ผู้เขียน หัวข้อ: ส่งงานเรื่อง cms lms lcms  (อ่าน 1826 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

anucha54

  • บุคคลทั่วไป
ส่งงานเรื่อง cms lms lcms
« เมื่อ: วันที่ 27 พฤษภาคม 2010, 10:51:51 »
นายอนุชา พิลาดี ม.5/4 เลขที่ 6

CMS หมายถึง
CMS คือ ระบบที่พัฒนา คิดค้นขึ้นมาเพื่อช่วยลดทรัพยากรในการพัฒนา(Development) และบริหาร(Management)เว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกำลังคน ระยะเวลา และเงินทอง ที่ใช้ในการสร้างและควบคุมดูแลไซต์ โดยส่วนใหญ่แล้ว มักจะนำเอา ภาษาสคริปต์(Script languages) ต่างๆมาใช้ เพื่อให้วิธีการทำงานเป็นแบบอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็น PHP, Perl, ASP, Python หรือภาษาอื่นๆ(แล้วแต่ความถนัดของผู้พัฒนา) ซึ่งมักต้องใช้ควบคู่กันกับโปรแกรมเว็บเซิร์ฟเวอร์(เช่น Apache) และดาต้าเบสเซิร์ฟเวอร์(เช่น MySQL) ลักษณะเด่นของ CMS ก็คือ มีส่วนของ Administration panel(เมนูผู้ควบคุมระบบ) ที่ใช้ในการบริหารจัดการส่วนการทำงานต่างๆในเว็บไซต์ ทำให้สามารถบริหารจัดการเนื้อหาได้อย่างรวดเร็ว และเน้นที่การ จัดการระบบผ่านเว็บ(Web interface) ในลักษณะรูปแบบของ ระบบเว็บท่า(Portal Systems) โดยตัวอย่างของฟังก์ชันการทำงาน ได้แก่ การนำเสนอบทความ(Articles), เว็บไดเรคทอรี(Web directory), เผยแพร่ข่าวสารต่างๆ(News), หัวข้อข่าว(Headline), รายงานสภาพดินฟ้าอากาศ(Weather), ข้อมูลข่าวสารที่น่าสนใจ(Informations), ถาม/ตอบปัญหา(FAQs), ห้องสนทนา(Chat), กระดานข่าว(Forums), การจัดการไฟล์ในส่วนดาวน์โหลด(Downloads), แบบสอบถาม(Polls), ข้อมูลสถิติต่างๆ(Statistics) และส่วนอื่นๆอีกมากมาย ที่สามารถเพิ่มเติม ดัดแปลง แก้ไขแล้วประยุกต์นำมาใช้งานให้เหมาะสมตามแต่รูปแบบและประเภทของเว็บไซ ต์นั้นๆ
ที่มา http://www.mindphp.com/modules.php?name=News&file=article&sid=51
LMS หมายถึง

LMS คือเน้นที่การใช้เพื่อบริหารจัดการการเรียนการสอนทั้งในห้องเรียนปกติและใน ห้องเรียนเสมือน เพื่อช่วยให้การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนทำได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ WBI เน้นการนำเสนอเนื้อหาของรายวิชาทางเว็บ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้และทบทวนได้ตามศักยภาพของผู้เรียน Virtual Classroom เน้นการจัดกิจกรรมในเว็บที่จำลองกิจกรรมต่างๆ ให้เหมือนหรือใกล้เคียงกับห้องเรียนปกติLMS ย่อมาจาก Learning Management System เป็นระบบที่ใช้บริหารจัดการการเรียนรู้ที่อำนวยความสะดวกในการจัดกลุ่ม เนื้อหาและกิจกรรมการเรียนรู้ การสื่อสารโต้ตอบระหว่างผู้สอน (Instructor/Teacher) กับผู้เรียน(Student) รวมทั้งการสร้างแบบทดสอบ การทดสอบและการประเมินผลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยโปรแกรมที่ใช้สร้างระบบ LMS
ที่มา http://www.pochanukul.com/?p=44

