกแนวเดียว เมล็ดสีน้ำตาล
มีขนกระจุกสีขาว

การใช้งานด้านภูมิทัศน์ (Landscape Used) :  ปลูกประดับสวน  เพื่อเป็นฉากบังสายตา  ปลูกริมถนน  ทางเดิน
ลานจอดรถ ดอกสวย มีกลิ่นหอมเย็น ปลูกเลี้ยงง่าย ตัดแต่งทรงพุ่มได้ ทนแล้ง แต่ยางมีพิษ

ประโยชน์ :  -
#6
ไม้พุ่ม / เปลวสุริยา รหัส 7-34190-001-210
22 มิถุนายน 2013, 13:41:45 หลังเที่ยง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cordyline fruticosa (L.) Goeppert
ชื่อวงศ์ : AGAVACEAE
ชื่อสามัญ : Cordyline
ชื่อพื้นเมือง : หมากผู้   มะผู้มะเมีย
ลักษณะทั่วไป (Characteristic) :   ไม้พุ่มขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ลำต้นตั้งตรงมีขนาดเล็กกลม มีข้อถี่ ลำต้นมีสีน้ำตาลอ่อน
ใบ (Foliage) : ใบเดี่ยว เรียงเวียนสลับแตกออกตามข้อของลำต้นซ้อนกันถี่ ใบรูปใบหอกแกมรูปขอบขนาน
กว้าง 2-10 เซนติเมตร  ยาว 20-50 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบแผ่เป็นกาบใบหุ้มลำต้น ขอบใบเรียบ แผ่นใบเป็นลอนคลื่นเล็กน้อยและมีสีสันแตกต่างกันไปตามชนิดพันธุ์ เช่นสีเขียวล้วน แดงล้วน เขียวแถบเหลือง หรือเขียวแถบแดง
ดอก (Flower) : สีขาวอมเหลืองหรือม่วงแดง ออกเป็นช่อแบบช่อแยกแขนงจากส่วนยอดของลำต้น  ช่อละ
5-10 ดอก ดอกย่อยมีขนาดเล็ก
ผล (Fruit) : ผลสดแบบมีเนื้อ ทรงกลม มีขนาดประมาณ 8 มิลลิเมตร ผลสุกสีแดง มีหลายเมล็ด
การใช้งานด้านภูมิทัศน์ (Landscape Used) :  ปลูกลงกระถางประดับในอาคาร  หรือปลูกในสวนที่มีแสงปาน-กลางถึงรำไรเพื่อเป็นจุดเด่นสวนหย่อม ริมน้ำตก ลำธาร ปลูกริมทะเลได้
ประโยชน์ :  ใบใช้ขับพิษ แก้ไข้หวัด แก้ร้อนใน กระหายน้ำ