LCMS หมายถึง

LCMS (Learning Content Management System ) คือระบบจัดการเนื้อหาการเรียนรู้ พัฒนามาจากระบบการเรียนรู้ 2 ระบบ คือ
1) ระบบการจัดการเรียนรู้ (Learning Management System: LMS) ซึ่งมีความสามารถในการนำเนื้อหาการเรียนรู้ มารวมกันเป็นกลุ่ม ๆ เรียกว่า Course แล้วนำเข้าสู่ระบบ
2) ระบบบริหารจัดการเนื้อหา (Content Management System: CMS)
จุดเด่นของระบบ คือสามารถสร้าง และจัดเก็บข้อมูลเมื่อนำความสามารถของทั้ง 2 ระบบมาผนวกเข้าด้วยกัน แล้วพัฒนาต่อจนเกิด LCMS โดยมีการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบ คือระบบสามารถสร้างจัดเก็บ นำมา ใช้ใหม่ จัดการและเผยแผ่เนื้อหา จากฐานข้อมูลของเนื้อหาทั้งหมด ซึ่งประกอบไปด้วย Course,Learning object, Metadata and Repository
สรุปคือ LCMS ช่วยให้สามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากมีการแบ่งเนื้อหาออกเป็นส่วนย่อย ๆ อย่าง Learning object แล้วนำมาประกอบขึ้นใหม่เป็นเนื้อหาที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้เรียนแต่ ละบุคคล เหมือนกับปรัชญาการผลิตเรื่อง Just-in-time กล่าวคือส่งความรู้ในปริมาณที่เพียงพอให้ถูกบุคคล ทันเวลาเหมาะสมกับการใช้งาน แต่ระบบสามารถจัด Learning object ได้ต้องให้ผู้เรียนทำแบบทดสอบก่อนการเข้าเรียน แล้วนำไปวิเคราะห์หา learning path สรุปการทำงานของระบบจัดการเนื้อหาการเรียนรู้
ที่มา http://nongna005.multiply.com/journal/item/16


ความแตกต่าง ของ CMS LMS และLCMS
CMS คือ ระบบที่พัฒนา คิดค้นขึ้นมาเพื่อช่วยลดทรัพยากรในการพัฒนา(Development) และบริหาร(Management)เว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกำลังคน ระยะเวลา และเงินทอง ที่ใช้ในการสร้างและควบคุมดูแลไซต์ โดยส่วนใหญ่แล้ว มักจะนำเอา ภาษาสคริปต์(Script languages) ต่างๆมาใช้ เพื่อให้วิธีการทำงานเป็นแบบอัตโนมัติ
LMS คือเน้นที่การใช้เพื่อบริหารจัดการการเรียนการสอนทั้งในห้องเรียนปกติและใน ห้องเรียนเสมือน เพื่อช่วยให้การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนทำได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ WBI เน้นการนำเสนอเนื้อหาของรายวิชาทางเว็บ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้และทบทวนได้ตามศักยภาพของผู้เรียน Virtual Classroom
LCMS สามารถสร้าง และจัดเก็บข้อมูลเมื่อนำความสามารถของทั้ง 2 ระบบมาผนวกเข้าด้วยกัน แล้วพัฒนาต่อจนเกิด LCMS โดยมีการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบ คือระบบสามารถสร้างจัดเก็บ นำมา ใช้ใหม่ จัดการและเผยแผ่เนื้อหา จากฐานข้อมูลของเนื้อหาทั้งหมด
เขียนโดย กนกพรรณ 52C05 ที่ 23:42
ประโยชน์ ของ CMS

ประโยชน์ เบื้องต้นที่ผู้ใช้งานจะได้รับเมื่อนำ CMS เข้ามาสร้างและดูแลเว็บไซด์ มีดังนี้

   1. ควบคุมรูปแบบของเว็บไซด์ได้ดี
   2. อัปเดตเว็บไซด์ได้จากทุกๆ ที่
   3. ไม่ต้องมีความรู้ภาษา HTML และ Script
   4. รองรับการทำงานจากผู้ใช้งานหลายคนได้พร้อมกัน
   5. เพิ่มศักยภาพในการร่วมมือกันทำงาน
   6. การนำชิ้นส่วนเนื้อหากลับมาใช้ใหม่
   7. การเข้าใช้งาน CMS ไม่ต้องติดตั้งโปรแกรม
            ประเภทของ CMS

- weblog เป็น CMS ส่วนของการบันทึกเผยแพร่ส่วนบุคคล weblog นิยมเรียกสั้นๆ ว่า blog (บล็อก) หมายถึงบันทึกบน เวิลด์ไวล์เว็บ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยขณะนี้มีผู้ใช้บล็อกมากมาย ทั้งแบบให้บริการฟรี และเสียค่าใช้จ่าย weblog เป็นเว็ปหนึ่งที่มีรูปแบบง่ายๆ โดยมากจะเป็นในลักษณะเว็บไซต์ส่วนตัวคนสร้างต้องการประกาศข่าวสาร การแสดงความคิดเห็น การเผยแพร่ผลงาน ความในใจ เป็นต้น ด้านออกแบบเครื่องมือให้เป็นแบบ WYSIWYG editor (What You See It What You Get) เพราะมีเครื่องมือที่ดูง่ายและเข้าใจ คล้ายๆ กับเครื่องมือในโปรแกรมการทำงานทั่วไป ทำให้ผู้ที่สร้างเอกสารสามารถทำได้ด้วยความรวดเร็ว โดยเนื้อหานั้นจะมีส่วนประกอบสามส่วนคือ ห้อข้อ (Title) เป็นหัวข้อสั้นๆ เนื้อหา (Post หรือ Content) เป็นเนื้อหาหลักที่คนสร้าง blog ต้องการที่จะบอกให้คุณทราบ วัน เดือน ปี ที่เขียน - e-Commerce เป็น CMS ส่วนของการทำร้านค้า online ที่สามารถใช้ในการซื้อสินค้า หรือเพิ่มรายการสินค้า ราคา กำลังได้รับความนิยมขึ้นมาเรื่อยๆ - e-Learning เป็น CMS ที่ใช้ในการทำงานสื่อการเรียนการสอน หรือ CAI แต่สามารถที่จะทำเป็นระบบ online ได้ เหมาะสำหรับนักเรียน ครู อาจารย์ หรือสถานศึกษาต่างๆ สามารถสร้างแบบทดสอบต่างๆ ได้ - Forums (กระดานข่าว) เป็น CMS ที่ใช้เป็นการตั้งกระทู้ถามตอบปัญหาหรือทำเป็นชุมชมต่างๆ โดยจะมีการแบ่งเป็นหัวข้อหรือหมวดต่างๆ ตามความสนใจของผู้เข้าชม ซึ่งส่วนมากแล้ว forums จะผูกติดกับตัว CMS ตัวอื่นๆ เข้าด้วยกัน - Groupware เป็น CMS ที่ออกแบบมาเพื่อที่จะช่วยการทำงานในองค์กรหรือหน่วยงานให้มีความสัมพันธ์ กัน และมีความรวดเร็วในการทำงาน สามารถทำงานเป็นทีมและควบคุมการทำงานได้ โดยการทำงานก็จะผ่านระบบเน็ตเวิร์คหรือระบบเว็บออนไลน์ - Image Galleries (อัลบั้มภาพ) เป็น CMS ที่กำลังได้รับความนิยมอีกตัวหนึ่งโดย CMS ประเภทนี้ใช้ในการจัดอัลบั้มภาพ ฟังก์ชั่นในการใช้งานแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ของภาพ สามารถกำหนดขนาดของภาพ และขนาดของไฟล์ ก็ได้ - Portals เป็น CMS ที่เป็นหน้าตาหลักของเว็บไซต์ ซึ่งการทำงานนั้นก็อาจจะทำงานด้วยตัวของมันเองได้ แต่ในขณะเดียวกันสามารถนำเอาตัวอื่นๆ เข้ามารวมผนวกเพิ่มเติมได้ - Wiki เป็น CMS ที่ออกแบบเว็บไซต์อนุญาตให้ผู้ใช้ เพิ่มและแก้ไขเนื้อหาได้โดยง่าย เหมือนกับการเขียนบทความร่วมกัน ลักษณะจะออกไปแนวสารานุกรมหรือแหล่งรวมข้อมูลความรู้จำนวนมากๆ โดยจะเป็นการระดมความเห็นจากหลายๆ คนมาใช้งาน ซึ่งมีตัวอย่างของไทยก็สามารถเข้าไปดูได้ที่ http://th.wikipedia.org