#7
ไม้พุ่ม / ศรีเศวต (สีเขียว) รหัส 7-34190-001-209
22 มิถุนายน 2013, 13:38:37 หลังเที่ยง
ชื่อวิทยาศาสตร์: Cordyline fruticosa.
ชื่อวงศ์AGAVACEAE
ชื่อสามัญ: Cordyline
ชื่อท้องถิ่น:มะผู้  มะเมีย  หมากเมีย
ลักษณะวิสัย: ไม้พุ่ม
ลักษณะ:เป็นไม้เนื้ออ่อนสูงไม่เกิน  2  เมตร  มีใบ
ยาวคล้ายใบหอกหรือดาบปลายใบตั้งหรือพับลง
ใบมีสีสันสะดุดตา เป็นไม้ประดับที่ชอบแสงปานกลาง ชอบความชื้นปานกลางนิยมปลูกร่องระหว่างกลางสวน หรือใต้ต้นไม้ใหญ่ชาวสวนนิยมเก็บใบมัดเป็นกำๆเพื่อไปส่งตลาดกลางเช่น ปากคลองตลาด ออกดอกปลายยอด และติดผลสามารถนำเพาะหรือผสมให้เกิดพันธุ์ใหม่ๆได้ 
#8
ไม้พุ่ม / วาสนาสพายทอง รหัส 7-34190-001-208
22 มิถุนายน 2013, 13:28:56 หลังเที่ยง
7-34190-001-208  วาสนาสพายทอง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dracaena fragrans (L.) Ker Gawl.
ชื่อวงศ์ : DRACAENACEAE
ชื่อสามัญ : Com plant, Dracaena
ชื่อพื้นเมือง : ประเดหวี
ลักษณะทั่วไป (Characteristic) :   ไม้พุ่มขนาดกลางถึงขนาดใหญ่  ลำต้นสีน้ำตาลอมเทา  แตกกิ่งเเชนงได้ดี
ใบ (Foliage) :   ใบเดี่ยว เรียงเวียนสลับถี่ที่ปลายยอด ใบรูปขอบขนานถึงรูปใบหอก กว้าง 6-10 เซนติเมตร
ยาว 30-90 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบสอบเรียว ขอบใบเรียบ แผ่นใบค่อนข้างหนา สีเขียวหรือมีลายสีเหลืองหรือสีขาวอมเขียวสลับตามยาว   หลายพันธุ์มีลายขาวอมเขียวลายเหลืองนวล   ปลายใบมักจะอ่อนโค้งลง ผิวเป็นมัน ก้านใบเป็นกาบหุ้มลำต้น
ดอก (Flower) :     สีชมพูอ่อนถึงขาว  มีกลิ่นหอมแรง  ออกเป็นช่อแบบช่อแยกแขนงตามซอกใบที่ปลายต้น
ช่อดอกยาว 45-50 เซนติเมตร   ใบประดับแห้งสีขาว  มีดอกย่อยจำนวนมาก โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็น
หลอด   ปลายแยก 6 กลีบ  บานกลางคืนโดยบานเกือบพร้อมกันทั้งช่อ    ดอกบานเต็มที่กว้าง 1 เซนติเมตร
ผล (Fruit) : ผลสด ทรงกลมถึงรี สีแดง ส้ม เหลือง มีเมล็ด 1-3 เมล็ด สีขาวถึงน้ำตาล
การใช้งานด้านภูมิทัศน์ (Landscape Used) : ปลูกเป็นไม้กระถางประดับในอาคารหรือปลูกลงแปลง ริมทะเล ใบสวยงาม ดอกมีกลิ่นหอมช่วงเย็น มีหลายพันธุ์ ทนร่มได้ดี ถ้าแดดจัดใบจะเหลืองหรือไหม้ ไม่ทนน้ำท่วมขัง


   

#9
ไม้เลื้อย / ราชินีหินอ่อน รหัส 7-34190-001-207
22 มิถุนายน 2013, 13:24:33 หลังเที่ยง
อสามัญ Marble Queen
ชื่อวิทยาศาสตร์ Scindapsus aureus.
ตระกูล ARACEAE
ชื่ออื่นพลูด่าง พลูฝรั่ง
ลักษณะทั่วไป
          ราชินีหินอ่อนเป็นพรรณไม้ที่มีเถาเลื้อยลำต้นมีความยาวประมาณ1015เมตรลำต้นอ่อนอวบน้ำมีสีเขียวและมีรากยึดเกาะออกตามต้น ใบแตกออกตามข้อต้นลักษณะคล้ายใบพลูใบมนป้อมปลายใบแหลมโคนใบบนเว้าเล็กน้อยลักษณะคล้ายรูปหัวใจขนาดใบกว้างประมาณ46เซนติเมตรยาวประมาณ58เซนติเมตรผิวใบเรียบสีเขียวและมีลายประสีขาวหรือเป็นแถบสีขาวนวลคล้ายกับลายหินอ่อน
#10
กล้วยไม้ / เขาแกะ รหัส 7-34190-001-206
22 มิถุนายน 2013, 13:19:09 หลังเที่ยง
ชื่อวิทยาศาสตร์ Rhynchostylis coelestris Rchb. f.
ชื่อวงศ์ ORCHIDACEAE
ชื่อพื้นบ้าน เอื้องเขาแกะ เอื้องขี้หมา
เขาแกะ Rhynchostylis coelestis -Purple form
Rhynchostylis coelestris Rchb. f.
ลักษณะช่อดอกตั้งขึ้น ใบมีลักษณะแบนคล้ายแวนด้า ยาวประมาณ 15 เซนติเมตร และบางกว่ากล้วยไม้ชนิดอื่นในสกุลเดียวกัน โคนใบซ้อนกันเป็นแผง ใบโค้งสลับกันในทางตรงกันข้าม ด้วยลักษณะนี้เองจึงได้ชื่อว่า "เขาแกะ" ช่อดอกเป็นรูปทรงกระบอก มีดอกแน่นช่อ ดอกมีขนาดประมาณ 2 เซนติเมตร กลีบดอกทั้งกลีบนอกและกลีบในมีพื้นสีขาว มีแต้มสีม่วงครามที่ปลายกลีบทุกกลีบ ฐานของแผ่นปากและครึ่งหนึ่งของแผ่นปากที่ต่อกับฐานมีสีขาว ส่วนอีกครึ่งหนึ่งของแผ่นปากเป็นสีม่วงครามเช่นเดียวกับที่ปลายกลีบแต่สีเข้มกว่า ปากของเขาแกะคล้ายกับปากของไอยเรศ สีม่วงครามของเขาแกะบางต้นอาจมีสีต่างออกไป เช่น มีสีม่วงมากจนเกือบแดง เรียกว่า "เขาแกะแดง"เดือยดอกยาวกว่าและแคบกว่าของไอยเรศ ปลายของเดือยดอกโค้งลง ดอกบานทนประมาณสองสัปดาห์ ฤดูออกดอกประมาณเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม
ชื่อวิทยาศาสตร์: Rhynchostylis coelestris Rchb. f.
เขาแกะ หรือชื่อพื้นเมืองอื่น เอื้องเขาแกะ, เขาควาย, เอื้องขี้หมา มีลักษณะช่อดอกตั้งขึ้น ใบมีลักษณะแบนคล้ายแวนด้า ยาวประมาณ 15 เซนติเมตร และบางกว่ากล้วยไม้ชนิดอื่นในสกุลเดียวกัน โคนใบซ้อนกันเป็นแผง ใบโค้งสลับกันในทางตรงกันข้าม ด้วยลักษณะนี้เองจึงได้ชื่อว่า "เขาแกะ" ช่อดอกเป็นรูปทรงกระบอก มีดอกแน่นช่อ ดอกมีขนาดประมาณ 2 เซนติเมตร กลีบดอกทั้งกลีบนอกและกลีบในมีพื้นสีขาว มีแต้มสีม่วงครามที่ปลายกลีบทุกกลีบ ฐานของแผ่นปากและครึ่งหนึ่งของแผ่นปากที่ต่อกับฐานมีสีขาว ส่วนอีกครึ่งหนึ่งของแผ่นปากเป็นสีม่วงครามเช่นเดียวกับที่ปลายกลีบแต่สีเข้มกว่า ปากของเขาแกะคล้ายกับปากของไอยเรศ สีม่วงครามของเขาแกะบางต้นอาจมีสีต่างออกไป เช่น มีสีม่วงมากจนเกือบแดง เรียกว่า "เขาแกะแดง" บางต้นมีสีไปทางสีฟ้าหรือสีน้ำเงิน บางต้นดอกมีสีขาวบริสุทธิ์ เรียกว่า "เขาแกะเผือก" ซึ่งค่อนข้างหาได้ยาก เดือยดอกยาวกว่าและแคบกว่าของไอยเรศ ปลายของเดือยดอกโค้งลง ดอกบานทนประมาณสองสัปดาห์